มาอีกค่ายแล้ว กับโครงการชุบชีวิต แบรนด์ไอค่อนแห่งยุค 90 ซึ่งคราวนี้เป็นคิวของ Mazda ที่เลือกเจ้า Eunos Roadster หรือ MX-5 / Miata (NA) ที่เราๆคุ้นเคยกัน มาทำโครงการให้กับลูกค้า Mazda ที่อยากจะฟื้นฟูสภาพรถ MX-5 ของตน ที่น่าจะมีอายุร่วมๆเกิน 20 ปี ให้กลับมาใสปิ๊งเหมือนใหม่ แบบสภาพเพิ่งออกมาจากโรงงานกันเลย
ตามปกติแล้วโครงการฟื้นฟูสภาพรถเก่าให้กลับสู่สภาพโรงงานนั้น จะเห็นกันบ่อยๆจากแบรนด์รถหรูระดับพรีเมี่ยม อย่างเช่น Mercedes-Benz , Ferrari หรือ Porsche ที่มีโครงการเช่นนี้ให้เราได้เห็น Project การทำรถเก่าให้กลับมาเป็นสภาพเหมือนใหม่
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มี Nissan ที่ได้เริ่มโครงการเช่นนี้กับเจ้า Nissan GT-R (R32) ไปแล้วเมื่อเดือน เมษายนที่ผ่านมา (อ่านข่าวได้ที่นี่)
ลูกค้า MX-5 ที่สนใจนำรถเข้าร่วมโครงการนี้ ทาง Mazda ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของ MX-5 (NA) จัดเตรียมอะไหล่แท้ สภาพดั้งเดิมโรงงานไว้ให้เลือกซื้อ โดยในชุดเริ่มต้นนั้น จะประกอบไปด้วย ชุดหลังคาผ้าใบ, พวงมาลัย และ หัวเกียร์แท้ จาก Nardi รวมไปถึงยางรุ่นเดิมอย่าง Bridgestone SF-325 (ผู้เขียนถึงขั้นต้องแอบส่องด้วย Google ว่ามันคือรุ่นอะไรกัน ไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่ก็พบว่าเป็นยางติดรถ MX-5 (NA) จากโรงงานในสมัยนั้น)
นับว่าเป็นเรื่องน่าดีใจสำหรับผู้ใช้ Mazda MX-5 ที่รอคอยโครงการเช่นนี้อยู่ หากติดตรงที่ว่า ตอนนี้โครงการนี้ยังจำกัดอยู่เพียงแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ ยังคงต้องเฝ้ารอกันไปว่าทาง Mazda เองจะขยายโครงการออกไปหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีจากทางแบรนด์ Mazda ที่ทำโครงการเช่นนี้ ออกมาเอาใจแฟนๆ MX-5 ที่มีอยู่มากมายทั่วโลก ซึ่งงานนี้ก็น่าจะได้ใจกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องราวคร่าวๆเกี่ยวกับ Mazda MX-5 โดย The Real Meaw
นับตั้งแต่ Mazda เปิดตัวรถเปิดประทุน MX-5 ในปี 1989 ภาพลักษณ์ของ Mazda ก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้งานได้ดี กลายมาเป็นบริษัทอันเป็นที่รักของผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถยนต์ทั่วโลก MX-5 มีส่วนประกอบที่ล้วนแต่เอาใจผู้รักการขับขี่ น้ำหนักเบา พวงมาลัยแม่นยำ ช่วงล่างที่มอบความสนุกบนถนนที่คดเคี้ยว ในรูปแบบของรถสปอร์ตเปิดประทุนที่ชวนให้นึกถึงรถสปอร์ตของอังกฤษในช่วงก่อนยุค 1980
Mazda จำหน่าย MX-5 ออกไปได้อย่างง่ายดาย จนรถรุ่นนี้กลายมาเป็นรถสปอร์ต Roadster ที่มียอดขายดีที่สุดตลอดกาล เนื่องจากส่วนประกอบที่กล่าวมาข้างต้น มาผสมรวมกับความน่าเชื่อถือของการประกอบรถยนต์แบบญี่ปุ่น การดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายดาย เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน และราคาที่ย่อมเยา