หลังจากรถยนต์ Volkswagen กว่า 11 ล้านคัน สร้างเรื่องอื้อฉาวช็อควงการรถยนต์ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์
เพื่อหลอกการทดสอบมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ในรถยนต์ของตน ให้พบค่ามลพิษน้อยกว่าปกติ
ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Volkswagen ร่วงดิ่ง ท่ามกลางความกังขาของผู้คนว่า Volkswagen หลอกผู้คนมา
กว่า 6 ปีเต็มได้อย่างไร และเป็นแบรนด์รถยนต์เพียงแบรนด์เดียวหรือไม่ ที่กล้าตบตาผลทดสอบมลพิษแบบนี้?
ล่าสุด บอร์ดผู้บริหารของ Volkswagen Group ได้ประชุมใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเห็นชอบให้ Martin Winterkorn
ประธานบริหารของ Volkswagen Group ได้ก้าวลงจากตำแหน่งแล้วเรียบร้อย เพื่อรับผิดชอบต่อความเสียหาย
ที่เกิดขึ้น ซึ่ง Winterkorn ได้กล่าวแถลงอย่างเป็นทางการว่า :
เขาขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ขอบอร์ดผู้บริหารอนุมัติให้ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Volkswagen Group
ซึ่งเขาต้องการออกจากตำแหน่งเพื่อกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่ได้ทำผิดก็ตาม
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกตกใจกับการประพฤติผิดอันใหญ่หลวงเช่นนี้ของ Volkswagen Group และการที่เขา
ก้าวลงจากตำแหน่ง จะช่วยให้กลุ่มบริษัท Volkswagen ได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆได้ ซึ่งรวมถึงบุคลากรใหม่ๆที่จะ
ได้ก้าวเข้ามาร่วมงานให้ Volkswagen ด้วย และเขายังกล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทุ่มเทการทำงาน
ในตำแหน่งนี้มาโดยตลอด และ VW ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว การตัดสินใจของเขา ยังช่วยทำให้
เกิดความโปร่งใสในกลุ่ม VW Group มากขึ้นด้วย และถึงแม้เขาจะต้องบอกลาตำแหน่งไป เขาก็เชื่อว่าพนักงานทุกคน
จะเข้มแข็งและก้าวผ่านวิกฤตนี้ได้อย่างสง่างาม
ด้านบอร์ดผู้บริหารจะทำการประชุมใหญ่อีกครั้งในวันศุกร์นี้ เพื่อทำการหารือว่าใครจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
ประธานบริหารแทน Winterkorn โดยที่ผ่านมา Winterkorn ถือว่าเป็น CEO ที่ได้ค่าตอบแทนมากที่สุดในเยอรมนี
และเขากำลังจะเซ็นสัญญาดำรงตำแหน่งต่ออีก 3 ปีในสัปดาห์นี้ แต่ก็กลับมาเรื่องนี้เกิดขึ้นเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ The Verge ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำแถลงฝั่งบอร์ดผู้บริหารที่กล่าวว่า Winterkorn
ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการโกงผลทดสอบมลพิษนี้เลย ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมันจะเป็นความจริงหรือ?
เหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเรื่องอื้อฉาวชิ้นโตขัดขายักษ์ใหญ่อย่าง Volkswagen Group จนทำให้พลาดการก้าวขึ้น
เป็นแบรนด์รถยนต์เบอร์ 1 ของโลกภายในปี 2020 หรือไม่? ต้องดูกันยาวๆเลยครับงานนี้
ที่มา : The Verge / Volkswagen