Lexus RX คือ ยนตกรรม Crossover ระดับหรู เป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดตลอดระยะเวลา 26 ปีในประวัติศาสตร์ของ
แบรนด์ Lexus การแนะนำ RX ใหม่ครั้งนี้ คือการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมใหม่ทั้งหมด โดยมุ่งที่จะรักษาจุดแข็งสำคัญ
ของรุ่นปัจจุบันไปพร้อมกับการพัฒนารูปโฉมภายนอก แต่คงไว้ซึ่งความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่

“ RX ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในตลาดรถ Premium Crossover SUV และเป็นโมเดลหลักของแบรนด์ Lexus
ด้วยยอดขายสูงถึงประมาณ 30% ของยอดจาหน่าย Lexus ทั่วโลกในกว่า 80 ประเทศ ทั้งยังมียอดจาหน่ายกว่า 12,000 คัน
ต่อเดือน เป็นระยะเวลากว่า 14 ปี สำหรับในประเทศไทย ได้มีการเปิดตัว RX ในปี 2546 และได้รับความนิยมในกลุ่มตลาด
รถ Premium Crossover SUV เสมอมา

Lexus RX ใหม่เป็น รุ่นที่ 4 ประกอบด้วย RX 200t / RX 350 และ RX 450h เป็นรถที่สืบทอดเอกลักษณ์แห่ง RX
ควบคู่กับการคง DNA ของรถ Premium Crossover SUV ภายใต้หลักการพัฒนา 4 จุดหลัก ได้แก่

– ความสมบูรณ์แบบแห่งดีไซน์ Seductive Strength
– ภายในหรูหรา สมความเป็น SUV ระดับหรู
– สมรรถนะ ให้สัมผัสการขับขี่ที่นุ่มนวล
– เทคโนโลยีที่ก้าวไกลเหนือระดับ

– ไฟหน้า แบบ BI-LED 3 ดวง รูปทรงตัว L (ทุกรุ่น ยกเว้น 200t Luxury) เอกลักษณ์เฉพาะของ Lexus
และโดดเด่นด้วยไฟ LED Daytime Running Lights ดีไซน์รูปหัวลูกศร และ ไฟตัดหมอกแบบ LED บริเวณกันชนด้านหน้า

– ไฟท้ายรูปตัว L พร้อมก้าวล้าหน้ากับไฟเลี้ยว LED Sequential ที่แสงสัญญาณจะกระพริบจากด้านในเลื่อนสู่ด้านนอก
ของโคมไฟหน้า (ทุกรุ่น ยกเว้น 200t Luxury)

– Touchless Power back door ครั้งแรกใน Lexus กับระบบเปิดประตูท้ายอัตโนมัติ เพียงยื่นมือเหนือสัญลักษณ์ Lexus
ที่มีเซ็นเซอร์ติดตั้งอยู่ สะดวกสบายกว่าในขณะถือสัมภาระ รถเปียกหรือสกปรก

– จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่และสัญญาณเตือนขนาดใหญ่ Large Colour HUD (Head-Up Display) แสดงข้อมูลการขับขี่
และสัญญาณเตือนต่างๆ ที่บริเวณส่วนล่างของกระจกหน้าในระดับสายตาของผู้ขับ ช่วยให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน
(ทุกรุ่น ยกเว้น 200t Luxury)

– จอ EMV RTI with Navi ขนาด 12.3 นิ้ว…ฟังก์ชั่นการทำงานของระบบมัลติมีเดียพร้อมหน้าจอ แสดงผล EMV
บริเวณกึ่งกลางแผงแดชบอร์ดหน้า เข้ากับจอมัลติมีเดียแบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว บริเวณมาตรวัด ผ่านสวิตช์บนพวงมาลัย
(เฉพาะ 350 และ 450h)

– เบาะหลังพร้อมระบบปรับและพับไฟฟ้า

มีให้เลือกด้วยกัน 3 รูปแบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังดังต่อไปนี้

RX 200t
รหัส 8AR-FTS เครื่องยนต์เบนซิน 4สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว Dual VVT-iw (Variable Valve Timing-intelligent Wide)
ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. Twin-Scroll Turbo ( พ่วงเทอร์โบ ) ทำงานร่วมกับ Air-to-liquid อินเตอร์คูลเลอร์
ให้กำลังสูงสุด 238 แรงม้า (PS) ที่ 4,800 – 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,650 – 4,000 รอบ/นาที
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1  จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

 
RX 350
รหัส 2GR-FKS เครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ 24 วาล์ว Dual VVT-iw (Variable Valve Timing-intelligent Wide)
D-4S ขนาด 3.5 ลิตร 3,456 ซีซี. กำลังสูงสุด 299 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร
ที่ 4,600 – 4,700 รอบ/นาที อัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

 
RX 450h
Lexus Hybrid Drive
รหัส 2GR-FXS เครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ 24 วาล์ว Dual VVT-iw (Variable Valve Timing-intelligent Wide)
Atkinson Cycle Engine ขนาด 3.5 ลิตร 3,456 ซีซี. กำลังสูงสุด 262 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1

มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า (123 KW) แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง ให้กำลังสูงสุด 67 แรงม้า (50 KW) แรงบิดสูงสุด 139 นิวตันเมตร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 650V Battery แบบ Nickel-Metal Hydride (Ni-MH) 240 Cells (288V)

เมื่อรวมเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 312 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

พร้อมกันนี้ยังมีโหมดขับขี่อัจฉริยะ (Driving Mode Select) สามารถเลือกสมรรถนะที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่
ไม่ว่าจะเป็น

– โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ
– โหมด ECO สำหรับความประหยัดสูงสุด
– โหมด Sport สำหรับประสบการณ์แห่งความสปอร์ตเร้าใจ
– โหมด Sport S+ (รุ่น F-Sport) สำหรับประสบการณ์ความสปอร์ตเร้าใจยิ่งกว่า ด้วยช่วงล่างที่ถูกปรับให้แกร่งขึ้น

ระบบช่วงล่างแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Variable Suspension System) ใน RX รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
โดยระบบ AVS จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน มาพร้อมลักษณะการจูนแบบพิเศษเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ

Lexus Safety System+ กับ Package ความปลอดภัยก่อนเกิดอุบัติเหตุ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อป้องกัน
อุบัติเหตุที่ล้ำสมัย ได้แก่

– ระบบเตรียมพร้อมก่อนการชน PCS (Pre-Crash Safety System) ด้วยสัญญาณเรดาร์และกล้อง
โดยจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ หากตรวจพบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชนด้านหน้า รวมทั้งสั่งการทำงาน
ของระบบเบรก (Pre-Crash Brake + Pre-Crash Brake Assist) (เฉพาะ 350 และ 450h)

– ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง พร้อมสัญญาณเตือน (Lane Keeping Assist : LKA) ส่งสัญญานเตือน
หากพบการขับออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ พร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย (เฉพาะ 350 และ 450h)

– ระบบเรดาร์รักษาความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วรถให้คงที่
และสัญญาณเรดาร์จะตรวจหาและรักษาระยะห่างจากรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า (เฉพาะ 350 และ 450h)

– ระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ AHS (Adaptive High-Beam System) ปรับไฟและกระจายแสง
อัตโนมัติด้วยไฟ LED 11 ตัว เพื่อวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุด (เฉพาะ 350และ 450h)

สีตัวถังภายนอกมีให้เลือกด้วยกัน 10 สี

• สีดำ Graphite Black Glass Flake (ใหม่)
• สีน้ำตาล Amber Crystal Shine (ใหม่) (เฉพาะรุ่น Luxury และรุ่น Premium)
• สีน้ำเงิน Deep Blue Mica (ใหม่)
• สีขาว White Nova Glass Flake (เฉพาะรุ่น F SPORT)
• สีขาว Sonic Quartz (เฉพาะรุ่น Luxury และรุ่น Premium)
• สีทอง Sleek Ecru Metallic (เฉพาะรุ่น Luxury และรุ่น Premium)
• สีเงิน Platinum Silver Metallic
• สีเงิน Sonic Titanium
• สีดำ Black
• สีแดง Red Mica Crystal Shine

สีภายในมี 3 โทนสี (ขึ้นอยู่กับรุ่น) วัสดุแผงข้างประตู

• Black
• Dark Rose (เฉพาะรุ่น F SPORT)
• Topaz Brown (รุ่น Luxury และ Premium)

วัสดุตกแต่ง มี 4 แบบ (ขึ้นอยู่กับโทนสีภายใน)

• Shimamoku (รุ่น Premium- ภายในสี Topaz Brown)
• Walnut (รุ่น Premium- ภายในสี Black)
• 3D Film (รุ่น Luxury)
• Aluminum (รุ่น F-Sport)

มีให้เลือกด้วยกัน 3 รูปแบบเครื่องยนต์ 5 รุ่นย่อย ดังต่อไปนี้

RX200t Luxury 2WD            3,990,000 บาท
RX200t Premium 2WD        4,490,000 บาท
RX200t F-Sport 4WD           4,990,000 บาท
* รุ่น RX200t F-Sport ราคาพิเศษถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2558
หลังจากนั้นจะปรับเป็น 5,090,000 บาท

RX350 F-Sport 4WD             6,800,000 บาท
RX450h Premium 4WD        7,600,000 บาท
* รุ่น RX350 และ RX450h จะนำเข้าแบบ Imported by Order
จะไม่นำเข้ามา หากไม่มีลูกค้าสั่งซื้อ

สเป็คเบื้องต้นของรุ่น RX200t

ภายนอก
– ระบบการฉีดน้ามันแบบ D-4ST (Direct-injection 4 stroke gasoline engine Superior version with Turbo)
– ระบบ Twin-Scroll Turbocharger ทา งานร่วมกับ Air-to-liquid อินเตอร์คูลเลอร์
– โหมดขับขี่อัจฉริยะ (Driving Mode Select)…ระบบควบคุมการขับขี่หลากหลายรูปแบบ
– กันชนหน้าดีไซน์ใหม่
– กระจังหน้าแบบ Spindle Grille และ กระจังหน้าลายตาข่าย เฉพาะรุ่น F-Sport
– ไฟหน้า แบบ BI-LED 3 ดวง รูปทรงตัว L และ ไฟกลางวัน Daytime Running Light แบบ LED (ยกเว้น 200t Luxury)
– ไฟตัดหมอกแบบ LED บริเวณกันชนด้านหน้า
– คิ้วฝาท้ายแบบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบ Sequential LED ดีไซน์รูปตัว L ใหม่ สัญญาณจะกระพริบจากด้านใน
เลื่อนสู่ด้านนอกของโคมไฟหน้า (ยกเว้น 200t Luxury)
– สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ด้านบนประตูหลัง
– มือจับประตูพร้อมระบบไฟส่องสว่าง
– หลังคา Moonroof บริเวณส่วนหน้า เปิด-ปิด ปรับเอนขึ้น-ลง
– ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่
พร้อมยางขนาด 235/65R18 (รุ่น 200t Luxury)
พร้อมยางขนาด 235/55R20 (รุ่น 200t Premium และ F-Sport)

ภายในห้องโดยสาร

– เบาะนั่งหนังแท้ Semi-aniline พร้อมระบบปรับและกรองอากาศในเบาะนั่ง ด้วยหนังแท้ Semi-aniline (รุ่น 200t Premium)
– เบาะหนัง Smooth Leather พร้อมระบบปรับและกรองอากาศในเบาะนั่ง (รุ่น 200t Luxury และ F-Sport)
– มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอ EMV RTI with Navi ขนาด 8 นิ้ว (รุ่น 200t F-Sport)
– มาตรวัดอนาล็อกแบบ 4 – dial และจอแสดงผล 3 มิติ (รุ่น 200t luxury และ 200t premium)
– ระบบมัลติมีเดียพร้อมหน้าจอ แสดงผล EMV บริเวณกึ่งกลางแดชบอร์ดหน้า เข้ากับจอมัลติมีเดียบริเวณมาตรวัด
ผ่านสวิตช์บนพวงมาลัย (รุ่น 200t Premium และ F-Sport)
– จอ Display with Audio Controller ขนาด 8 นิ้ว (รุ่น 200t Luxury)
– Remote touch interface เทคโนโลยี Touchpad ช่วยให้สั่งการระบบนำทางหรือระบบเครื่องเสียง
– จอแสดงผล EMV
– Large Colour HUD (Head-Up Display) จอแสดงข้อมูลการขับขี่และสัญญาณเตือนต่างๆบริเวณส่วนล่าง
ของกระจกหน้าในระดับสายตาของผู้ขับ ช่วยให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน (ทุกรุ่น ยกเว้น 200t Luxury)
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมการทางานของเครื่องเสียง – จอแสดงข้อมูลรวม – ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
– พวงมาลัยและเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระดับไฟฟ้า และระบบบันทึกจดจำตำแหน่งพวงมาลัยเบาะนั่งด้านคนขับและ
กระจกมองข้าง พร้อมระบบบันทึกตาแหน่งการขับ Memory Seat

– ระบบอัจฉริยะ S-Flow Control คำนวณอุณหภูมิภายในห้องโดยสารที่ตั้งไว้ อุณหภูมิด้านนอก หรือตำแหน่งที่
โดนแสดงแดด จากนั้นจะปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมพร้อมส่งลมเย็นสู่ผู้โดยสารโดยตรง
– Overhead Console Lamp Switches สวิตช์ควบคุมไฟส่องสว่างสีขาวและไฟส่องแผนที่แบบ LED
ที่คอนโซลเหนือศีรษะ พร้อมสวิตซ์เปิด-ปิดแบบสัมผัส
– ระบบเครื่องเสียง Lexus Premium Audio Surround Sound System พร้อมลาโพงประสิทธิภาพสูง 12 ตัว
– ที่ชาร์จแบบไร้สาย Wireless charger…บริเวณกล่องคอนโซนกลางรองรับระบบชาร์จไฟแบบ Qi
– กล่องคอนโซลกลางที่เปิดได้กว้าง…มาพร้อมไฟ LED ติดตั้งช่อง USB 2 ช่อง Mini-jack และปลั๊กจ่ายไฟ
ทั้งสาหรับผู้นั่งและเบาะหลัง พร้อมปลั๊กจ่ายไฟบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ
– ระบบกรองอากาศในห้องโดยสาร Nano-e ให้อากาศภายในห้องโดยสารบริสุทธิ์ ไร้กลิ่น และเชื้อโรค
ถนอมผิวให้ชุ่มชื้นทั่วทั้งห้องโดยสาร

ระบบความปลอดภัย

– ระบบช่วยเตือนจุดบอด BSM (Blind Spot Monitor System)
– ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) สัญญาณเรดาร์บริเวณกันชนหลัง
จะส่งสัญญาณเตือนหากพบรถที่วิ่งอยู่เลนข้างๆ ในตำแหน่งที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้หรือพบสิ่งกีดขวางด้านหลัง
ในขณะถอยรถ (200t Premium และ F-Sport )
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รักษาระดับความเร็วรถให้คงที่
– ระบบแสดงสภาพมุมสูง Panoramic view monitor บนหน้าจอ EMV และสามารถขยายภาพเพื่อดูตำแหน่ง
ที่ต้องการ เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น (200t Premium และ F-Sport )
– ไฟส่องสว่างมุมข้าง LED Wide-angle cornering lamps เพิ่มทัศนวิสัยและประหยัดพลังงาน
ช่วยให้เห็นทิศทางการขับขี่ และสังเกตคนเดินเท้าในขณะเลี้ยวได้ดียิ่งขึ้น (200t Premium และ F-Sport )

– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VSC
– ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
– ระบบเบรก ABS / EBD / BA
– ระบบช่วยจอด Parking Assist System
– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
– ระบบช่วยเตือนแรงดันลมยาง Tire Pressure Warning
– ถุงลมเสริมความปลอดภัย Dual-stage SRS (ระบบยึดหน่วงเสริม) ป้องกันสูงสุด
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร (200t Premium และ F-Sport ) มาพร้อมกันทั้ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ Twin Chamber – ด้านข้าง – ม่านนิรภัย – หัวเข่า – ใต้เบาะ