นับเป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้ว หลังจากที่รถยนต์ Luxury Grand Tourer ระดับเรือธง จากแบรนด์หรูของ Toyota ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ Lexus LC ได้เผยโฉมต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่งานจัดแสดงรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือ Detroit Auto Show ประจำปี 2016 ในสุดก็ถึงเวลาที่ต้องเสริมความสดใหม่ให้กับรถรุ่นนี้กันเสียที

สำหรับ Lexus LC รุ่นปี 2020 นั้น หลักๆ แล้ว จะถูกปรับปรุงรายละเอียดทางเทคนิคของระบบกันสะเทือน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมรรถนะการขับขี่ให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มอุปกรณ์ด้านความบันเทิง เพิ่มทางเลือกสีตัวถังภายนอก และโทนสีการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ทว่าในส่วนของงานออกแบบตัวถังภายนอก และภายใน ที่ดูล้ำสมัย แม้จะผ่านไปกี่ปีแล้วก็ตาม ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นล้ออัลลอย

ด้านนอก เพิ่มสีตัวถัง สีส้ม Cadmium Orange และสีเขียว Nori Green และปรับล้ออัลลอย forged น้ำหนักเบา ขนาด 21 นิ้ว 

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตัดอ็อพชั่นเสริมวัสดุหนังหุ้มเบาะ และแผงประตู สีขาว Bespoke White ออกไป และปรับโทนสีแดงใหม่ จากสีแดง Rioja Red มาเป็น Flare Red อีกทั้งยังเพิ่มระบบเชื่อมต่อมือถือ Android Auto มาให้เป็นอุปรกรณ์มาตรฐานด้วย

ด้านระบบกันสะเทือนถูกปรับจูนให้มีการตอบสนองนุ่มนวลในขณะขับขี่มากขึ้น โดยเพิ่มความยาวปีกนกด้านหน้า ปรับลดความแข็งของยางกันกระแทกด้านหน้า และปรับเหล็กกันโคลงด้านหลังให้ยืดหยุ่นมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนวัสดุที่นำมาผลิตชิ้นส่วน ปีกนกล่างด้านหน้า เหล็กกันโคลง คอยล์สปริง และล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้ว ด้านหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนัก unsprung weight  ลดลง 22 ปอนด์ หรือราว 10 กิโลกรัม

ในขณะเดียวกัน ด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ ยังติดตั้งระบบ Active Cornering Assist (ACA) เพิ่มเข้ามาให้ด้วยเพื่อช่วยควบคุมเสถียรภาพของตัวรถในขณะเข้าโค้งโดยอาศัยการทำงานของระบบห้ามล้อฝั่งด้านในโค้ง

เครื่องยนต์ Engine

LC500h

เครื่องยนต์รหัส 8GR-FXS เบนซิน บล็อก V6 สูบ DOHC 28 วาล์ว ขนาด 3.5 ลิตร 3,456 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 94.0 x 83.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 13.0 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection (D4-S) ด้วยหัวฉีด Electrical Fuel Injection (EFI) พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-iW (ฝั่งไอดี) และ VVT-i (ฝั่งไอเสีย) ให้กำลังสูงสุด 299 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 348 นิวตันเมตร ที่ 4,900 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 359 แรงม้า (PS) จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ Multi-stage Hybrid Transmission ขับเคลื่อนล้อหลัง

LC500

เครื่องยนต์รหัส 2UR-GSE เบนซิน บล็อก V8 สูบ DOHC 32 วาล์ว ขนาด 5.0 ลิตร 4,968 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 94.0 x 89.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 12.3 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection (D4-S) ด้วยหัวฉีด Electrical Fuel Injection (EFI) พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i ให้กำลังสูงสุด 477 แรงม้า (PS) ที่ 7,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 10 จังหวะขับเคลื่อนล้อหลัง

แม้ขุมพลังจะยังคงเป็นแบบเดิม แต่ทีมวิศวกรของ Lexus มีการปรับปรุงการทำงานของระบบส่งกำลัง Direct Shitf 10 จังหวะ ในรุ่น LC500 ให้สามารถลากรอบได้สูงขึ้น และเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ เมื่อคิกดาวน์ จากเกียร์ 3 มาเป็นเกียร์ 2 สำหรับระบบส่งกำลังแบบ Multi-Stage Hybrid Transmission ในรุ่น LC500h ซึ่งจะช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้นกว่าเดิม

ไลน์การผลิตของ Lexus LC ยังคงตั้งอยู่ที่โรงงาน Motomachi เหมือนเดิม ซึ่งเป็นสถานที่แห่งเดียวกับที่ใช้ผลิตรถยนต์ซูเปอร์คาร์อย่าง Lexus LFA โดยในส่วนของงานดีไซน์ งานเครื่องหนัง การทำสี การประกอบ ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพในขั้นสุดท้าย จะมีช่างฝีมือระดับสูงของญี่ปุ่น หรือ Takumi Craftsmanship คอยรับผิดชอบ และตรวจสอบความสมบูรณ์แบบอยู่ 

 

ที่มา : Lexus