Lexus เผยยอดขายรวมทั่วโลกของปี 2021 ปิดที่จำนวน 760,012 คัน ซึ่งมากกว่าปี 2020 ถึง 106% เป็นการแสดงให้เห็นว่า Lexus ได้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าตลาดหลักของค่ายจะยังปักหลักที่ทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยยอดขายกว่า 332,000 คัน ตามมาด้วยประเทศจีนจำนวน 227,000 คัน ทวีปยุโรปจำนวน 72,000 คัน ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด ขายไปได้จำนวน 51,000 คัน ทวีปเอเชียตะวันออก 30,000 คัน และปิดท้ายด้วย ประเทศกลุ่มตะวันออกกลางจำนวน 28,000 คัน เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตเทียบกับปีก่อนหน้า จะพบว่าสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเกือบทุกภูมิภาค จะมีเพียงทวีปเอเชียตะวันออกที่เติบโตน้อยสุดอยู่ที่ 95% แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของยอดขายรวมแต่อย่างใด
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ค่ายรถหรูอื่นๆ ก็คือ ยอดขายของกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต่างๆ ทางด้าน Lexus ก็ทำยอดขายรถกลุ่มนี้ไปได้ประมาณ 260,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึง 110% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากกระแสตอบรับที่ดีจากเวอร์ชั่นไฮบริดของรุ่น ES RX และ UX
แน่นอนว่าปี 2021 ที่ผ่านมา การเปิดตัว NX เจเนอร์ชั่นที่ 2 ที่นอกจากจะมีขุมพลังไฮบริดให้เลือกแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่มีเวอร์ชั่น Plug-in hybrid ให้เลือกอีกด้วย เป็นการตอบรับนโยบายของทางค่าย ที่จะผลักดันขุมพลังไฟฟ้าในรุ่นต่างๆ ให้หลากหลายมากขึ้น ก่อนที่ Lexus จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตรถ BEV อย่างเต็มตัวภายในปี 2030 ซึ่งพวกเค้าได้มุ่งเป้าหมายไปที่ตลาด ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และประเทศจีน เพื่อเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่สร้างยอดขายจากรถกลุ่ม BEV ได้ถึง 100% ก่อนที่จะขยายแนวคิดนี้ไปยังทุกตลาดภายในปี 2035
ทางด้านประธานของ Lexus คุณ Koji Sato ได้กล่าวว่า “ทางบริษัทต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ท่ามกลางการเผชิญความยากลำบากจากวิกฤติการณ์ COVID-19 รวมไปถึงการขาดแคลนชิ้นส่วนที่นำมาใช้ในสายพานการผลิตรถยนต์ของเรา ทั้งหมดนี้ ทำให้ยอดขายของปี 2021 สามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในปี 2022 Lexus จะรักษาความพึงพอใจของลูกค้า ผ่านทางงานออกแบบที่ประณีตและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น อีกทั้งยังมีการทำตลาดรถยนต์ EV ที่ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะอย่างรุ่น RZ ภายในฤดูใบ้ไม้ผลิ พร้อมทั้งรุ่นอื่นๆ เข้ามาเสริมทัพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน”
ที่มา: Toyota