Lexus เคยปล่อยภาพโฆษณาสเกตช์บอร์ดลอยได้เมื่อเดือนมิถุนายน 2015 ด้วยแคมเปญ ‘Amazing in Motion’ ที่
สำคัญมันใช้งานได้จริง มิใช่ภาพกราฟิคหรือภาพเคลื่อนไหวที่คอมพิวเตอร์ช่วยสร้าง โดยอาศัยหลักการแม่เหล็กเหนี่ยวนำ
จนคิดว่า Toyota น่าจะสามารถต่อยอดนวัตกรรมนี้เพื่อสานต่ออะไรบางอย่างในอนาคตได้
เมื่อวันก่อนปล่อยเป็นภาพนิ่ง วันนี้ Lexus ก็ขอปล่อยเป็นฟิล์มคลิปสเกตช์บอร์ดลอยได้ให้เห็นเต็มตาว่ามันทำงานกัน
อย่างไร
Mark Templin รองประธานบริหาร Lexus International กล่าวว่า พวกเขาตั้งใจผลักตัวเองให้หลุดกรอบเทคโนโลยี,
ดีไซน์และนวัตกรรมเพื่อสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จนเป็นไปได้ พวกเขาเรียกโปรเจคท์นี้ว่า SLIDE เป็นการร่วมมือกับพันธมิตร
เพื่อแบ่งปันความน่าอภิรมย์จากการขยับเคลื่อนไหว
แม้ Lexus สามารถรวบรวมเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญได้ขนาดไหน Lexus ก็ค้นพบเลยว่ากระบวนการสร้างสเกตช์บอร์ด
ลอยได้ไม่ง่ายเลย Lexus มีประสบการณ์ทั้งระดับสูงและระดับต่ำเพื่อจะเอาชนะความท้าทายไม่กี่อย่าง
ความมุ่งมั่นของ Lexus ที่จะสร้างสเกตช์บอร์ดลอยได้คือการสาธิตปรัชญาในงานออกแบบและเทคโนโลยีเพื่อสร้างความ
น่าตื่นตาตื่นใจในลีลาท่วงท่าการเคลื่อนไหว
Lexus เริ่มโปรเจคท์พัฒนาสเกตช์บอร์ดลอยได้ร่วมกับทีมนักวิทยาศาสตร์ IFW Dresden และ evico GmbH ที่มีความ
เชี่ยวชาญเทคโนโลยีลอยตัวโดยใช้พลังแม่เหล็ก และยังมีการเชิญ Ross McGouran โปรสเกตช์บอร์ดมาร่วมทดสอบ
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ภายใต้สนามจำลองหลายสภาวะ
Lexus ถึงขั้นลงทุนก่อสร้างสนามแม่เหล็กความยาว 200 เมตรสำหรับการทดสอบพิเศษ (Hoverpark) ที่รวมทุกสิ่งทุก
อย่างที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมการเล่นสเกตช์บอร์ดเข้ากับโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่สามารถทดสอบสเกตช์บอร์ดลอยได้ชิ้นนี้
สเกตช์บอร์ดจาก Lexus ประกอบไปด้วยตัวรักษาอุณหภูมิให้ต่ำมากคงที่ถึง 2 ตัว (cryostat) เพื่อกักเก็บวัสดุตัวนำกระแสไฟฟ้า
ยิ่งยวดภายใต้อุณหภูมิต -197 องศาเซลเซียสที่แช่อยู่ในไนโตรเจนเหลว
Dr. Oliver de Haas ประธานใหญ่ evico เปิดเผยว่า ถ้าอยากจะใช้ประโยชน์จากสนามแม่เหล็กอย่างมีประสิทธิภาพก็
ต้องติดตั้งวัสดุตัวนำกระแสไฟฟ้ายิ่งยวดเข้าไปในบอร์ดเพื่อช่วยรักษาระยะห่างระหว่างตัวสเกตช์บอร์ดและแทร๊คทด
สอบซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้สเกตช์บอร์ดลอยตัวจากพื้นได้
Lexus ไม่ได้เผยว่าสเกตช์บอร์ดลอยได้นี้จะมีการวางจำหน่ายหรือนำไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมอื่นหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่า
Toyota/Lexus คงซุ่มทำอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงในอนาคตแน่นอน
ที่มา : Worldcarfans