ปัจจุบัน ตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาถูกครองครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่โดยค่าย
รถหรูสัญชาติเยอรมัน, ญี่ปุ่นและอเมริกัน ขณะเดียวกันรถหรูสัญชาติอื่นอาจมีพื้นที่ทำ
กินลำบากกว่าเจ้าอื่นสักเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่รถหรูสัญชาติอื่นมักเป็นแบรนด์เฉพาะ
กลุ่มที่ค่อนข้างจำกัดความหลากหลาย
Jaguar-Land Rover แบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษที่ถือเป็นแบรนด์เฉพาะกลุ่มในตลาด
สหรัฐอเมริกา เพราะทั้งสองแบรนด์มีลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างที่แตกต่างจากแบรนด์
รถหรูแมสทั่วไป ถึงแม้พวกเขามีส่วนแบ่งการตลาดสู้ใครไม่ได้ แต่ถ้าสังเกตให้ดีพวกเขา
ก็มีอัตราการเติบโตที่น่าจับตาไม่น้อย
Autodata ได้เปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์สะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2016 Land
Rover มีอัตราการเติบโตถึง 7.8% ส่วน Jaguar มีอัตราการเติบโต 93% เมื่อเปรียบเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปี 2015
น่าแปลก BMW กลับมียอดขายในอัตราที่ลดลงถึง 9%, Lexus ลดลง 4.7% และ
Mercedes-Benz ลดลง 0.4%
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์ตลาดยานยนต์แสดงความเห็นว่าลูกค้าชาวอเมริกันมักเลือก
รถแบบเอสยูวีก่อนแบรนด์รถยนต์ทั่วไปอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Lexus
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Land Rover ได้รับความสนใจก่อนใคร
มีแนวโน้มว่า Jaguar-Land Rover จะสามารถทำยอดขายรถในปีนี้ทะลุ 1 แสนคันเป็น
ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 ในขณะที่ผู้นำตลาดอย่าง Mercedes-Benz มียอดขายสะสม
10 เดือนแรกของปีนี้ที่ 277,863 คัน
ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม ดูเหมือนว่าบริษัทรถหรูจากเยอรมันจะเริ่มสูญเสียเอกราชใน
กลุ่มรถซีดานระดับไฮเอนด์เสียแล้วเมื่อ Tesla Model S มียอดขายประจำไตรมาส 3 ของ
ปี 2016 ถึง 9,156 คัน ขณะที่ BMW 7-Series ขายได้เพียง 3,634 คันและ Mercedes-Benz
3,138 คัน
ที่มา : Automotive News