นับตั้งแต่ Isuzu D-max เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2545 ทำให้ในปัจจุบันมี
ยอดจำหน่าย รวมแล้วกว่า 3 ล้านคันทั่วโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญสูงสุด 3 ด้านในการคิดค้นและพัฒนา
เครื่องยนต์ดีเซล ซูเปอร์คอมมอนเรล รุ่นใหม่ นั่นคือ กำลังเครื่องยนต์สูงสุด ค่ามลพิษต่ำสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด
อีซูซุสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในวงการกระบะอีกครั้ง กำหนดทิศทางของขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Engine
Trendsetter) เปิดตัวรถปิกอัพรุ่นล่าสุด “ Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power ” ด้วยสโลแกนที่ว่า
” นวัตกรรมเปลี่ยนโลก ” ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1,900 ซีซี ลดความจุเครื่องยนต์ลงมาต่ำที่สุดในบรรดารถกระบะ
และให้ค่ามลพิษหรือค่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยที่สุดในรถระดับเดียวกัน
ในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลระดับโลกจนมียอดผลิตรวมกันแล้วกว่า 25 ล้านเครื่องทั่วโลก ล่าสุดกับเครื่องยนต์ดีเซล
“Isuzu 1.9 DDi Blue Power” ขนาด 1,900 ซีซี ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด “The Power of Less” พร้อมพัฒนา
ระบบส่งกำลังใหม่ เพื่อรองรับขุมพลังใหม่ ด้วยเกียร์ 6 จังหวะ เพื่อถ่ายทอดสมรรถนะในทุกๆด้านของเครื่องยนต์ใหม่นี้
ให้ก้าวสู่มาตรฐานใหม่ที่เหนือกว่าทุกสถิติเดิม เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นเดิมขนาด 2,500 ซีซี ที่มีขนาดใหญ่กว่า
มีการพิสูจน์ความทนทาน โดยผู้ใช้รถอีซูซุจริงจำนวน 12 คน วิ่งผ่าน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-จีน ขับรถเริ่มต้นจาก
กรุงเทพฯ ประเทศไทย ผ่านประเทศลาว ไปสิ้นสุดที่เมืองอุรุมชี เขตปกครองพิเศษซินเจียง ประเทศจีน โดยใช้เส้นทาง
ระยะทาง 5,755 กิโลเมตร “วิ่งต่อเนื่องทั้งวัน ทั้งคืน โดยไม่ดับเครื่องยนต์” เป็นเวลากว่า 85 ชั่วโมง
เครื่องยนต์ “Isuzu 1.9 DDi Blue Power” รุ่น RZ4E-TC ขนาด 1,900 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที มาจากการคิดค้นและพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล ซูเปอร์คอมมอนเรล
รุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายสำคัญสูงสุด 3 ด้าน คือ
- ต้องมีแรงม้าและแรงบิดเพียงพอสำหรับรถปิกอัพขนาด 1 ตัน และสามารถรองรับการใช้งาน
กับรถบรรทุกขนาดกลาง ที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมถึง 5 ตันได้ในอนาคต - ต้องมีค่ามลพิษต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมที่จะรองรับ
มาตรฐานสูงสุดระดับ EURO6 อันเป็นมาตรฐานที่เข้มงวดในอนาคต - ต้องมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
และ เครื่องยนต์ 1.9 DDi Blue Power สร้างมาตรฐานใหม่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์เดิม 2.5 Ddi VGS TURBO
ด้วยคุณสมบัติ อาทิ
- LESS Weight น้ำหนักน้อยลง เบากว่าเครื่องยนต์อีซูซุเดิม 2.5 Ddi 4JK1-TCX
ถึง 60 กิโลกรัม หรือกว่า 20% ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพ
การประหยัดน้ำมันและการบรรทุก
- LESS Friction ค่าแรงเสียดทานน้อยลง ลดความฝืดจากการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์
ลดการสูญเสียพลังงานจากการเผาไหม้ได้ดีขึ้น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไหลลื่น เต็มพลังสูงสุด
- ระบบกระเดื่องกดวาล์วแบบลูกกลิ้ง (Roller Rocker Arm) พร้อมระบบปรับตั้งระยะวาล์วอัตโนมัติ
(Hydraulic Lash Adjuster) ลดแรงเสียดทานจากการหมุนของเพลาลูกเบี้ยว รักษาระยะห่างการกดวาล์ว
ให้คงที่อยู่ตลอดเวลา ให้ความแม่นยำ รักษาประสิทธิภาพของการเผาไหม้และยังช่วยลดค่าบำรุงรักษาได้อีกด้วย
- ลูกสูบออกแบบเยื้องศูนย์ พร้อมเคลือบสารพิเศษ Graphite Coating และ ประกับก้านสูบแบบ
High Strength Fracture Split ลดการขยับตัวของประกับก้านสูบ ทำให้ก้านสูบเคลื่อนที่ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ช่วยลดแรงเสียดทานได้ดีเยี่ยม
- สายพานเครื่องแบบเส้นเดียว Single Engine Belt ขับเคลื่อนระบบระบายความร้อน ระบบปรับอากาศ
ระบบไฟชาร์จ ช่วยลดแรงเสียดทาน พร้อมระบบปรับตั้งความตึงสายอัตโนมัติให้ความแม่นยำ
ตลอดการใช้งานอีกด้วย
- Oil Galleries ช่องกักเก็บน้ำมันเครื่อง บริเวณเสื้อสูบ, Roller Rocker Arm และ Timing Gear
ช่วยส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น ช่วยลดแรงเสียดทานได้ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์
- ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่ แบบตัดการทำงานอัตโนมัติ ช่วยลดภาระ ลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์
- LESS Noise เสียงเครื่องยนต์น้อยลง ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่มากขึ้น
- ชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่ (Timing Gear และ Chain) พร้อมระบบปรับความตึงโซ่
อัตโนมัติ ช่วยลดเสียงดังระหว่างการทำงานได้ดีขึ้น
- ระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Multi-Injection พร้อมโปรแกรมการฉีดน้ำมันแบบใหม่
ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ เงียบขึ้น
- LESS CO2 ค่าคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง เครื่องยนต์ดีเซลมาตรฐานใหม่ สะอาดรักษ์โลก มีค่ามลพิษ
ดีขึ้นกว่าเครื่องยนต์อีซูซุรุ่นเดิมถึง 21% โดยมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำสุด (CO2 ต่ำสุด) เพียง 161 g/km
(ในรุ่นสปาร์ค) ต่ำสุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน พร้อมรองรับมาตรฐาน EURO6 อันเข้มงวดในอนาคต
- LESS Maintenance ค่าบำรุงรักษาน้อยลง เครื่องยนต์ดีเซลที่มีค่าบำรุงรักษาต่ำสุด
- กรองน้ำมันเครื่อง แบบเปลี่ยนเฉพาะไส้กระดาษ ช่วยให้ค่าใช้จ่ายถูกกว่า พร้อมปริมาณน้ำมันเครื่อง
ที่เปลี่ยนถ่ายเพียง 5.6 ลิตร น้อยกว่ารถในระดับเดียวกันทุกยี่ห้อ
- ตำแหน่งติดตั้งหัวฉีดออกแบบใหม่ สามารถบำรุงรักษาได้โดยไม่ต้องเปิดฝาครอบวาล์ว
- MORE Power แรงม้ามากขึ้น ด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่า ให้พลังแรงสุด 150 แรงม้า
มากกว่าเครื่องยนต์อีซูซุเดิม 2.5 Ddi 4JK1-TCK ถึง 10% “ต้นจัด ปลายแรง” แรงบิดสูงสุด
ถึง 350 นิวตัน-เมตร มากกว่าเครื่องยนต์เดิมถึง 9% พร้อมแรงบิดช่วงกว้างที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
และเร็วมากกว่าเครื่องยนต์เดิมถึง 8% จากการทดสอบที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ห้องเผาไหม้ใหม่แบบโคลธอยด์-เคิร์ฟ (Clothoid Curve) ให้การหมุนวนของอากาศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั่วถึงทั้งห้องเผาไหม้ ทำให้น้ำมันผสมกับอากาศได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดจุดบอดการเผาไหม้บนหัวลูกสูบ
ได้ดีกว่าลูกสูบทั่วไป
- เทอร์โบแปรผัน (VGS Tubo) แบบ Zero Gap พัฒนาล่าสุด! ปรับครีบใบพัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงาน ช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองดีขึ้นในทุกรอบความเร็ว
- ท่อไอดีแบบ Free Flow ออกแบบให้อากาศไหลเข้าห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์
- อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิ เพิ่มมวลของไอดี
ก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ทำให้การเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น
- MORE Fuel Efficiency ประหยัดน้ำมันมากขึ้น จากหลักการออกแบบให้เป็นเครื่องที่มีค่าแรงเสียดทานต่ำสุด
ประกอบกับน้ำหนักเครื่องยนต์ที่เบาสุดในรถระดับเดียวกัน จึงส่งผลให้เครื่องยนต์ Isuzu 1.9 DDi Blue Power
ให้ประสิทธิภาพประหยัดน้ำมันดีกว่าเครื่องยนต์อีซูซุเดิม 2.5 Ddi 4JK1-TCX ถึง 19% (ในรุ่นสเปซแค็บ)
ด้วยองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ประหยัดยิ่งขึ้น ได้แก่
- ระบบส่งกำลังใหม่ ชุดเกียร์ 6 จังหวะใหม่ พร้อมเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟถึง 2 ตำแหน่ง คือ เกียร์ 5 และ 6
พร้อมระบบ Genius Sport Shift ช่วยบอกตำแหน่งเกียร์และแจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในจังหวะที่เหมาะสม
- MORE Durability ทนทานมากขึ้น ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานหนัก ไม่เพียงเฉพาะกับปิกอัพขนาด 1 ตัน
แต่สามารถรองรับการใช้งานกับรถบรรทุกขนาดกลางที่มีน้ำหนักบรรทุกรวม (GVW) ถึง 5.0 ตัน ในอนาคตด้วย
- เสื้อสูบแบบ Melt-in Liner ชุบแข็งแบบเหนี่ยวนำด้วยคลื่นความถี่สูง
- ระบบหล่อเย็นน้ำมันเครื่องที่เสื้อสูบ ช่วยลดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการหล่อลื่นและระบาย
ความร้อนของเครื่องยนต์สูงสุด เครื่องยนต์จึงทนทานแม้ใช้งานหนักต่อเนื่อง
- ระบบโพรงน้ำระบายความร้อนแบบแยกเฉพาะกระบอกสูบ ออกแบบให้น้ำไหลแนวขวางผ่านทุกกระบอกสูบ
พร้อมกัน เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของทุกลูกสูบอย่างเต็มที่ ช่วยยืดอายุการใช้งาน
- หัวฉีดเคลือบสารพิเศษ
- ท่อร่วมไอเสียใช้วัสดุพิเศษ เพิ่มส่วนผสมของสารโมลิบดินั่ม (Molybdenum) ทนความร้อนได้สูงกว่า
เพิ่มอายุการใช้งานสูงสุด
- เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ลูกใหม่ มีอัตราทดเกียร์ และ อัตราทดเฟืองท้ายดังต่อไปนี้
- #เกียร์ 1 4.942
#เกียร์ 2 2.430
#เกียร์ 3 1.428
#เกียร์ 4 1.000
#เกียร์ 5 0.749
#เกียร์ 6 0.634
เกียร์ถอยหลัง 4.597
อัตราทดเฟืองท้าย รุ่นตัวเตี้ย 3.583 / รุ่น Hi-lander 3.909
นอกจากจะมีเครื่องยนต์ใหม่แล้ว ก็ยังคงเครื่องยนต์เดิมไว้ “Isuzu 3.0 DDi Blue Power ” รหัส 4JJ1-TCX
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการใช้งานที่ต้องการกำลังสูงเป็นพิเศษอีกด้วย
พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงดีไซน์ ภายใต้แนวคิด “STRONG EMOTIONAL SPORTY” ด้วยเส้นสายที่ให้ความรู้สึก
พุ่งทะยานไปข้างหน้ายิ่งขึ้น แต่ยังคงประสิทธิภาพความลู่ลมสูงสุดด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำ
ที่ยังคงช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และเงียบ รวมทั้งภายในใหม่ ต่อยอดความสะดวกสบายสูงสุดแบบฉบับอีซูซุ
รูปลักษณ์ภายนอก มีการเปลี่ยนแปลงด้วยกันหลายจุด โดยเฉพาะด้านหน้า
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์โคมรมดำ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ Built-in
- กระจังหน้า มีทั้งแบบโครเมี่ยมและสีเทา
- ไฟตัดหมอก กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากลูกค้าในบางภูมิประเทศจำเป็นต้องใช้
- ฝากระบะท้าย ดีไซน์เส้นสายใหม่ พร้อม Build-in Spoiler
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ 6 ก้าน พร้อมยางขนาด 255/60R18 ( Z-Prestige )
- ล้อขนาด 16 นิ้ว 2 ดีไซน์ใหม่ ยางขนาด 245/70R16 ( V-Cross – Hi-lander รุ่น Z )
- ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน พร้อมยางขนาด 215/70R16 ( Cab4 – Spacecab 4×2 )
- สติ๊กเกอร์ 4×4 ลวดลายใหม่
- เสาอากาศแบบ Shark Fin สีเดียวกับตัวรถ
ภายในห้องโดยสาร ต่อยอดความสะดวกสบายสูงสุด
- หน้าปัดเรืองแสงแบบ Super Vision พร้อม มาตรวัดแบบ 3D Shape Point พร้อมเติมเต็มฟังก์ชั่นและ
ข้อมูลใหม่ๆ ที่มากขึ้น ผ่าน หน้าจอ Color Display MID แสดงข้อมูลการใช้งานครบครัน และ
Genius Sport Shift ไฟบอกตำแหน่งเกียร์และแจ้งเตือนการเปลี่ยนเกียร์ในรอบและความเร็ว
ที่เหมาะสม (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา) - เบาะนั่งโทนสีใหม่
- Push Start ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ พร้อม Isuzu Genius Entry ระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ
โดยไม่ต้องกดรีโมท พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น และระบบปรับความเย็นอัตโนมัติ (Auto Air Cooler)
ระบบความบันเทิง Isuzu Connect World
“Isuzu Connect World” เข้าถึงทุกข้อมูล และทุกความบันเทิงได้ง่ายดาย ด้วยการเชื่อมต่อกับ Smartphone
รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นมากมายเชื่อมต่อผ่าน Application
ผ่านหน้าจอ ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว มีระบบนำทางใหม่ครอบคลุมทุกการค้นหา iSMART NAVI THAILAND
แผนที่เวอร์ชั่นล่าสุด อัพเดทได้ง่าย และสามารถใช้งานแผนที่แบบไม่ต้องเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต
เทคโนโลยี Mirroring (เฉพาะระบบปฏิบัติการ Android) เมนูแสดงหน้าจอเดียวกันกับ Smartphone
ให้เข้าถึง Social Network และความบันเทิงต่างๆ
เมนู Isuzu Insight วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ที่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลผ่าน Smartphone และดูรายงานการขับขี่
ได้เองง่ายๆ ได้ทั้งทางหน้าจอ DVD และมือถือได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด
- ระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลดฟรี 2 แอพพลิเคชั่น คือ Isuzu Connect World และ
Isuzu Connect World Communication Service ได้ที่ Google Play
- ระบบปฏิบัติการ iOS ดาวน์โหลดฟรี 1 แอพพลิเคชั่น คือ Isuzu Connect World ได้ที่ App Store
และยังมี Isuzu Surround Sound System ให้เสียงทุกรายละเอียด ครบทุกมิติเสียง กับ Roof Speaker
ลำโพงพิเศษบนเพดานครั้งแรกในรถปิกอัพ ด้วยจำนวนลำโพง 8 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยยังคงให้ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นตอนเดียว
อย่าง Spark ไปจนถึง รุ่นท๊อปอย่าง V-Cross นอกจากนี้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ก็ใส่มาให้
ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งาน เช่น
– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ( ESC : Electronic Stability Control )
– ระบบป้องกันการลื่นไถล ( TCS : Traction Control System )
– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ( HSA : Hill Start Assist )
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ( ABS ) , ระบบกระจายแรงเบรก ( EBD )
– ระบบเสริมแรกเบรก ( BA )
สีตัวถังภายนอก มีให้เลือกด้วยกัน 6 สี (2 สีใหม่)
– สีเทาเงิน Iceberg Silver (ใหม่)
– สีเทาน้ำเงิน Brazilian Quartz Metalic (ใหม่)
– สีดำ Black Australian Coal
– สีเงิน Arctic Silver
– สีขาว Siberian White
– สีขาวมุก Everest Pearl White ( เพิ่มเงิน 7,000 บาท)
ราคาอย่างเป็นทางการของ Isuzu D-max DDi Blue Power มีดังต่อไปนี้
รุ่น Cab Chassis (ตอนเดียว ไม่มีท้ายกระบะ)
490,000 บาท
รุ่น Spark (ตอนเดียว มีท้ายกระบะ)
526,000 – 648,000 บาท
รุ่น Space Cab (แค็ปเปิดได้)
590,000 – 836,000 บาท
รุ่น Cab4 (4 ประตู)
668,000 – 947,000 บาท
รุ่น V-Cross (4ประตู 4×4)
919,000 – 997,000 บาท
* ทั้งหมดเป็นราคารุ่นเกียร์ธรรมดา เริ่มส่งมอบได้เดือนธันวาคม 2015
ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ X-Series จะเปิดราคาและเริ่มส่งมอบได้เดือน มีนาคม 2016
รถ Test Drive จะถูกส่งไปยังโชว์รูมเปิดให้เทสต์วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้