Headlightmag Clip พาไปชมรอบคัน BMW iX
BMW iX ถือได้ว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของทาง BMW ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Cluster Architecture สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ไม่ใช่การนำเอารถยนต์เครื่องสันดาปที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลง ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เข้าไปเหมือนอย่าง iX3 นั่นทำให้วิศวกรสามารถติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่โตถึง 111.5 kWh ในรุ่น xDrive50 ได้ และทำให้ระยะทางวิ่งสูงกว่า 630 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP แม้จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่โตพอๆ กับ X5 ก็ตาม
BMW iX เป็นรถยนต์ที่มีตำแหน่งทางการตลาดสูงที่สุดในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าตระกูล BMW i ซึ่งนอกจากจะทำให้ iX ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเต็มพิกัด รถคันนี้ยังเป็นเสมือน icon สำคัญที่จะโชว์ให้โลกเห็นเห็นถึงศักยภาพและความเจ๋งของ BMW ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกมาประชันกับคู่แข่งในตลาด
โครงสร้างตัวรถเป็น Aluminum Spaceframe และ Carbon Cage ซึ่งทาง BMW เคลมว่า ส่งผลดีทั้งด้าน Body Rigidity ความแข็งแรงเมื่อเกิดการชน ตลอดจนการลดน้ำมันเพื่อให้ขุมพลังไฟฟ้าได้ฉายแววอย่างเต็มที่
ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้า Kidney Grille ขนาดใหญ่ ที่ใช้วัสดุปิดผิวเป็นลายสามมิติดูสวยงาม เคลือบด้วยสาร Polyurethane ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนหรือรอยกะเทาะจากสิ่งที่มากระทบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการซ่อนเรดาห์และกล้องสำหรับระบบความปลอดภัยเอาไว้ได้อย่างเรียบเนียน ฝากระโปรงหน้าไม่สามารถเปิดเองได้ เราสามารถทำได้เพียงเติมน้ำล้างทำความสะอาดกระจกบังลมหน้า และกล้อง โดยการกดลงไปที่โลโก้ด้านหน้าเท่านั้น
ด้านข้าง มีการลดทอนเส้นสายบนตัวถังลง ช่วยให้ดีไซน์ด้านข้างดูสะอาดสะอ้านกว่ารถ BMW ทั่วๆ ไป มือจับเปิดประตู ออกแบบมาเป็น Socket ที่มีปุ่มซ่อนอยู่ด้านใน แม้จะไม่ได้ราบเรียบเหมือนพวกรถ Supercar หรือรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น แต่ก็ไม่ได้ปูดนูนออกมาแบบมารถยนต์ทั่วๆ ไปที่เราคุ้นเคยกันมา
ล้อทั้ง 4 ที่ติดตั้งมาใน iX ทาง BMW เรียกมันว่า The Air Performance Wheel ซึ่งนอกจากนี้ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วยลดน้ำหนักลงจากล้ออัลลอย 15% แล้ว ยังออกแบบก้าน V-Spoke ให้เป็นลักษณะปิดทึบเพื่อลดอากาศหมุนวนด้านข้างล้อได้ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ ส่งให้ BMW iX มีสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ หรือ Coefficient Drag ต่ำเพียง 0.25 เท่านั้น
ภายในห้องโดยสาร ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญอย่างหนึ่งของ BMW iX ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้ความ Minimal ปุ่มกดต่างๆ ถูกลดจำนวนลงกว่าครึ่งนึง และมาพร้อมหน้าจอชุดมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอกลาง ขนาด 14.9 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ iD8 เวอร์ชันล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ในตัว ติดตั้งชุดเครื่องเสียงเป็นของ Bower & Wilkins 30 ลำโพง พร้อมแอมพลิไฟลเออร์ กำลังขับ 1,615 วัตต์
ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เริ่มจากโครงสร้างบานประตูทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% ส่วนวัสดุตกแต่งบริเวณอผงประตู จะมีการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้อีก 30% ด้วยเช่นกัน วัสดุไม้ที่นำมาตกแต่งบริเวณแผงคอนโซลกลาง เป็นไม้ที่ได้รับการการันตี FSC หรือ องค์กรสนับสนุนการดูแลป่าทั่วโลก เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม้ชิ้นนี้นั้น ได้มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์หรือป่าที่มีการจัดการดูแลอย่างดี พรมปูพื้นทำมาจาก Nylon รีไซเคิล 100% บ้างก็ได้มาจากอวนดักสัตว์ที่ถูกทิ้งไว้ใต้ทะเล วิธีการนี้ จะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนผลิต Nylon แบบปกติได้ถึง 80% เลยทีเดียว
วัสดุหนังที่นำมาหุ้มบริเวณ แผงแดชบอร์ดด้านหน้า แผงด้านข้างผระตู พนักวางแขนบริเวณคอนโซลกลาง ตลอดจนเบาะนั่ง ใช้วิธีการการฟอกด้วยด้วยน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งของการฟอกหนังแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าหากเป็นรุ่นเบาะผ้า ก็จะมีการใช้ผ้าแบบ Dynamica Microfiber ซึ่งมีส่วนผสมของเส้นใย Polyester ที่ได้จากการกระบวนการรีไซเคิลกว่า 50%
ขุมพลังของ iX xDrive50 เป็นขุมพลังแบบ eDrive เจเนอเรชันที่ 5 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังสูงสุด 523 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 765 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ
พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 111.5 kWh รองรับการชาร์จไฟ AC 3 phase wallbox 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 7.5 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จไฟฟ้า DC 200 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-80% ประมาณ 34 นาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 630 กิโลเมตร
รูปแบบการขับขี่ My Mode 3 รูปแบบ
- Sport
- Efficient
- Personal
นอกจากโหมดการขับขี่ จะมีการปรับส่วนต่างๆ ของรถยนต์ได้แล้ว ยังส่งผลต่อ Light and Sound เพื่อช่วยช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่แตกต่างกันด้วย
ระบบ Recuperation ในเกียร์ B จะมีลักษณะการทำงานแบบ One Pedal แต่หากใช้เกียร์ D สามารถปรับได้ 4 ระดับ ได้แก่
- Adaptive
- Normal
- High
- Low
ในปี 2023 BMW ตั้งเป้าส่งรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดให้ได้ทั้งหมด 13 รุ่น นั่นหมายความนอกจากจะมี EV ที่เกิดขึ้นใหม่ บนพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะแล้ว ยังจะมีเวอร์ชัน EV ของรถยนต์ใน Key Segment ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แต่ก่อนที่ถึงวันนั้น Headlightmag Clip ขอพาคุณผู้ชมทุกท่านไปชมรอบคันของ BMW iX กันก่อน เชิญชมครับ…