งาน Geneva Motorshow 2017 ปีนี้เป็นปีที่แปลก ๆ ปีหนึ่ง เพราะในช่วงแรกก่อนการ
จัดงานไม่กี่วันจนกระทั่งถึงวันงานจริง ทุกคนต่างพากันคิดว่า ปีนี้ Geneva จัดหนักจัดเต็ม
มีรถยนต์ใหม่มากมายมหาศาลมาอวดโฉมกันเพราะผู้ผลิตรถยนต์จัดวันเผยข้อมูลรถรุ่นใหม่
ในลักษณะเหมือนระเบิดลง ทำเอาเป็น Before Shock ก่อนเปิดงานเลย ในตอนแรกถือว่าตื่น
ตาตื่นใจน่าดูที่คิดว่ามีรถรุ่นใหม่ออกมาอวดโฉมสารพัด แต่หากสติให้จงดีและลองนับจำนวน
รถรุ่นใหม่และรถต้นแบบที่อวดโฉมในงานนี้ก็พบว่า มันไม่ได้มีจำนวนรุ่นมากมายอย่างที่รู้สึกกัน
ไปเอง
ทำไมอารมณ์ความตื่นเต้นมันเกิดกับงาน Geneva Motorshow 2017 ในครั้งนี้ล่ะ? เลยลองตั้งสติ
พิจารณาอีกครั้งหนึ่งก็พบว่าในปีนี้เป็นการแสดงรถยนต์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพพอสมควร
ทั้งรถยนต์ขนาดเล็กเปิดตัวในระดับ European Premier , เอสยูวีบ้าน ๆ , จนถึงรถระดับสุดยอด
ในส่วนของรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อมก็ไม่ได้ยัดเยียดให้ชมแค่รถเสียบปลั๊กเป็นมิตรต่อสถาบันพลังงาน
ไฟฟ้าทั้งหลาย มันก็ยังมีพลังงานทางเลือกรูปแบบอื่น ๆ ให้ได้ชมเพื่อรับวิสัยทัศน์ใหม่ให้ชมกันด้วย
ส่วนสำคัญที่ทำให้บรรยากาศแลดูครึกครื้นคือความพร้อมเพรียงในการเปิดเผยข้อมูลรถยนต์
รุ่นใหม่ที่จัดลำดับไล่เลี่ยกัน และเผยกันแบบไม่กั๊กข้อมูลกัน ก็ช่วยเร่งอุณหภูมิร้อนให้แก่งานได้
นั่นเท่ากับว่าความร้อนแรงของงาน Geneva Motorshow 2017 ที่เคยเป็นเสน่ห์เมื่อสมัย
10 กว่าปีก่อนเริ่มกลับมาแล้ว คือผู้ผลิตต่างมีความกล้าที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่หรือรถต้นแบบ
โดยไม่ต้องโดนข้อครหาว่า ผลิตรถยนต์ไม่รักษ์สิ่งแวดล้อมบ้าง เพราะงานวิศวกรรมรถยนต์ใน
ปัจจุบันมีความหลากหลายและยืดหยุ่นต่อโจทย์ของทีมวิศวกรยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
เราได้แต่หวังอย่างยิ่งว่า Geneva Motorshow ปี 2018 จะต้องร้อนแรงยิ่งกว่าปีนี้
Artega
บูธแรกกับแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสุดแปลกนาม Artega จากเยอรมันส่ง Artega Scalo
Superelletra เข้าโชว์ในงาน Geneva Motorshow 2017 นี้ เชื่อหรือไม่กว่าที่ Artega
จะถึงดวงดาวได้ขนาดนี้พวกเขาก็ต้องบาดเจ็บเกือบล้มตายกันมาก่อน เพราะเคยโดนศาล
สั่งคุ้มครองล้มละลายเมื่อปี 2012 และหลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาได้จนส่ง Artega Scalo
อวดโฉมที่งาน Frankfurt Motorshow แต่โปรเจคท์ก็ถูกยกเลิกเพราะว่าหาคนผลิตชิ้นส่วน
รถให้ไม่ได้
แม้ Artega จะประสบชะตากรรมมากมายขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่ท้อแท้ก็นำเอาโปรเจคท์ Scalo
มากอบกู้และพัฒนาใหม่ให้กลายเป็น Hyper Retro Sport Car ซะเลย
Artega Scalo Superelletra คือผลผลิตที่ต่อยอดจาก Scalo ที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากเพราะ
พวกเขาลงทุนขัดเกลาดีไซน์ให้น่าดูมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ Artega Scalo Superelletra จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัว ได้แก่ สองตัว
สำหรับส่งกำลังล้อคู่หน้าและอีกสองตัวจะส่งกำลังยังล้อคู่หลัง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม
รถคันนี้จะมีพละกำลังสูงถึง 1,020 แรงม้า และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีแรงบิดมหาศาลถึง
1,620 นิวตันเมตร
ที่น่าทึ่งคือ Artega Scalo Superelletra สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายใน 2.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีระยะทางวิ่งสูงสุด 500
กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุให้เต็มเพียงครั้งเดียววัดตามมาตรฐานยุโรป NEDC
สนใจหรือเปล่าครับ? ถ้าสนใจกรุณาเซ็นเช็คเงินโอนราคาแค่ 55 ล้านบาทเท่านั้น!!
Audi
Audi นางเอาจริงกับตลาดรถสปอร์ตเอสยูวีบั้นท้ายคูเป้เสียเหลือเกิน เพราะถึงขั้นทุ่มทุน
สร้าง Q8 Sport Concept เพื่อมาไฟต์กับ BMW X6 M และ Mercedes-AMG GLE
Coupe แม้ Q8 มาทีหลังก็ตามแต่เชื่อว่าคงมีไม้เด็ดมาฆ่าคู่แข่งได้
Audi Q8 จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Q7 แต่พัฒนาให้มีความคล่องตัวและคล่องแคล่ว
มากยิ่งขึ้น สำหรับ Q8 Sport Concept แตกต่างจากคู่แข่งตัวแรงด้วยการนำขุมพลัง
Mild Hybrid มาติดตั้งที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 TFSi 3.0 ลิตร 443 แรงม้า
และมอเตอร์ไฟฟ้า 27 แรงม้า รวมกำลังกันแล้วจะแรงถึง 476 แรงม้า (PS) แรงบิด 700
นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุด
275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบ Mild Hybrid นอกจากจะมีความโดดเด่นที่นอกเหนือจากเป็น Booster สำหรับ
เรียกกำลังแล้ว แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กก็ยังทำหน้าที่เป็นส่วนเก็บพลังงาน
สำหรับวิ่งในโหมดรถไฟฟ้าชั่วคราวได้อีกด้วย
ที่ดูเหมือนว่า Audi โปรโมต Q8 Sport Concept อย่างหนักหน่วงก็เพราะว่านี่ตัวอย่าง
ของการใช้เทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพการรักษาสิ่งแวดล้อมและยังไม่ทอดทิ้ง
ความแรงอันเป็นหัวใจสำคัญของ Audi ตระกูลเอสยูวีแรงพันธุ์ SQ สำหรับรถยนต์ที่มี
การผลิตเป็นจำนวนมาก ก็เชื่อว่าขุมพลังชนิดนี้น่าจะถูกประยุกต์ลงในรถยนต์รุ่นปกติต่อไป
Alpine
ประวัติศาสตร์หน้าถูกปัดฝุ่นขึ้นมาแล้วเมื่อ Renault กล้าที่จะปัดฝุ่นแบรนด์รถสปอร์ต
Alpine ที่เคยถูกปิดตายในช่วงยุค 90s วันนี้ Alpine กลับมาอีกครั้งด้วย All NEW A110
ที่สานต่อความสำเร็จจากปี 1977 หรือกว่าจะคลอดรุ่นใหม่ก็รอนานถึง 40 ปี!!!!
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เราก็ขอบอกเลยว่า Alpine A110 ยุคใหม่มันเกิดใหม่เพื่อมาสู้กับ
Porsche Cayman และ Alfa Romeo 4C จุดขายน่ะหรือ? ไม่พ้นดีไซน์ภายนอกที่เอา
แรงบันดาลใจจากรถเจ้าคุณปู่มาขัดเกลาจนเป็นรถสมัยใหม่
และจุดขายสำคัญมากคือ งานวิศวกรรมขั้นเทพด้วยแพลทฟอร์มอลูมิเนียมที่เบาถึง 1,080
กิโลกรัม พร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 252 แรงม้า (HP) แรงบิด 320 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ Getrag 7 จังหวะ
ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไหน ๆ กลับมาทั้งที่ต้องโดดเด่น ทีมพัฒนาอุตส่าห์ขัดเกลาตัวรถให้ถูกต้องตามหลักแอโร
ไดนามิคด้วยพื้นใต้ท้องรถเรียบแบนและติดตั้ง Diffuser ท้ายจึงทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรง
เสียดทานต่ำที่สุดในบรรดารถสปอร์ตระดับเดียวแค่ 0.31 เท่านั้น
Aston Martin
ก่อนหน้านั้น Aston Martin ได้เผยโฉมรถ RB-001 Hybrid Hypercar ที่รวมสุดยอด
งานวิศวกรรมจนเริ่มรู้สึกว่ามันดูไกลเกินเอื้อมราวกับยานอวกาศ เอาแค่โครงสร้างตัวถังมัน
ยังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่พัฒนาโดย Multimatic Engineering น้ำหนักตัวจึง
อยู่ในพิกัด 1,000 กิโลกรัม
ในตอนนี้พวกเขาได้ตั้งชื่อลูกน้อยคันนี้ว่า Aston Martin Valkyrie โดยชื่อ Valkyrie
เป็นชื่อเทพเจ้าสตรีที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตนักรบว่าจะกลับมาหาลูกเมียแบบมีลม
หายใจหรือกลับมาแบบไร้ลมหายใจซึ่ง Aston Martin ระบุว่าชื่อนี้มันความหมายลึกซึ้ง
และการนำชื่อเทพเจ้ามาตั้งชื่อย่อมสื่อถึงพละกำลัง และเกียรติยศ ที่มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ที่ได้สัมผัส
Aston Martin Valkyrie พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ Red Bull Advanced Technologies
และ AF Racing โดยมีโครงสร้างตัวถังแบบ Monocoque ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์โดย
Multimatic ซึ่งเป็นผู้สร้าง Ford GT และไม่มีเหล็กเจือปนทั้งสิ้น น้ำหนักตัวถังจึงต่ำกว่า
1,000 กิโลกรัม ส่วนล้อทำจากวัสดุแมกนีเซียม น็อตล็อคกลาง ขนาด 20 นิ้วในด้านหน้า
และ 21 ในด้านหลัง ยางเป็น Michelin Pilot Sport Cup 2
ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V12 6.5 ลิตร พัฒนาโดย Cosworth พร้อมระบบไฟฟ้า
Electric Boost จาก Rimac คาดว่าจะให้กำลัง สูงสุดไม่ต่ำกว่า 1,000 แรงม้า และ
แรงม้าต่อน้ำหนัก น่าจะอยู่ในอัตราส่วน 1 : 1 เลยทีเดียว
สำหรับกำหนดการส่งมอบคาดว่าจะเริ่มต้นภายในปี 2019 สำหรับจำนวนการผลิตของ
Aston Martin Valkyrie จะจำกัดไว้ที่ 175 คันเท่านั้น โดย 25 คันในกลุ่มนี้ จะถูก
สงวนไว้ทำรถแข่งด้วย
จับตาคันนี้ให้ดีคนไทยอาจได้เห็นคันนี้ที่งาน Bangkok International Motorshow 2017
Citroen
Citroen C-Aircross Concept คืออีกผลิตผลจากความร่วมมือกับ GM ยุโรป (อดีตต้น
สังกัด Opel/Vauxhall) ที่บอกได้เลยว่ามันน่าจะกลายเป็นตัวแทนของ C3 Picasso ซึ่งมา
กลายร่างเป็นรถเอสยูวีผสมมินิแวนเนื่องจากตลาดรถมินิแวนในยุโรปและหลายที่ในโลกหด
ตัวลงอย่างแรง หากไม่ขยับไปโดยพลันเห็นทีต้องสิ้นชีวาทีเดียวล่ะ
Citroen C-Aircross Concept เวอร์ชันผลิตจริงจะต้องมาแข่งขันกับรถ B-SUV ที่มี
ขนาดความยาวแค่ 4.1 เมตรอย่าง Nissan Juke (ไม่ต้องไปนับพวก Honda HR-V คัน
นั้นน่ะเป็นรถที่ขยายไซส์จนแทบจะทับ C-Crossover กันแล้ว) สิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าจาก
รถต้นแบบคันนี้ก็คาดว่าน่าจะได้เห็นในรถคันจริงถึง 90% ยกเว้นประตูตู้กับข้าวที่ไม่ได้เห็นแน่ๆ
ภายนอกก็นับว่าเป็นจุดเด่นแล้ว แต่จุดขายจริง ๆ จังคือภายในห้องโดยสารที่ติดตั้งแผง
แดชบอร์ดีไซน์คลีนมาก ๆ พร้อมหน้าจอสัมผัสกลาง 12 นิ้วและมาตรวัดแสดงผลสีแบบ
วัสดุโปร่งแสงเลียนแบบ Head-Up Display ในรถหรู เน้นการใช้งานง่ายและมีความน่ารัก
ฟรุ้งฟริ้งพอตัว
Citroen C-Aircross Concept จะกลายร่างเป็น All NEW Citroen C3 Picasso
พร้อมเปิดตัวช่วงปลายปีนี้
Honda
Civic Type-R โฉมใหม่สามารถเรียกความสนใจให้แก่ผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างมาก
เพราะนี่คือตัวแรงที่มีการปฏิวัติงานวิศวกรรมใหม่ที่แตกต่างจาก Civic Type-R รุ่นเดิม
และแน่นอน Civic Type-R ใหม่คือ “พิมพ์เขียว” ที่บรรดาวัยแรงทั้งที่ลืมตาดูโลกในยุค
90s และบรรดาป๋าหัวใจยังแจ๋วนำดีไซน์ต่าง ๆ มาตกแต่ง Civic 5 ประตูโฉมใหม่ที่เพิ่ง
เปิดตัวในเมืองไทยแน่นอนในอนาคต
เรื่องดีไซน์เป็นที่รู้กันว่าไม่แตกต่างจากเวอร์ชันโปรโตไทป์มากนัก ถ้าอย่างงั้นเรามาล้วง
ลึกข้างในกันดีกว่า Honda เคลมว่ามีความแข็งแกร่งต่อการบิดตัวสูงขึ้น 38% ทำให้เกิด
ความเสถียรภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ Honda บอกอีกด้วยว่าเป็นรถที่ผสมผสานแรงกด
และแรงยกที่ลงตัวที่สุดเมื่อเทียบกับรถแรงในคลาสเดียวกัน
ขุมพลังของ Honda Civic Type R ยังคงเป็น K20C เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร
1,996 ซีซี. VTEC Turbo : VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic
Control), Dual-VTC (Variable Timing Control) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก :
86.0 x 85.9 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.8 : 1 จากเดิมพละกำลัง 310 แรงม้า (PS)
ถูกปรับจูนเพิ่มอีก 10 แรงม้า เป็น 320 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
ที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
พร้อมระบบ Rev Match Control System ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD
ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT รวมถึงรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่มีกระแสข่าวลือ
ออกมาก่อนหน้านี้ Hideki Kakinuma ผู้ช่วยรับผิดชอบโปรเจ็ค Type R
ตอบเพียงสั้นๆว่า ” We did not ” (จากบทสัมภาษณ์ใน Top Gear)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ คือ Comfort, Sport (ซึ่งตั้งไว้เป็น
ค่าเริ่มต้น Default) และ +R ที่จะปรับจูนทั้ง 3 รูปแบบการขับขี่ให้ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น
การตอบสนองของคันเร่ง,การเปลี่ยนเกียร์, ช่วงล่าง และ พวงมาลัย
Hyundai
Hyundai i30 Tourer เป็นความเซอร์ไพร์ซแรกสำหรับ Hyundai กล่าวคือพวกเขาดู
เหมือนจะพยายามสร้างรถที่เป็นได้มากกว่ารถแวกอนมาตรฐาน แตกต่างจาก i30 Wagon
รุ่นเก่าที่เต็มไปด้วยเส้นฉวัดเฉวียน แต่รถรุ่นใหม่กลับมีความเรียบง่ายทุกอณู ทว่ากลับมี
สัดส่วนตัวถังที่ปราดเปรียวกว่าเดิมอีก
Hyundai i30 Tourer ไม่ได้เป็นรถแนวสปอร์ต กลับกันมันถูกวางตำแหน่งให้เป็น
รถยนต์ของประชาชนคนทั่วไปที่รู้สึกถึงพลังแห่งความเรียบง่าย มีดีไซน์ที่อยู่ทนทาน
เหนือกาลเวลา มอบความสง่างามและความอเนกประสงค์สำหรับทุกคน โดยมีจุดเด่น
ด้านการออกแบบบั้นท้ายด้วยการนำสไตล์ของรถคูเป้มาประยุกต์และดูแพงด้วยกรุขอบ
โครเมี่ยมอย่างหนา
จุดเด่นสำคัญคงจะเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถแวกอน
C-Segment บ้าน ๆ ด้วยกัน อาทิ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับความพร้อม
ของผู้ขับขี่พร้อมระบบเตือน, ระบบช่วยเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติและระบบช่วยป้องกัน
การขับขี่ออกนอกเลน
เครื่องยนต์ไม่ได้เผยสเปคละเอียดมากนัก มีให้เลือก 3 แบบ อาทิ เครื่องยนต์ดีเซล
1.6 ลิตร 110 แรงม้า (PS) , เบนซิน 1.4 ลิตรเทอร์โบ T-GDI 140 แรงม้า (PS)
, เบนซิน 1.0 ลิตรเทอร์โบ T-GDI 120 แรงม้า (PS)
ดูโหงวเฮ้งแล้วอาจมีแววรุ่งกว่าเดิม
รถต้นแบบอีกคันที่ดูน่าสนใจคือ Hyundai FE Fuel Cell Concept และน่าสงสัยว่า
รถต้นแบบคันนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเอสยูวีรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า Tucson หรือเปล่า?
เพราะสัดส่วนรถทั้งคันนั้นแทบจะตรงกับภาพเอสยูวีที่แอบถ่ายกันหลายครั้ง
Hyundai FE Fuel Cell Concept เป็นการแสดงให้เห็นว่า Hyundai เอาจริงเอาจัง
กับรถเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วงถึง 14 รุ่นภายในปี 2020 อย่างรถคันนี้จะแสดง
นวัตกรรมรถยนต์รังเชื้อเพลิงเจเนเรชั่นที่ 4 ที่มีระยะทางวิ่งสูงสุด 800 กิโลเมตรต่อการ
เติมเชื้อเพลิงครั้งหนึ่ง
เทคโนโลยี Fuel Cell ใหม่ช่วยทำให้ลดน้ำหนักกว่าเทคโนโลยีเดิมถึง 20% มีประสิทธิ
ภาพการใช้เชื้อเพลิงดีขึ้นกว่า 10% มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่ม 30% เมื่อเทียบกับ
Hyundai ix35 Fuel Cell
นอกจากนี้มันยังทำหน้าที่เป็นการป้อนพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพา
และยังสามารถชาร์ตแบตเตอรี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าได้อีกด้วย
มีแนวโน้มว่า Hyundai FE Fuel Cell Concept อาจจะมีการผลิตจริงภายในปี 2018
Lamborghini
Lamborghini Huracan Performante เพชฌฆาตฆ่าตัวแรงทุกการทดสอบบนสนาม
Nurburgring ด้วยสถิติการวิ่งต่อสนามเร็วเพียงแค่ 6 นาทีกับอีก 52.01 วินาที เร็วกว่า
Porsche 918 Spyder ถึง 5 วินาที มองหน้าเจ้านี่เผิน ๆ แอบคล้ายของเดิมแต่ถ้าได้เจาะ
ถึงเนื้อหนังจริงก็พบว่าไม่ธรรมดา
ภายนอกของเจ้า Huracan Performante ถูกปรับแต่งหน้าตาด้วยจากการใช้ชิ้นส่วน
คาร์บอนไฟเบอร์ของเปลือกตัวถังใหม่ เช่น สปอยเลอร์ด้านหน้า-ปีกด้านหลังขนาดใหญ่
ที่มีระบบ ALA (Aerodinamica Lamborghini Attiva) หรือ ระบบ Active Aero Dynamics
นั่นเอง
โดยจะมีมอเตอร์ที่จะคอยเปิด-ปิด ช่องลมที่ซ่อนอยู่ในส่วนของชุดสปอยเลอร์กันชนหน้า
และ ภายในฐานของปีกด้านหลังซึ่งมีลักษณะกลวง มีรูดักลมเข้าไปภายในที่มีวาล์ว เปิด-ปิด
คอยบังคับให้ลมไหลผ่านไปออกยังรูระบายบริเวณด้านใต้ของตัวปีกหลัง ซึ่งระบบ ALA นี้
จะมีหน้าที่ช่วยเสริมแรงกดอากาศให้มากขึ้นเวลาเข้าโค้ง-เบรค หรือ ช่วยลดแรงต้านอากาศลง
เวลาที่ต้องการใช้ความเร็วสูง ตามความเหมาะสมผ่านระบบประมวลผลของตัวรถ
ภายในก็เน้นตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ Forged Composite แบบเดียวกับภายนอก
โดยเลือกตกแต่งในส่วนของ ช่องแอร์ การเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย มือจับประตูภายใน
และ แผงคอนโซลกลาง ตกแต่งสลับกับผ้า Alcantara บนแผงคอนโซลด้านบน และ พวงมาลัย
พร้อมเบาะนั่ง Sport Seats สลักลายลายตัว Y นอกจากนี้ หน้าจอมารตวัดดิจิตอล สามารถ
ปรับแต่งหน้าตาอินเตอร์เฟซได้ตามโหมดการขับขี่ ANIMA (Strada , Sport, Corsa)
ซึ่งมีการเพิ่มโหมดการแสดงผลของระบบ ALA ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกดูอีกด้วย
ด้านเครื่องยนต์นั้น แน่นอนว่าเป็นเครื่องยนต์ V10 ความจุ 5.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศเช่นเดิม
แต่มีการปรับปรุงไส้ในกันเพิ่มเติม ไล่ตั้งแต่ระบบดูดอากาศ วาล์วไอดีผลิตจากไทเทเนียม
ไปจนถึงชุดท่อไอเสียแบบใหม่ จนสามารถเพิ่มแรงม้าเป็น 640 แรงม้า (PS) ที่ 8,000 รอบ/นาที
และ ให้แรงบิด 443 ปอนด์-ฟุต (600 นิวตันเมตร) ที่ 6,500 รอบ/นาที หรือคิดเป็น 29 แรงม้า
ที่เพิ่มขึ้นมาจาก Huracan รุ่นพื้นฐาน (รุ่นพื้นฐานอยู่ที่ 610 แรงม้า (PS) และ แรงบิด
413 ปอนด์-ฟุต (560 นิวตันเมตร))
โดย Lamborghini ระบุว่า แรงบิดกว่า 70 % นั้นมีมาให้เรียกใช้ตั้งแต่ 1,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่แบบ 7 จังหวะ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เปลี่ยนได้
ฉับไวขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อการยึดเกาะที่มั่นคงเช่นเคย
จากการปรับปรุงทั้งหมดนี้ จึงทำให้ Huracan Performante สามารถทำอัตราเร่ง 0-100
กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 2.9 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 8.9 วินาที โดยที่
ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทาง Lamborghini ได้ปรับปรุงระบบช่วงล่างให้ความแข็งของสปริงและโช๊ค เพิ่มจาก
Huracan รุ่นพื้นฐานขึ้นถึง 10% เสริมความแข็งของจุดยึดบูช-ปีกนก ขึ้นอีก 50% ซึ่งจะ
ช่วยลดอาการโคลงตัวลงจากรุ่นพื้นฐานเดิมได้มากถึง 15% นอกจากนี้ โหมดการขับขี่
ANIMA (Strada , Sport, Corsa) ก็ได้รับการปรับแต่งระบบการควบคุมสเถียรภาพรถ
(ESC) ใหม่อีกด้วย
Mitsubishi
Mitsubishi ได้แสดงตัวอย่างเห็นว่ารถอเนกประสงค์ที่กว้างขวางไม่จำเป็นต้องออก
แบบให้เป็นทรงกล่องทื่อ ดูน่าเบื่อขนาดนั้น ลองมาดู Eclipse Cross สิ นี่คือแนวทาง
การออกแบบรถยนต์ที่เหมือนกับนำรถทรงกล่องมาเฉือนสัดส่วนออกไป บางส่วน
พร้อมทั้งออกแบบรายละเอียดตัวรถให้รู้สึกถึงความปราดเปรียว ถามว่าวิธีนี้เป็นวิธีใหม่
หรือไม่ ก็คงตอบว่าไม่เพราะ Range Rover Evoque ก็เคยใช้วิธีดังกล่าวมาแล้ว
Mitsubishi Eclipse Cross จัดเป็นรถยนต์ C-Segment Crossover ที่มีมิติตัวถัง
ยาว x กว้าง x สูง : 4,405 x 1,805 x 1,685 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ : 2,670 มิลลิเมตร
แทรกกลางระหว่าง B-SUV แท้ ๆ ระหว่าง Honda CR-V, Mazda CX-3 กับ C-SUV
อย่าง Honda CR-V, Nissan X-Trail และ Mazda CX-5 คาดว่าน่าจะมีเป้าหมายใน
การพัฒนาในตลาดยุโรปเป็นหลัก โดยยึดความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบครอสโอเวอร์
เอสยูวีบั้นท้ายคูเป้ แต่ว่ารถคันนี้นอกจากจะจำหน่ายในตลาดยุโรปแล้วก็ยังเปิดตัวใน
ตลาดอเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลียและภูมิภาคอื่น
จุดหนึ่งที่หลายคนประทับใจคงหนีไม่พ้นดีไซน์ภายนอกที่เคาะแบบมาจากรถต้นแบบ
XR-PHEV Concept ที่มีธีมดีไซน์ ‘Dynamic Shield’ ซึ่งเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
แล้วใน Pajero Sport และจุดขายสำคัญคือมันมีพื้นที่วางขาตอนหลังกว้างมหาศาล
และมีเนื้อที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลังผิดแผกจากรูปทรงภายนอก
สำหรับทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่จะมีดังต่อไปนี้
– เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร Direct Injection เทอร์โบ ทำงานร่วมกับ
เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม 8-Speed Sport Mode Manual Override
ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองล็อคพูเล่ย์ 8 จังหวะ
– เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร Direct Injection เทอร์โบ ทำงานร่วมกับ
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
จุดขายสำคัญมากอีกประการคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อผ่านระบบ Super All-Wheel
Control พร้อมระบบ Active Yaw Control ซึ่งควบคุมแรงบิดของล้อหลังเอกลักษณ์
การขับขี่ฉบับ Lancer Evolution แตกต่างจากคู่แข่ง
มันก็น่าลุ้นว่าลูกค้าชาวไทยจะมีสิทธิ์สัมผัส Mitsubishi Eclipse Cross ในอนาคตหรือไม่
Nissan
Nissan Qashqai รุ่นปรับโฉมมาแบบเซอร์ไพร์ซนิดหน่อยเพราะในตลาดอเมริกาเหนือ
มันเพิ่งตัวในช่วงต้นปีด้วยหน้าตาแบบเดิม นั่นเท่ากับว่าลูกค้าชาวอเมริกันจะได้ใช้ใบ
หน้าที่แตกต่างจากลูกค้าชาวยุโรปแบบงง ๆ แต่ถ้ามองกลับกันจะพบว่า Nissan Rogue/X-Trail
Minorchange นั้นชาวอเมริกันก็ได้ใช้ก่อนใครในโลกเช่นกัน
Nissan Qashqai Minorchange มีการปรับใบหน้าให้ดูคล้ายกับ Nissan Rogue/X-Trail
Minorchange แต่สิ่งที่ต่างกันคือสัดส่วนของดีไซน์ที่ถูกปรับแก้ให้ลงตัวกับรถขนาดที่เล็กลง
ภายในห้องโดยสารถูกปรับปรุงให้มีความพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น มีการปรับปรุงวัสดุภายใน
พิเศษสุดมีการแนะนำเกรดย่อยใหม่ Tekna+ หรูหราด้วยเบาะนั่งที่ห่อหุ้นด้วยหนังแนปปา
หนานุ่ม หรูหราด้วยการปั๊มลายขั้นรูป 3 มิติ พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนทรงพวงมาลัยใหม่
เพิ่มลำโพง Bose เสียงพรีเมี่ยม 7 ตัว
สิ่งที่เป็นจุดขายมากที่สุดคือ ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPilot แบบเดียวกับ Nissan Serena
โฉมปัจจุบันที่ทำตลาดในญี่ปุ่น สามารถควบคุมพวงมาลัย, คันเร่งและระบบเบรกขณะวิ่ง
บนเลนเดี่ยวบนทางไฮเวย์
Peugeot
Peugeot Instinct Concept รถต้นแบบที่น่าจับตาว่าดีไซน์แบบนี้จะกลายเป็น New
Design Language ในอนาคตหรือไม่?
จุดเด่นหลัก ๆ คือห้องโดยสาร i-Cockpit ที่เริ่มแปลงร่างเป็นห้องโดยสารยานอวกาศ
เข้าไปทุกที สามารถสั่งการผ่านระบบ Chatbot พร้อมด้วยฟังก์ชันที่ตอบสนองการขับขี่
อัตโนมัติเต็มรูปแบบซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการพัฒนารถยนต์คันนี้
ไหน ๆ ก็ชูว่าเป็นรถที่เน้นการขับขี่อัตโนมัตอย่างแท้จริง รถคันนี้จึงมีรูปแบบ
การทำงานที่มีให้เลือก 2 แบบ ประกอบไปด้วย Autonomous Soft ที่เน้นความนิ่มนวล
และ Autonomous Sharp ที่เน้นในเรื่องของการทำเวลา ให้ทันนัดหมาย แตกต่าง
จากรถต้นแบบอื่น ๆ อย่างมากเพราะเจ้านี่มีโหมดที่ตอบสนองความต้องการของคนทั่วไป
แบบไม่ขาดและไม่เกิน
Range Rover
Range Rover Velar ถล่มตลาดเอสยูวีระดับหรูที่ทางต้นสังกัดมั่นใจเลยว่า Velar
นี่แหล่ะคือรถรุ่นขายดีที่สุดของแบรนด์ Range Rover ในหลายประเทศ ถามว่าคู่แข่ง
ของ Velar โดยตรงคือใคร ก็คือ Porsche Macan และมีขนาดเดียวกับ Jaguar F-Pace
Velar คือเอสยูวีที่มีได้รับการยืนยันว่าเป็นรถที่มีบุคลิกใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งมากที่
สุดเท่าที่ Range Rover เคยทำมา โดยยังคงรักษาคุณสมบัติเด่นประจำแบรนด์เอาไว้
สำหรับดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
นอกเหนือจากรายละเอียดีไซน์ที่เป็นจุดเด่นแล้ว พื้นตัวถังอลูมิเนียมใหม่ล่าสุดก็ยังเป็น
จุดขายสำคัญที่รองรับการขับขี่ด้วยความสบาย, คล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพทุกบน
ถนนและทุกสภาวะอากาศ ช่วงล่างหน้าแบบดับเบิลวิชโบนที่ถูกออกแบบตามหลักการ
ของรถสปอร์ตมีความมั่นคงสูงที่ช่วยให้ มีส่วนประกอบของวัสดุอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก
คอนโทรลอาร์มส่วนล่างทำจากโลหะที่เพิ่มช่วยความทนทานขณะลุย
ขุมพลัง Ingenium บล็อก 4 สูบที่เด็ดที่ให้กำลังสูงสุดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ มอบอัตราเร่งฉับไว
ตามใจสั่ง มีให้เลือกแบบดีเซล 1.8 ลิตร ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรด้วย
รอบต่ำเพียงแค่ 1,750 รอบต่อนาที ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.9 วินาที
เครื่องยนต์ Ingenium เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 1,997 ซีซี 247 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 364 นิวตันเมตรที่รอบระหว่าง 1,200 – 4,500 รอบต่อนาที 1,200 – 4,500 รอบต่อนาที
ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รุ่นบนสุด V6 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ 380 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร
ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทุกเครื่องจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF
Ssangyong
ยุคนี้น่าจะเป็นยุครุ่งเรืองของบริษัทรถยนต์อินเดียล่าอาณานิคม ทั้ง Jaguar-Land Rover
ที่พัฒนาตัวเองจนสร้างความแตกต่างและตราตรึงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งใบบุญของ
บริษัทรถอเมริกันยักษ์ใหญ่ และล่าสุด Mahindra & Mahindra บริษัทผู้ดูแล Ssangyong
ก็เร่งพัฒนาตัวเองสุดฤทธิ์เช่นกัน
Ssangyong XAVL Concept รถต้นแบบเอสยูวี 3 แถวที่เฉลิมฉลองการเริ่มต้นการ
มีผลกำไรอย่างจริงจังนับจากขาดทุนตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา งานนี้มีการเปลี่ยนความ
คิดการออกแบบให้ดูมีเสน่ห์ขึ้น เพราะเป็นการนำแรงบันดาลใจจาก Korando โฉมที่ 2
ในยุค 90s
Ssangyong XAVL Concept มีความยาว 4,630 มิลลิเมตร, กว้าง 1,866 มิลลิเมตร
สูง 1,640 มิลลิเมตร มีความยาวฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร นั่นเท่ากับว่ามันจะมาชนกับ
Nissan X-Trail โดยตรงนั่นเอง แต่ Ssangyong กล้ายืนยันว่าผู้โดยสารทั้ง 7 จะนั่งสบาย
ในระดับเดียวกับรถมินิแวน
ผู้บริหารยังใบ้ว่า Ssangyon XAVL Concept เวอร์ชันผลิตจริงจะติดตั้งเครื่องยนต์
ดีเซล 1.6 ลิตร และเบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ และมีสิ่งล้ำหน้ากว่าใครคือสามารถเชื่อม
ต่อกับอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน IOT(internet of things) ได้
รถคันผลิตจริงมาแน่ แต่มาตอนไหนนั้น ต้องรอไม่เกินปี 2020
Subaru
เมื่อมาเยือนบูธ Subaru เชื่อว่าคนไทยหลายแสนต้องถามหา Subaru XV Modelchange
กันก่อนเลย ใจเย็น ๆ ครับทุกท่าน พวกเราชาวไทยจะมีสิทธิ์สัมผัส All NEW Subaru XV
ในช่วงปลายปี 2017
ความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ นอกเหนือจากดีไซน์ธีม DYNAMIC x SOLID ที่พัฒนาบุคลิก
ตัวรถมาแนวทรงเตี้ยและกว้าง พร้อมทั้งมีไฟหน้าทรงเหยี่ยวเฉี่ยวกระทบสายตา และปรับ
เส้นสาย/สัดส่วนที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น งานวิศวกรรมพื้นตัวถังใหม่ Subaru Global Platform
ที่ถูกพัฒนาให้ทนต่อการแรงการกระทำตัวรถ 100%, เพิ่มความสามารถในการทนต่อการ
บิดตัวถังด้านข้างขึ้น 90% , ทนต่อการบิดตัวตัวถังตามยาว 70%, เพิ่มความแข็งแกร่งของ
จุดยึดช่วงล่างด้านหน้าเพิ่มขึ้น 70% และความแข็งแรงของจุดยึดซับเฟรมหลังเพิ่มขึ้น 100%
เครื่องยนต์เบนซิน FB20 4 สูบนอน Boxer DOHC Direct Injection
ขนาด 2.0 ลิตร 1,995 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 90.0
มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า (PS)
ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT Lineartronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
Symmetrical All-wheel drive
(เครื่องยนต์ปรับเป็น Direct Injection แรงม้าเพิ่มขึ้น 6 ตัว
แรงบิดสูงสุดมาไวขึ้น 200 รอบ/นาที ระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ
อัตราทดแปรผัน Lineartronic CVT ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ใช้โซ่
ขับเคลื่อนเกียร์แบบที่ทำงานเงียบเสียงลงกว่าเดิม อัตราทดเกียร์ D
ปรับจากเดิม 3.581-0.570 เป็น 3.44-0.64 เกียร์ถอยหลังปรับจาก
3.667: 1 เหลือ 3.52:1 ส่วนอัตราทดเฟืองท้ายอยู่ที่ 3.700:1 เท่าเดิม)
โดยรวมมีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นชนิดที่ว่าต้องได้ลองขับถึงจะรู้ว่ามีดีอย่างไร
โชคดีที่ลูกค้าชาวไทยสามารถสัมผัสคันจริงช่วงปลายปี 2017 นี้
Tata
หากมองจากภาพภายนอก Tata Motors คงคิดว่าเป็นบริษัทที่มีวิธีคิดในระนาบ
เดียวกับแบรนด์เล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ แต่วันนี้ Tata
ก็ได้ระเบิดศักยภาพของกระบวนการทางความคิดหลายอย่างจนกลายเป็นรถสปอร์ตคันนี้
ก่อนหน้านั้นเคยรายงานว่า Tata Motors ได้จัดตั้งหน่วย Tamo บริษัทย่อยขนาด
เล็กในรูปแบบ Start-Up ที่มีวิถีการดำเนินงานเหมือนกับ Start-Up รายอื่น ๆ คือการ
ค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในแบบที่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคิดไม่ได้ แต่ก็ต้องรับเงินทุนจากบริษัทยักษ์
ใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่า เรียกได้ว่ากระเป๋าขวาออกไปยังกระเป๋าซ้ายก็ว่าได้
Tamo Racemo ให้นิยามว่าเป็นรถสปอร์ต “phygital” ผสมผสานโลกทางกายภาพ
เข้ากับโลกแห่งดิจิตอล เน้นการติดต่อสื่อสารด้วยระบบประมวลผลผ่านม่านเมฆ
(cloud computing), มีการวิเคราะห์ข้อมูล, กำหนดพื้นที่ภูมิศาสตร์และการสร้างแผนที่
ผ่านอินเตอร์เฟซระหว่างผู้ใช้งานที่เข้าใจง่าย
น่าทึ่งคือ Tamo Racemo ถูกออกแบบที่ Tata Motors Design Studio ตูริน
ประเทศอิตาลีสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังแซนด์วิช (MoFlex Multi-Material Sandwich : MMS)
ที่มีอิสระต่อการดีไซน์
รายละเอียดทางเทคนิคเบื้องต้นติดตั้งเครื่องยนต์ 3 สูบเบนซิน 1.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ
190 แรงม้า (PS) แรงบิด 210 นิวตันเมตรจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-96
กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6 วินาที
ส่วนจะผลิตเมื่อไรและจำนวนเท่าไรต้องตามข่าวกันเรื่อย ๆ
Toyota
ปีนี้ไม่ได้มุ่งเน้นนวัตกรรมสำหรับยานยนต์เท่าไรนัก แต่กลับมุ่งเน้นพานพาหนะที่เพิ่ม
ความสะดวกสบายในตัวเมืองแทน เพราะ Toyota มองว่าประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองต่าง
ต้องการอะไรก็ได้ที่สามารถพาไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองแค่ระยะทางสั้น ๆ มีที่จอดเก็บง่าย
และเชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวน่าจะมาถึงในไม่ช้า
Toyota i-TRIL Concept ยานพาหนะที่พาคนวัยฮิปเจาะทะลุเมืองวางเลย์เอาท์ 2+1 ล้อ
ที่มีเทคโนโลยีการขับขี่ที่สามารถทำมุมองศาเลี้ยวกับพื้นถนนถึง 10 องศาแบบเดียวกับ
Toyota i-Road Concept
ตัวรถเบาแค่เพียง 600 กิโลกรัม มีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุด ๆ ส่งกำลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์
ไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จประจุแค่ครั้งเดียวถึง 300 กิโลเมตร การบังคับควบ
คุมหลัก ๆ จะเป็นอย่างอัตโนมัติ แต่ถ้าผู้ขับขี่อยากจะโซโล่เองก็มีจอยสติ๊กช่วยบังคับยาน
พาหนะคันนี้ตามใจชอบครับ
ดูทรงแล้วคงต้องรออีกนานไกลโพ้นถึงจะผลิตขายจริงได้
Volkswagen
Volkswagen ปฏิบัติการล้างภาพลักษณ์รถซีดานคูเป้ใหม่จากเดิมที่ทุกคนติดตาว่า
นี่มันเอา Passat มาเฉือนท้ายนี่ ให้กลายเป็นรถ Dedicated Model ที่ทุกคนต้องจารึก
เอาไว้ถึงขั้นต้องเปลี่ยนชื่อจาก CC (ชื่อแรกคือ Passat CC) เป็น Arteon
แต่พูดตรง ๆ ว่า Volkswagen Arteon มันก็สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Passat ใหม่อีก
ทีเหมือนเดิม แต่ Volkswagen ลงทุนต่อยอดให้ไปไกลมากกว่านั้นอีก เพราะอย่าลืมว่า
Arteon ใหม่จะกลายเป็นรถที่มีภาพลักษณ์สปอร์ตซีดานเต็มตัว ถึงขั้นลงทุนเกลาใบ
หน้าให้ดูล้ำสมัยสวยงามมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นทิศทางการออกแบบและพัฒนา Volkswagen Arteon จึงออกไปในทางก้าว
ล้ำไปข้างหน้ามากกว่าที่จะนำของเดิม ๆ มาขัดเกลา ดีไซน์ภายนอกจึงดูแตกต่างจาก
Passat มากกว่าที่เคยเป็นมา ลงทุนออกแบบตัวรถให้ดูเพรียวไม่หนาเทอทะ ทั้งที่มันมี
ความยาวตัวถังถึง 4,862 มิลลิเมตร กว้าง 1,871 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,841 มิลลิเมตร
สูง 1,427 มิลลิเมตร
การวางตำแหน่งการตลาดน่าสนใจมากคือวาง Volkswagen Arteon ให้ชนกับ
BMW 4-Series Grand Coupe กันไปเลยตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
เครื่องยนต์ของ Volkswagen Arteon มีให้เลือกทั้ง เบนซิน และ ดีเซล
เครื่องยนต์เบนซิน TSI จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch DSG ทุกเครื่องยนต์
– เบนซิน 1.5 TSI Evo พละกำลัง 150 แรงม้า (PS)
– เบนซิน 2.0 TSI พละกำลัง 190 แรงม้า (PS)
– เบนซิน 2.0 TSI พละกำลัง 280 แรงม้า (PS) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MOTION
เครื่องยนต์ดีเซล TDI จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch DSG ทุกเครื่องยนต์
– ดีเซล 2.0 TDI พละกำลัง 150 แรงม้า (PS)
– ดีเซล 2.0 TDI พละกำลัง 190 แรงม้า (PS)
– ดีเซล 2.0 TDI พละกำลัง 240 แรงม้า (PS) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MOTION
ความพยายามอีกครั้งของ Volkswagen ที่จะขยับไปทางพรีเมี่ยมแมสมากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์อาจคาดหวังยากแต่ก็น่าจะทำให้ภาพรวมของแบรนด์ Volkswagen ดูดีขึ้นอีกระดับ
Volkswagen Group Sedric Concept ฟังเผิน ๆ ชวนให้นึกถึง Nissan Cedric
แต่ตัวรถคันจริงน่ะคนละเรื่อง เพราะ Sedric Concept คือรถต้นแบบขับขี่อัตโนมัติ
Level 5 คือขับขี่อัตโนมัติโดยต้องมีมนุษย์อยู่ในรถ
ชื่อ Sedric ย่อมาจาก SElf-DRIving-Car และนี่คือยานยนต์ที่เกิดจาก Volkswagen
Group ไม่เกี่ยวข้องกับ Volkswagen แต่อย่างใด วิธีการใช้งานง่าย ๆ คือแค่กดปุ่มเท่านั้น
ระบบก็จัดการให้คุณทุกอย่าง
ไม่มีใครกล้ายืนยันว่า Sedric Concept จะมีการผลิตจริงได้เมื่อไร เพราะทุกอย่าง
ดูเหมือนเป็นรถแห่งความฝันเอามาก ๆ
Volvo
All NEW Volvo XC60 น่าจะเป็นเพื่อนแพ๊คคู่กับ Range Rover Velar ที่มาสั่น
สะเทือนวงการเอสยูวีระดับหรูที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากที่สุดโดยไม่จำเป็นต้อง
สร้างรถที่ดูประหลาด ๆ เพียงแค่ออกแบบให้ดู Clean Sheet แล้วปรับแก้สัดส่วนที่ดู
รู้สึกสบายตาเมื่อมองนาน ๆ
Volvo XC60 รุ่นใหม่เพิ่มจุดขายใหม่ให้แก่รถเอสยูวีขายดี ได้แก่ เทคโนโลยี Steer Assist
ที่ช่วงบังคับพวงมาลัยให้รถอยู่ตรงเลนสม่ำเสมอ ป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝันอันเกิดจาก
ความประมาทได้ที่ทำงานร่วมกับระบบตรวจจับหรือเซนเซอร์ทั้งหลาย
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist ที่สามารถช่วยขับขี่ในเลน
อัตโนมัติพร้อมทั้งช่วยคำนวณระยะห่างจากรถคันหน้า, บังคับพวงมาลัยและเบรก
อัตโนมัติหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบนี้ยังสามารถทำงานภายใต้ความเร็วไม่เกิน 130
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
All NEW XC60 มีรหัสขุมพลังให้เลือกเบื้องต้นทั้งเบนซิน T5, T6
เบนซิน Hybrid T8 และ ดีเซล D4, D5 ทั้งหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
T5 AWD
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. 4 สูบ รหัส B4204T23
กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 93.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
10.8 : 1 พ่วง Turbocharged กำลังสูงสุด 254 แรงม้า ที่ 5,500
รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,800 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
T6 AWD
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. 4 สูบ รหัส B4204T27
กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 93.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
10.3 : 1 พ่วง Turbocharged และ Superchargered กำลังสูงสุด
320 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 2,200 – 5,400
รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
T8 Twin Engine Plug-in Hybrid AWD
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. 4 สูบ รหัส B4204T35
กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 93.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
10.3 : 1 พ่วง Turbocharged และ Supercharged กำลังสูงสุด
320 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร ทำงาน
ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 117 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมพละกำลังสูงสุด 407 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic
พร้อมระบบ Plug-in Hybrid แบตเตอรี่ Lithium-ion 10.4 kWh แรงดันไฟฟ้า
270-400 V ขับเคลื่อนล้อหน้า – ล้อหลังขับเคลื่อนด้วย Electric Rear Axel Drive
D4 Diesel AWD
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. 4 สูบ รหัส D4204T14
กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 93.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
15.8 : 1 พ่วงเทอร์โบคู่ Twin Turbo กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่
4,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive
D5 Diesel AWD
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. 4 สูบ รหัส D4204T23
กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 93.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด
15.8 : 1 พ่วงเทอร์โบคู่ Twin Turbo กำลังสูงสุด 235 แรงม้า ที่
4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive
Volo XC60 โฉมใหม่น่าจะเป็นไฮไลต์ที่คนจับตามองทั่วโลกเพราะรุ่นที่ประสบ
ความสำเร็จ
—————————————————————————————-