ในที่สุดโลกแห่งวงการยานยนต์ได้สั่นสะเทือนอีกครั้งเมื่อ Li Shufu ประธาน Zhejiang Geely Holding Group ได้ตัดสินใจซื้อหุ้นธุรกิจของ Daimler AG ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เยอรมนีมากถึง 9.69% ถือเป็นผู้ถือหุ้นเดี่ยวรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าหุ้นสูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์หรือ 280,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวไม่ระบุนามกล่าวว่า นี่ถือเป็นการเริ่มต้นของ Geely ที่มีโอกาสจะเติบใหญ่ได้มากกว่านี้ (ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น หรือเทคโอเวอร์บริษัทรถยนต์รายอื่นๆ)
สาเหตุลึก ๆ ที่ Li Shufu ต้องการซื้อหุ้นธุรกิจ Daimler AG ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีนักวิเคราะห์มองว่า ในโลกของการแข่งขันตลาดรถยนต์ มันยากที่จะมีผู้ผลิตเบอร์ 1 , 2 , 3 อยู่รอดภายใต้สภาวะการแข่งขันใหม่ ๆ แต่ถ้าหากบริษัทรถยนต์ในทุกวันนี้ถูกควบรวมกลายเป็น 1 ใน 2 หรือ 3 ก็จะทำให้ต่างฝ่ายต่างอยู่รอดกันได้
และ Li Shufu ยังกล่าวประกาศในงานแถลงข่าวการซื้อหุ้นธุรกิจ Daimlaer AG เอาไว้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ในปัจจุบันไม่มีสถานะที่พร้อมจะเอาชนะกับการแข่งขันจากผู้รุกรานรอบด้านได้ (หมายถึงนอกจากจะต้องแข่งขันกับบริษัทรถด้วยกันแล้ว ยังต้องมาแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีที่เริ่มเข้าสู่วงการรถยนต์บ้างแล้ว)
และหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Geely ต้องซื้อหุ้นธุรกิจ Daimler AG ก็คือ Geely จะสามารถรับเทคโนโลยีในสิ่งที่ตนเองขาดหายไปหรือไร้รากฐานจาก Daimler AG ได้แก่ เทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ก็นำพาความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ตามไปด้วย เช่น ความร่วมในการดำเนินธุรกิจรถยนต์หรูในจีนระหว่าง Daimler และ BAIC จะต้องสะเทือน, Volvo AB แบรนด์รถยนต์ในเครือ Geely ก็เริ่มไม่ไว้วางใจบริษัทแม่จนถึงขั้นสั่งให้ลดจำนวนผู้บริหารในคณะกรรมการลง เพราะ Volvo ยังถือเป็นคู่แข่งของ Mercedes-Benz
ความทะเยอทะยานของนาย Li ก็ตรงกับความปรารถนาของรัฐบาลจีนที่อยากจะให้ประเทศพวกเขากลายเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับสูงและจะต้องก้าวกระโดดกลายเป็นประเทศผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ
ที่มา : Reuters, Automotive News