
Frankfurt Motorshow 2015 = ไส้กรอกเยอรมันรสนุ่มกลมกล่อมที่สามารถเติมความสุขขณะเสพเบียร์ได้
นี่คือคำนิยามของงานในปีนี้ที่มีแต่ความหลากหลาย กลมกล่อม ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งจำนวนรถที่เปิดตัว
ภายใต้สถานการ์โลกเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ในยุโรปกำลังอยู่ในช่วงทรงตัว ทำให้บรรยากาศในงาน
ไม่อึมครึมเหมือนปีก่อน ๆ
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราก็มาทัวร์งาน Frankfurt Motorshow 2015 กันเลยครับ
Alfa Romeo
Alfa Romeo ถึงขนาดกลั้นใจรอให้ Giulia QV (Quadrifoglio Verde) ไปอวดโฉมที่งานนี้กันเลย แทนที่จะอวดโฉม
พร้อมกันกับ Giulia Original กัน แล้วมันมีอะไรให้ Surprise ล่ะ ? ถ้าคุณคิดว่าอยากขับ Ferrari ในราคามิตรภาพ (ใน
สายตาของคนรวย) แล้วล่ะก็ Giulia QV คือคำตอบสุดท้าย

แล้วทำไมถึงต้องซื้อ Giulia QV ล่ะ แทนที่จะซื้อ BMW M3 ? ก็เพราะมันติดตั้งเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบ 502
แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร อันเป็นขุมพลังที่จะได้เห็นในรถยนต์ Ferrari รุ่นต่อไป โอเค แม้แรงบิดสูงสุดยังสู้ Benz
C63 S ไม่ได้ (700 นิวตันเมตร) แต่ Giulia กลับสร้างสมดุลตัวรถทั้งหมดโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวถังเบา
สุดในบรรดารถหรูเวอร์ชันแรงทั้งหลาย เพราะพี่แกเล่นใช้วัสดุอลูมิเนียมทำหลังคาและฝากระโปรงจนเบาหวิว พร้อมกันนี้ก็
ยังกระจายน้ำหนักตัวถังในอัตราส่วน 50 : 50 เท่ากันอีกด้วย
และด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีความแรงจาก Ferrari ทั้งหมดก็ทำให้ Alfa Romeo Giulia รุ่นกลีบดอกไม้ แรงจี๊ดถึงใจยิ่ง
กว่า M3 และ C63 S เสียอีก เอาง่าย ๆ แค่จากจุดเริ่มต้นจนวิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ทำได้ภายในระยะเวลาแค่
3.9 วินาที ชนะขาด M3 ที่วิ่งได้ 4.1 วินาทีและ C63 S ที่ 4.0 วินาที

ถ้าให้ชนะกันแค่เฉือนเสี้ยววินาทียังไม่พอ เรามาดูความเร็วสูงสุดของ Giulia QV ก็ทำได้ 307 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิ้งห่าง
M3 และ C63 S เป็นทุ่ง สาเหตุที่รถ BMW และ Mercedes-Benz มีความเร็วสูงสุดแค่เพียง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่น
เป็นเพราะมันถูกล็อกจากโรงงานมาแล้ว หาใช่ประสิทธิภาพของมันไม่โดดเด่นอย่างใครบางคนคิด

ในเมื่อ Alfa Romeo วางเกมเป็นรถสปอร์ตขนานแท้ที่ใช้เทคโนโลยี Ferrari เต็มสูบขนาดนี้ ก็อย่าคิดเลยว่า Giulia QV
จะถูกกว่า BMW และ Mercedes-Benz เพราะแบรนด์ด้อยกว่า กลับกันในเมื่อ Alfa Romeo มีจุดขายเด่นขนาดนี้เลย
ตั้งราคา Giulia QV แพงที่สุดในบรรดารถหรูเวอร์ชันแรงอีกด้วย
ชะตากรรมของ Alfa Romeo จะถูกพลิกด้วย Giulia ใหม่หรือไม่ เห็นทีต้องช่วยกันภาวนาครับ
Audi
Tesla หนาวไหม? เมื่อเห็น Audi E-Tron Quattro Concept เพราะนี่แหล่ะคือคู่แข่งโดยตรงของ Tesla Model X สู้
ตายด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 500 กิโลเมตรที่มาพร้อมบุคลิกเอสยูวีไฟฟ้าสปอร์ตแตกต่างจาก Tesla

ถึงแม้ Audi E-Tron Quattro Concept ยังคงเป็นแค่รถต้นแบบ Dr Ulrich Hackenberg, ผู้บริหาร Audi ยืนยันว่ารถ
ต้นแบบคันนี้มันใกล้เคียงกับรถเวอร์ชันจริงที่จะคลอดออกมาภายในต้นปี 2018 มาก ๆ แล้ว นั่นหมายความว่า Tesla
Model X จะต้องนับนิ้วมือถอยหลังเพื่อรอคอยคู่แข่งตัวฉกาจกันแล้ว
จุดแข็งและจุดขาย Audi E-Tron Quattro Concept ที่จะมาแย่งชิงลูกค้าจาก Tesla มีไม่น้อยเลย อย่างเช่น เทคโนโลยี
การจัดการแบตเตอรี่และเซลล์แบตเตอรี่ยุคใหม่, ประโคมเทคโนโลยีการพัฒนาตัวรถน้ำหนักเบาและเน้นหลักอากาศ
พลศาสตร์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อท้าแข่งความเร็วกับรถคันอื่นได้

หัวใจหลักของ Audi E-Tron Quattro Concept คือมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ตัวแรกจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า และอีก 2 ตัว
ที่เหลือจะส่งกำลังไปยังล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 429 แรงม้า และเมื่ออยู่ในโหมดบูสต์จะให้กำลัง 496 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
800 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.9 วินาที
ในเมื่อมันพยายามจะกลายเป็นรถเอสยูวีสปอร์ตมันก็ต้องมาพร้อมกับช่วงล่างปรับระดับได้ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วต่ำ มันก็มี
ความสูงตัวรถตามปกติ แต่ถ้าหากวิ่งด้วยความเร็วสูงเมื่อไร ตัวรถก็จะย่อตัวลงเพื่อความมั่นคงในการขับขี่
แม้ดีไซน์ตัวรถอาจไม่ได้ดูสปอร์ตเร้าใจมาก ๆ แต่เทคโนโลยีอันทันสมัยเช่นนี้ก็น่าจะทำให้ Tesla อึดอัดแน่ ๆ
Bentley
Bentley Bentayga คือที่สุดของงานนี้เพราะมันคือเอสยูวีหรูที่แพงที่สุด ณ เวลานี้ (เมื่อแปลเป็นเงินไทยก็ตกคันละ 8.2
ล้านบาท ยังไม่นับภาษียิบย่อยสารพัด) และแรงที่สุด และที่สำคัญมันน่าจะกลายเป็น Bentley ที่เอาใจคนทั่วไปด้วยการ
ออกแบบหน้าตาที่ไม่อ้างอิงจากรถต้นแบบ Bentley EXP 9 F Concept เลยแม้แต่น้อย (แม้ผลวิจัยจะบอกว่าคนมีเงิน
ยินดีที่จะซื้อมันก็ตามที) นั่นก็ทำให้ทั้งคนรวยและคนเงินไม่ถึงก็สามารถฝันปองถึงมันได้อย่างไม่สยองขวัญนัก

คุณลักษณะเด่นของ Bentley Bentayga ที่ฉีกแนวเอสยูวีหรูหราทั่วไปเป็นอันมากคือ มันมีสมรรถนะในคราบรถสปอร์ต
ขนานแท้ ก็พ่อคุณเล่นติดตั้งเครื่อง W12 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ แรงจัด (ไม่ประหยัดจริง) 608 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตัน
เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 301 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นความเร็วสูงสุดในบรรดาเอส
ยูวีที่มีจำหน่ายทั่วโลก


รูปร่างหน้าตาชวนให้คิดว่าแอบนำ Porsche Cayenne มากลายร่างเป็น Bentley หรือเปล่าเพราะสัดส่วนตัวถังมีความ
ใกล้เคียงกันมากเสียเหลือเกิน เพียงแต่รายละเอียดก็ดูหรูหราสมกับเป็น Bentley และน่าจะเป็นรถคันแรก ๆ ที่สร้าง
กระแส Super Luxury SUV ได้จริง ๆ จัง ๆ เสียที

Bentley Bentayga จะยังครองตำแหน่งเอสยูวีราคาแพงที่สุดในตลาดจนถึงปี 2018 เพราะในปีนั้น Rolls-Royce ก็จะ
ออกเอสยูวีที่แพงกว่านั้นมาเกทับอีกที
BMW
ไฮไลต์ของงานนี้อยู่ที่บูธ BMW มิใช่เพราะรุ่นใหม่เท่านั้นที่ทำให้ BMW ดังไปทั่วโลกแต่เป็นเพราะท่านผู้บริหาร Harald
Krüger เกิดเป็นลมหน้ามือขณะยืนแถลงข่าวในรอบสื่อมวลชนจนต้องเร่งส่งโรงพยาบาลในบริเวณนั้น ส่วนสาเหตุของ
การเป็นลมล้มตึงนั้นเป็นเพราะว่าท่านรับแรงกดดันความเครียดมากและยังนอนไม่หลับกระสับกระส่ายก่อนวันแถลงข่าว
นั่นเอง
จบเรื่องเครียด ๆ เรามาดูเรื่องเครื่อง ๆ กันดีกว่า

BMW ดูเหมือนจะคาดหวังขุมพลัง Plug-in Hybrid ให้กลายเป็นขุมพลังความใหม่ของค่ายใบพัดฟ้าขาวพอสมควรถึงขั้น
เปิดตัว BMW 225xe PHEV และ BMW 330e PHEV พร้อมกันเลย ถ้าเข้าใจไม่ผิด BMW ทั้งสองรุ่นจะเป็นต้นแบบขุม
พลัง Plug-in Hybrid ไปใส่ไว้ในรถ BMW และ Mini รุ่นอื่นด้วย
BMW 225xe ชื่อดูแปลก ๆ หน่อยแต่มันคือ BMW 2-Series Active Tourer มาใส่ขุมพลัง Plug-in Hybrid โดย
ตัวอักษร xe มีความนัยว่า x คือรถระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและ e คือรถที่มีระบบส่งกำลังไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
BMW 225xe ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo กำลัง 136 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร และติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาล้อคู่หลัง ขนาดกำลัง 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
165 นิวตัน-เมตร ใช้แบตเตอรี่ Li-ion ในการเก็บกระแสไฟฟ้า

ขุมพลังเบนซิน จะรับหน้าที่ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ก็แยกไปส่งกำลังให้ล้อคู่หลังเลย ดังนั้น
BMW 225xe จะสามารถมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้า, ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ ครบถ้วนในคันเดียว
หากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานพร้อมกันก็จะมีกำลังสูงสุด 224 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาทีเท่านั้นแต่จะทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 202 กม./ชม. กินน้ำมันแค่เพียง 50
กิโลเมตรต่อลิตร

BMW 330e PHEV คันนี้ก็มาแปลกตรงที่ชื่อไม่เหมือนกับรุ่นน้องอย่างคันข้างบน แต่มันก็เป็นรถ Plug-in Hybrid เช่นกัน
เพียงแต่ว่า BMW จะเน้นให้รถคันนี้เป็น PHEV ที่มีมาตรฐานสูงสุดทั้งทางด้านการขับขี่และประสิทธิภาพ ด้วยขุมพลัง
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 184 แรงม้า (PS) จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า
เมื่อผสานกำลังกันก็ได้เรื่องครับ ก็เล่นให้กำลังสูงสุดรวมกันถึง 252 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตรส่งกำลังที่ล้อหลังให้
หมด (แตกต่างจากรุ่นน้อง BMW 225xe ที่เป็นรถขับสี่) ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที ถือว่า
ด้อยกว่า Mercedes-Benz C350e ที่ทำอัตราเร่งในระดับเดียวกันได้ 5.9 วินาที (เฉือนกันเสี้ยววินาทีอีกแล้วครับท่าน)
BMW 330e ทำความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Mercedes- Benz C350e ก็แรงสุดตั้ง 250 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมง
เห็นแรงอย่างนี้อย่าเพิ่งคิดว่ากินจุ มันประหยัดน้ำมันสูงสุด 1.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรซึ่งก็ประหยัดน้ำมันกว่า C350e ที่
กินน้ำมันราว 2.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
ถ้างั้นก็ลองบวกลบคูณหารกันดูนะครับว่าจะเลือกเอาว่า เอารถที่แรงกว่าแต่กินน้ำมันมากกว่าหรือแรงน้อยกว่าหน่อย แต่
ประหยัดน้ำมันกว่า
Citroen
ความสำเร็จของ Citroen C4 Cactus ก็ทำให้ Citroen ต้องเร่งสร้างรถต้นแบบตระกูล C4 Cactus ให้สามารถแตกหน่อ
แตกยอดอีกขั้นให้กลายเป็นรถเปิดหลังคาเอาใจวัยรุ่นกันสุดฤทธิ์

Citroen Cactus M Concept ได้แรงบันดาลใจจาก Citroen Mehari พัฒนาให้กลายเป็นรถ Outdoor ที่มีบานประตู
พลาสติก, ราวหลังคาสามารถติดกระดานเวกบอร์ดได้, ภายในห้องโดยสารก็ออกแบบให้น้ำเข้าและระบายออกได้ทัน ไม่
ต้องกังวลว่ากลัวเปียกด้วยวัสดุผ้าไม่ซึบซับน้ำ ทำให้การผจญภัยของหมู่วัยรุ่นไม่หวั่นแม้ในวันมามาก
บอกตรง ๆ ว่าคอนเซปต์น่าสนนะ แต่ถ้าจะทำจริงต้องคิดแล้ว คิดอีกเป็นล้านครั้งแน่แท้ เพราะถ้าจะให้โลดแล่นในชีวิตจริง
นั้นก็ต้องทุ่มงบพัฒนาด้านความปลอดภัยกันยกใหญ่แน่ ๆ
DS
บางคนอาจละเหี่ยใจว่าหน้าตาของ DS ยุคใหม่ทำไมมันพยายามจะทำให้ดูหรูหราแบบสูงวัยนะ แล้วอย่างนี้รถที่จับตลาด
คนรุ่นใหม่อย่างพวก DS3 หรือไม่ก็ DS4 จะได้หน้าแก่ ๆ แบบนี้เนี่ยนะ?
ฝันร้ายของบางท่านได้เป็นจริงแล้วเมื่อ DS4 Minorchange ได้ใบหน้าเอกลักษณ์ใหม่แล้ว แต่ ๆ ถ้ามองอย่างเป็นกลาง
ทีมออกแบบก็ทำการบ้าน กับDS4 รุ่นปรับโฉมเป็นอย่างดี เส้นสายต่างๆ ก็ลดวัยให้เหมาะสมกับบุคลิกตัวรถ จากรถแนว
ล้ำอาวองการ์ดก็หันมาใช้กระจังหน้าทรงเรียบง่ายแต่มีลูกเล่นเชื่อมระหว่างกระจังหน้าและไฟหน้า ไม่ใช่มาแบบทื่อ ๆ

โดยรวมไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนักนอกจากเพิ่มคู่สีตัวถังภายนอกแบบทูโทนที่ทำให้คุณสามารถเลือกเฉดสีให้ 38 คู่สี
นอกจากนี้ยังได้จัดแสดง DS4 Crossback Concept แค่ชื่อก็บอกว่ายังเป็นรถต้นแบบอยู่ มองเผินๆ ก็งั้น ๆ แต่ถ้าเจาะลึก
ลงในรายละเอียดก็รู้ว่ามันเป็นการทดลองนำวัสดุใหม่เข้ามาใช้ อาทิ นำหินแกรนิดมาทำกรอบกระจกมองข้าง (เดิร์นเสียไม่
มี)และแซมกับล้ออัลลอย, ภายในห้องโดยสารก็บุด้วยวัสดุหนังฟอกฝาด (Semi-Aniline)
คนของ Citroen ยืนยันว่าจะมีการใช้หินธรรมชาติมาเป็นวัสดุตกแต่งรถภายใน 2-3 ปีข้างหน้า สามารถเจียรหินให้บางแค่
1 มิลลิเมตรได้โดยซัพพลายเออร์ในฝรั่งเศส
ยังไม่พอ Citroen ยังกำหนดเทรนด์ใหม่อีกด้วยว่าวัสดุแผงแดชบอร์ดจำนวน 75% จะต้องใช้เนื้อไม้แท้มาประดับ เพราะ
ลูกค้ารู้สึกระอากับวัสดุพลาสติกเต็มทีแล้ว
แนวคิดทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันจะทำเงินและสร้างชื่อได้หรือเปล่านี่สิปัญหา?
Ferrari
Ferrari 488 Spider #คือที่สุดของรถสปอร์ตในงานนี้, หลังจากเรียกเสียงฮือฮาด้วย Ferrari 488 GTB ตัวตายตัวแทน
458M คราวนี้ก็มาถึงเวอร์ชันเปิดประทุนของ 488 กันบ้าง แม้จะไม่มีคำว่า GTB ต่อท้าย (แถมยังแรงน้อยกว่านิดเดียว)
แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เสียชื่อ 488 ไป

Ferrari 488 Spider ถูกออกแบบโดยศูนย์การออกแบบ Centro Stile คำนึงถึงสัดส่วนสมดุล สามารถเปิดปิดหลังคา
แข็งได้ภายใน 14 วินาที มีโครงสร้างตัวถังทีทนต่อการบิดตัวมากกว่า 458 Spider เดิมถึง 23% นั่นก็ทำให้ 488 Spider
มีน้ำหนักตัวถังมากกว่า 488 GTB ราว 50 กิโลกรัม แต่ก็เบากว่า 458 Spider ประมาณ 10 กิโลกรัมอยู่ดี

ขุมพลัง Ferrari 488 Spider ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์ V8 3.9 ลิตรที่ให้กำลัง 661 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร จะเห็น
ได้แรงว่า แรงม้าสูงสุดด้อยกว่า 488 GTB ประมาณ 9 แรงม้า แต่ทว่ามันก็ยังทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายใน 3 วินาทีอยู่เช่นเคย และยังทำความเร็วสูงสุด 326 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าด้อยกว่า 488 GTB ราว 4 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง
กระจกบังลมหลัง (Wind-Stop) สามารถปรับได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับที่ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถผ่อนคลายได้ยาม
ขณะเปิดประทุนจนไปถึงขั้นอนุญาตให้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามเต็มที่สร้างความครื้นเครงจนเลือดลมปราณสูบฉีดได้

Ferrari 488 Spider ยังคงจุดแข็งด้วยการติดตั้งระบบ ระบบ Side Slip Control ก็ได้รับการพัฒนาใหม่กลายเป็นระบบ
Side Slip Control 2 – SSC2 ซึ่งเหนือกว่าระบบเดิมตรงที่มันสามารถเข้าไปควบคุมการทำงาน
ของโช้คอัพ Active Damper ได้ทั้ง 4 ตัว ทำให้ระบบสามารถใช้ความแข็งของโช้คอัพซึ่งสามารถ
แปรผันได้ในการควบคุมตัวรถในยามที่ต้องเจอโค้งหลากหลายแบบภายในเวลากระชั้นชิดกัน
ถ้าหากว่าไม่ซีเรียสกับพละกำลังที่ด้อยลงเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นการซื้อพลังภายใต้ความงดงามที่อยู่คงทนถาวรไปครับ
Infiniti
ตกลงนี่มันจะเป็นรถ Mazda หรือ Mercedes-Benz กันแน่? ก็บางคนดูเส้นสายตัวรถแล้วมันเหมือนกับ Mazda เอา
มาก ๆ แต่มองหลายมุมแล้วดูคล้าย Mercedes-Benz GLA ไม่น้อย เอ๊ะหรือว่ามันอาจเป็นแฝดสยามกับ GLA หรือไม่ก็
A-Class


ใช่แล้วครับ คุณคิดถูก Infiniti Q30 รถแฮทช์แบคคันแรกจากค่ายระยะอนันต์มันเป็นฝาแฝดของ Mercedes-Benz GLA
และ A-Class นั่นเอง และดูเหมือนทีมออกแบบ Infiniti ก็เก่งกาจพอตัวที่ทำให้ Q30 ดูไม่เหมือนรถ Benz ซะทีเดียวนัก
แต่ก็น่าแปลกที่ Infiniti สามารถขัดเกลา GLA ให้กลายเป็นรถที่ดูสปอร์ตและปราดเปรียวกว่าเดิม คงเป็นเพราะ Infiniti
ตั้งใจจับตลาดลูกค้าเจเนเรชั่นใหม่ที่ไม่อยากได้รถหรูแบบเดิม ๆ อีกต่อไป Infiniti ก็เลยลงทุนขัดเกลาและเพิ่มเส้นสาย
เอกลักษณ์แปลกใหม่ตามไปด้วย

พอเปิดประตูเข้ามาปุ๊บ ก็มีกลิ่นไส้กรอกเยอรมันเต็มพื้นที่น่าดูเพราะ Infiniti ยังคงใช้ Module อุปกรณ์ภายในร่วมกับ
GLA หลายชิ้นมาก เช่นแผงควบคุมแอร์, แผงปุ่มกระจกไฟฟ้า ก็ยังตามมาหลอกหลอนใน Infiniti Q30 อยู่ ส่วน
เครื่องยนต์กลไกไม่ต้องลุ้นเลยก็ยกมาจาก GLA และ A-Class นั่นแล
Jaguar
ถือเป็นหนึ่งในค่ายที่ปลดแอ็กจาก Ford Motor ก็เริ่มมีเค้าความรุ่งเรืองให้เห็นเด่นชัด อย่างน้อย ๆ เราก็นับถือ Jaguar
กับพยายามในการค้นหาความเป็นตัวเองอยู่ และดูเหมือน Jaguar เองก็ไม่นิ่งนอนใจกับกระแสเอสยูวีที่กำลังมาแรง
(มาก) ในยุคปัจจุบัน

Jaguar F-Pace คือตัวอย่างที่ชัดเจนในการปรับตัวของ Jaguar ขนานใหญ่ที่มาพร้อมจุดขายที่ไม่ธรรมดาคือพื้นตัวถังที่
ทำจากอลูมิเนียมมากถึง 80% แตกต่างจากเอสยูวีในตลาดที่ไม่ได้ใช้อลูมิเนียมสูงมากขนาดนี้ และยังไม่พอ Jaguar ก็ใช้
วิชาตัวเบาอีกขั้นด้วยการนำวัสดุผสมมาทำฝากระโปรงท้ายและแม็กนีเซียมมาทำเป็นบาร์ใต้รถ

ถึงแม้ว่าพื้นตัวถังอาจจะใช้ร่วมกับ Jaguar รุ่นอื่น ๆ แต่ว่าความยาวฐานล้อกลับไม่เหมือนกับ XE เลย เพราะมันมีความ
ยาวถึง 2,874 มิลลิเมตร ยาวเว่อวังเช่นนี้ก็ทำให้ Jaguar กล้ารับประกันเลยว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง 5 ท่านนั่งสบาย
อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน


หลักการออกแบบของ Jaguar F-Pace คือการสร้างสรรค์เอกลักษณ์ของ Jaguar ให้ดูใกล้เคียงกับรถครอสโอเวอร์ มิใช่นำ
รถครอสโอเวอร์มาแปะตรา Jaguar
จุดขายระบบการขับขี่หรือขับเคลื่อนคงคาดเดาได้ไม่ยากเพราะว่ามันแทบจะเอาอุปกรณ์หรือระบบจาก Land Rover มา
ใช้ แต่จุดขายสำคัญอีกจุดหนึ่งที่มาแปลกคือหน้าจอสัมผัสที่เคลมกันว่าไวเร็วแสงใช้ได้
Kia
ปีนี้เป็นปีที่เอสยูวีถูกเปิดตัวเยอะมาก Kia Sportage โฉมใหม่ก็เช่นกันซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่ารถรุ่นใหม่ใช้โครงสร้างตัวถังจาก
รุ่นเดิมมาพัฒนา แต่เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่ชัด ๆ เลยคือสไตล์ที่น่าสนใจและดูลงตัวกว่าเดิมอีกทั้งยังมีเส้น
สายที่นำสมัยอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังปรับปรุงให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจาก 0.35 เป็น 0.33

เมื่อภายนอกไม่มีปัญหา แต่ Kia ก็ยังรู้สึกว่าภายในห้องโดยสารต้องมีการปรับปรุง Kia จึงจัดการอัพเกรดคุณภาพภายใน
ห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดเพื่อทำให้รู้สึกว่ามันดูมีคุณภาพขึ้นและออกแบบให้ดูหยิบจับง่ายขึ้น
แม้สัดส่วนหรือรูปทรงภายนอกไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ Kia ก็พยายามปรับปรุงห้องโดยสารให้มีความกว้างขวาง
มากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่เพิ่มเนื้อที่เหนือศีรษะ, ขยายเนื้อที่วางขาตอนหลังในขณะที่มีการขยายขนาดเนื้อที่ห้องสัมภาระมาก
ขึ้น

ถึงแม้จะเป็นการนำโครงสร้างพื้นฐานจากรุ่นเดิมมาใช้ต่อ แต่ก็เป็นการต่อยอดหรือปรับปรุงคุณภาพให้เห็นเป็นรูปธรรม
มากกว่าที่จะใช้ของเก่าเพื่อหลอกหากำไรลูกค้า
Lamborghini
รถสปอร์ตัวเปิดประทุนตัวพ่อก็มางานนี้ด้วยแฮะ อย่าง Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder ก็เจิมมาเปิดที่งาน
Frankfurt 2015 กันเลย ขอบอกตรง ๆ เลยว่าหน้าตาไม่ต่างจาก Huracan LP 610-4 มากนัก ต่างกันแค่หลังคาผ้าใบ
เปิด-ปิดด้วยไฮดรอกลิกไฟฟ้าภายใน 17 วินาทีขณะวิ่งด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และด้วยความที่ Huracan LP 610-4 มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขนาดนี้ จึงทำให้ Lamborghini Huracan
LP 610-4 Spyder ต้องออกแบบบั้นท้ายใหม่เกือบทั้งหมด ยกเว้นช่วงตั้งแต่ไฟท้ายลงมา เพื่อให้รับกับสัดส่วนตัวถังที่เป็น
แบบเปิดประทุน

Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder มีลูกเล่นนิดหน่อยเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ นั่นคือกระจกบังลมหลัง
สามารถกดเปิดเพื่อต้อนรับเสียงเครื่องยนต์เข้ามาขับกล่อมขณะขับขี่ได้
โครงสร้างตังถังอลูมิเนียมก็มีความแข็งแกร่งกว่า Gallardo Spyder ถึง 40% และมีการออกแบบตัวถังให้ลดแรงกดได้มาก
ถึง 50%

เครื่องยนต์ Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder ต้องพึ่งพาเครื่อง V10 5.2 ลิตรให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า (PS)
ที่ 8,250 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด 57.10 กก-ม. (560 นิวตันเมตร) ที่ 6,500 รอบ/ นาที พร้อมเกียร์ Dual clutch 7
จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.4 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 324 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถ้าสนใจก็เชิญได้เลยครับเพียงแค่ 186,450 ยูโรเท่านั้น
Lancia
แบรนด์ที่ใกล้จะตายอย่าง Lancia ก็พยายามโผล่หน้าให้เห็นเป็นระลอกเพื่อให้ระลึกว่ายังมีชีวิตอยู่ ถึงขั้นนำ Lancia
Ypsilon Minorchange มานำเสนอใหม่อีกครั้งซึ่งก็พูดกันตรง ๆ ว่ามันเป็นแค่ปรับปรุงกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่
พร้อมสีใหม่ Ivoty Chic

ภายในห้องโดยสารก็มีการปรับแก้คอนโซลให้ติดตั้งกล่องเก็บของใหม่ได้ถึง 3 ลิตร นอกจากนี้ยังบุวัสดุภายในใหม่, เปลี่ยน
กราฟิกมาตรวัดและเปลี่ยนหัวเกียร์ใหม่
รวม ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก ทำได้แค่ประคองตัวไป
Mazda
ในที่สุด Mazda ก็ทำตัวเป็นปริศนาธรรมเหมือนกับชาวบ้านเขาเสียแล้วเพราะรถต้นแบบ Mazda Koeru Concept คันนี้
มีเส้นสายที่พร้อมจะเป็นรถผลิตจริงได้เต็มขั้น แต่ก็มีบางกระแสข่าวว่าเจ้าตัวนี้จะนำไปแช่น้ำแล้วขยายร่างเป็น CX-7
หรือไม่ก็ CX-9 ตามท้องเรื่อง แต่ผู้เขียนดูแล้วมันไม่มีสัดส่วนตัวถังใด ๆ ที่ดูคล้ายกับภาพแอบถ่ายของ Mazda CX-9 เลย
แม้แต่น้อย

เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า Mazda จะแสดงเจ้า Koeru ไปเพื่ออะไร แต่ที่แน่ ๆ Mazda เองก็ต้องการแสดงให้โลกรู้เห็นว่า
Mazda อยากจะเจาะตลาดครอสโอเวอร์กับเขาจริง ๆ นะ

หน้าตาของ Mazda Koeru Concept ก็ดุเต็มขั้นเพื่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการการออกแบบ Kodo Design ที่มีจิต
วิญญาณ เส้นสายโดยรวมดุกร้าวไม่ได้พลิ้วไหวแบบน่ารัก ๆ เท่าไรนัก
รถคันนี้จะกลายร่างเป็นอะไร โปรดจับตาต่อไป
Mercedes-Benz
ในปีนี้ค่ายรถเยอรมันเปิดตัวรถใหม่หรือรถรุ่นพิเศษออกมาเยอะพอตัว แต่ดูเหมือนจะเน้นหนักไปทางหมวดรถรุ่นพิเศษหรือ
รุ่นย่อยใหม่มากกว่าโดยเฉพาะฝั่งค่ายรถหรู ส่วนรถต้นแบบก็มีให้ดูแค่พอประมาณ

รถขายจริงที่เด่นตระหง่านในงานคงหนีไม่พ้น Mercedes-AMG C63 Coupe และ Mercedes-Benz C-Class Coupe
ความสปอร์ตที่มากกว่า C-Class Saloon ธรรมดาด้วยบั้นท้ายทรงเสน่ห์ที่นำมาจาก S-Class Coupe มาประยุกต์เข้ากับ
เส้นสาย C Coupe ถ้าให้เปรียบเทียบกันจริง ๆ ก็ดูแตกต่างจาก S-Class อยู่เหมือนกัน ลดข้อพิพาทเป็นไส้กรอกสามขนาด
ได้เสียที

เส้นสายตัวรถก็ชัดเจนว่ามีความแตกต่างจาก C-Class Coupe รุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งหากเทียบกับ C-Class Coupé
โฉมที่แล้ว ในรุ่นใหม่ จะมีมิติตัวถังใหญ่ขึ้นเกือบทุกด้าน ทั้งมีความยาวกว่าเดิม 95 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 40 มิลลิเมตร
และยังมีระยะฐานล้อหน้า-หลังมากกว่า 80 มิลลิเมตรอีกด้วย

รุ่นไฮไลต์ของ C-Class Coupe คงหนีไม่พ้น C63 Coupe ที่มาประชัญความแรงกับ Alfa Romeo Giulia QV ตรง ๆ ใน
งานนี้ด้วยเครื่องยนต์ เบนซินแบบ V8 พร้อมเทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงถึง 476 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-
เมตร ส่งต่อความแรงผ่านล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่แบบสปอร์ตAMG SPEEDSHIFT MCT 7 จังหวะ ทำให้สร้าง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 4 วินาที
ถ้าคิดว่าแรงไม่พอก็กรุณาไปคบกับ C63 S ที่ปรับแต่งเครื่องจนแรงจี๊ดถึง 503 แรงม้า แรงบิด 698 นิวตันเมตร ทำ
ความเร็วสูงสุด 289 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Mercedes-Benz S-Class Cabrio สานต่อตำนานรถ Hi-End เปิดประทุนที่มีมาตั้งแต่ปี 1971 มาพร้อมหลังคาผ้าใบ
เคลือบ 3 ชั้นที่สามารถเปิด-ปิดได้ในระยะเวลา 20 วินาที และมาพร้อม AirScarf ที่ทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศ
‘THERMOTRONIC’ ปล่อยลมอุ่นหรือลมสบายรอบคอขณะเปิดประทุน

Mercedes-Benz เอาใจใส่กับความสบายสำหรับผู้ใช้ในเมืองหนาวเป็นพิเศษ เพราะจัดแพคเกจ Warmth Comfort
เตรียมไว้ให้สั่งเพิ่ม แพคเกจนี้ จะติดตั้งออพชั่น เบาะนั่งและที่พักแขนอุ่นร้อน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อม
ระบบอุ่นวงพวงมาลัย และยังมีออพชั่น AIR-BALANCE ปล่อยกลิ่นน้ำหอมได้ตามใจชอบภายในห้องโดยสาร
อีกทั้งยังมีระบบ AIRCAP ระบบป้องกันลมตีเข้าห้องโดยสาร และ AIRSCARF ช่วยอุ่นคอราวกับสวมผ้าพันคอชั้นดีไว้
เมื่อเป็นรถไฮเอนด์เปิดประทุนแล้วก็ต้องใช้เครื่องแรงให้สมฐานะเริ่มจากเครื่อง V8 พร้อมเทอร์โบคู่ ความจุ 4.7 ลิตร มี
แรงม้าสูงสุด 455 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร
หากอยากแรงกว่านี้เลือกรุ่น S63 AMG Cabrio ซึ่งขยายความจุเครื่องยนต์เป็น 5.5 ลิตร พร้อมแรงม้าสูงสุด 585 แรงม้า
แรงบิดสูงสุดสะใจถึง 900 นิวตัน-เมตรซึ่งรหัสนี้ มาพร้อมทางเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ให้ติดตั้งกันด้วย โดย
ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น (ในรุ่น 4MATIC)
คันต่อมาคือรถต้นแบบหน้าตาแปลก ๆ Mercedes-Benz Concept IAA แค่ชื่อก็บอกได้เลยว่าแสดงตัวเพื่อเอาใจงานนี้
กันโดยเฉพาะ เพื่อให้สมกับเป็นประเทศเจ้าบ้านจัดงานครั้งนี้
Mercedes-Benz Concept IAA น่าจะเป็น Study Car อีกคันที่ดูแนวโน้มอะไรบางอย่างในอนาคตซึ่งก็อาจจะเป็นทิศ
ทางการออกแบบ, เทคโนโลยีหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่มีวันเห็นรถคันจริงมีหน้าตาแบบนี้



นวัตกรรมใหม่ที่ทำให้หลายคนต้องทึ่งคือ Active Body Panel แผ่นตัวถังที่ควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถเลื่อนแผ่น
ตัวถังออกมาอัตโนมัติเพื่อนำทางกระแสลม เช่น ยืดตัวถังด้านท้ายออกไป 390 มิลลิเมตรเพื่อให้ตัวรถลู่ลมมากที่สุด หรือ
บริเวณซุ้มล้อหน้า เพื่อให้ลมผ่านด้านหน้าตัวรถได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ ช่วยให้ตัวรถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd. อยู่
ที่ 0.19 เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ลู่ลมมากที่สุดในโลก
ถึงจะไม่ได้ผลิตจริงในอนาคต แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ มาบรรจุลงในรถยนต์แห่งอนาคต
Nissan
ผู้ที่มาเยี่ยมชมบูธนี้ต่างพากันสงสัยว่าไอ้เจ้ารถต้นแบบหน้าตาญาติพรีเดเตอร์คันนี้มันจะกลายเป็นร่างทรงของไอ้เจ้าจุก
น้อย (Juke) หรือจะเป็นต้นแบบว่าที่ Z รุ่นต่อไปกันแน่ แต่สุดท้ายแล้ว Nissan ก็โพล่งคำเฉลยแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
Z รุ่นต่อไป แต่มันเป็น Design Study เฉย ๆ และอาจจะมีดีไซน์บางส่วนไปประยุกต์กับรถครอสโอเวอร์รุ่นต่อไปบ้าง ก็แค่
นั้นเอง


ไม่รักก็เกลียดเลยคือคำนิยามของ Nissan Gripz Concept แต่ถ้าจะรักหรือจะเกลียดก็เชิญเปิดใจมองหาคุณงามความดี
ของต้นแบบคันนี้เสียหน่อยดีไหม?
รูปร่างรูปทรงนั้นก็เหมือนเอารถสปอร์ตมาจับยกสูงตามสมัย มองเผิน ๆ นึกว่า Isuzu Vehicross (ไม่เกี่ยวกับกระบะบ้าน
เราเลย) กลับชาติมาเกิดใหม่แต่สปอร์ตกว่ามาก ๆ หลายสิบขุมนรก คงเพราะรูปลักษณ์มันเป็นรถแนวสปอร์ตก็เลยทำให้มี
ข่าวลือกันว่าเจ้า Gripz มันอาจเป็น Z ตัวต่อไปทั้งนั้น แม้ทีมออกแบบจะได้แรงบันดาลใจจาก Datsun 240Z Safari
Rally ก็ตามเถอะ

นอกจากภายนอกที่ดู Cool มากแล้ว ภายในห้องโดยสารก็ทำเก๋ด้วยการนำแรงบันดาลใจจากโครงรถจักรยานที่เข้าร่วม
แข่งขัน Tour de France มาประยุกต์เป็นโครงสร้างภายในห้องโดยสาร ประมาณว่าเน้นหลักสัจจะวัสดุให้เห็นเนื้อแท้กัน
เลย
ขุมพลังก็มีการยกระบบไฟฟ้าจาก Nissan Leaf มาประยุกต์เข้ากับ Series Hybrid จนมีชื่อเครื่องหมายทางการค้าว่า
“Pure Drive e-Power”
เอาเป็นว่าดูต้นแบบคันนี้ขำ ๆ ก็เพียงพอครับ
Opel
ถึงบูธนี้เราก็มาดู Chevrolet Cruze Hatchback เอ้ย ไม่ใช่ล่ะ เรามาดู Opel Astra เจเนเรชั่นใหม่กันครับ ถ้ามองตัวถัง
รวม ๆ แล้วชวนให้นึกถึง Chevy Cruze ตัวใหม่ล่าสุดก็คงไม่แปลก เพราะ GM เริ่มให้รถยนต์ในเครือใช้ข้าวของหรืองาน
วิศวกรรมร่วมกันมากกว่าที่เคยเป็นมา ถ้าใครนึกน้อยอกน้อยใจว่าทำไมบ้านเราไม่ได้ใช้รถ Opel ก็ได้โปรดอย่าน้อยใจไป
เลยนะครับ แต่ปัญหาคือบ้านเราจะมีสิทธิ์ได้ใช้ Chevrolet Cruze ใหม่หรือเปล่านี่สิ?

Opel Astra ใหม่ ถูกสร้างขึ้นด้วยกฎเกณฑ์การลดน้ำหนักตัวถังอย่างเข้มงวดเพื่อให้เบาหวิวกว่าเดิมถึง 200 กิโลกรัม
(โหดร้ายมาก) หน้าตารถก็ดูเรียบ ๆ คลีน ๆ มากขึ้น และที่สำคัญมันเน้นเนื้อที่ห้องโดยสารพอสมควร และน่าจะเป็นเทรนด์
ของรถยุโรปยุคใหม่ที่จำเป็นต้องขยายขนาดห้องโดยสารกับเขาบ้าง
จุดขายสำคัญอยู่ที่เทคโนโลยีไฟหน้า IntelliLux LED® เทคโนโลยีใหม่ที่เปิดไฟสูงโดยไม่ปล่อยแสงรบกวนผู้ขับขี่เลนตรง
ข้ามประกอบไปด้วยดวงไฟ LED 16 จุดสามารถปรับรัศมีลำแสงทุกสภาพการณ์ที่ทำงานร่วมกับกล้องด้านหน้า
ยกตัวอย่างหากผู้ขับขี่ออกจากเขตเมืองหมาด ๆ ระบบก็จะปรับไฟสูงให้อัตโนมัติ, หากขับขี่ด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมง ระบบก็จะตรวจจับวัตถุด้านข้างรัศมี 30-40 เมตรข้างหน้า

พร้อมกันนี้ Opel ยังเปิดตัว Astra Sports Tourer แต่เราดูแล้วก็ไม่เห็นรู้สึกว่ามันจะสปอร์ตตรงไหน อย่างไรเท่าไรนัก
เพราะบั้นท้ายของมันไม่ได้เอนลาดให้รู้สึกโฉบเฉี่ยวแต่ประการใด
Opel Astra Sports Tourer ก็ต้องโดนลดน้ำหนักตัวถังเหมือนกับรุ่น 5 ประตูเช่นกัน แต่ด้วยความที่มันมีขนาดตัวถังที่
ยาวใหญ่ขนาดนี้ก็ทำให้มันมีน้ำหนักเบากว่าเดิม 150 กิโลกรัมเท่านั้น
เมื่อรถยาวใหญ่ขึ้นก็ทำให้มันมีเนื้อที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมากกว่าเดิม 28 มิลลิเมตร และมีเนื้อที่ห้องสัมภาระ
สูงสุดเมื่อพับเบาะถึง 1,630 ลิตร มากกว่าเดิม 80 ลิตร


รุ่นแรงสุดของ Opel Astra Sports Tourer คือเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร Ecotec Turbo 200 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน
เมตรเหมาะสำหรับพ่อบ้านเท้าหนักเป็นอย่างมาก
รวม ๆ เหมือนไม่ค่อยโดดเด่นไปจากรถคอมแพคท์ที่มีขายในยุโรปมากนัก แต่อาศัยดีไซน์ที่ดูเฉียบและดูพรีเมี่ยม
ค่อนข้างมากทั้งภายนอกและภายใน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องรอให้มันได้พิสูจน์ด้วยตนเองเสียก่อน บางทีมันอาจจะกลายเป็น
รถที่ลงตัวในทุกด้านก็เป็นได้
Peugeot
นาน ๆ ทีจะเจอรถต้นแบบที่ไม่ได้เน้นโชว์งานวิศวกรรมเครื่องกลอย่าง Peugeot Fractal Concept เพราะทีมงานต้อง
ออกแบบวัสดุภายในห้องโดยสารขึ้นรูป 3 มิติให้มีความก้องเสียงต่ำ (anechoic) คล้าย ๆ กับวัสดุดูดซับเสียงและ
คลื่นไฟฟ้าในห้องเก็บเสียงสำหรับการทดสอบปรับแต่งเสียงสิ่งประดิษฐ์ชั้นนำของโลกมากกว่า 80% ของพื้นที่ภายในกัน
เลย


ลวดลายวัสดุ 3 มิติถูกออกแบบสำหรับขนาดห้องโดยสาร 15 ตารางเมตรมีการคำนวณด้วยระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
ถึงขั้นใช้อัลกอริทึ่มเพื่อตรวจว่ารูปทรง 3 มิติแบบใดจะช่วยส่งเสริมระบบเสียงภายในรถที่ดีที่สุดออกมา
ระบบเสียง 9.1.2 ก็ประกอบไปด้วยลำโพงย่านเสียงกลางและสูงย่านละ 3 ตัว, ทวีตเตอร์อีก 2 ตัว, วูฟเฟอร์ 2 ตัวและ
ซับวูฟเฟอร์เดี่ยวบริเวณด้านหน้า สำหรับด้านหลังก็จะติดตั้งลำโพงย่านความถี่กลาง 2 ตัว, ทวีตเตอร์ 2 ตัวและวูฟเฟอร์
เดี่ยว
Porsche
Porsche 911 รุ่นปี 2016 เจ้าชายกบที่น่าจุมพิตมากขึ้น (แม้จะรู้ว่ากบตัวนี้มีพิษร้ายแค่ไหน แต่อดใจไม่ไหวที่อยากจะจุ๊บ
มัน) เพราะเจ้าชายกบคันนี้มันโดนถลกใบหน้าจนไม่คิดว่านี่คือรุ่นปรับโฉมเสียด้วยซ้ำ
ความเปลี่ยนแปลงหลักคือการออกแบบกันชนหน้าได้ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดดเด่นด้วยช่องรับอากาศแนวขวางขนาด
เขื่อง ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์งานออกแบบ Porsche ในเจเนอเรชั่นนี้ไปแล้ว พร้อมเส้นไฟ Daytime Running Light
ออกแบบใหม่ให้เรียวเล็กกว่าเดิม และโคมไฟหน้ารายละเอียดใหม่

แม้ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่ภายในห้องโดยสารก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย คงมีแต่เพิ่มโมดูลหน้าจอ
สัมผัสใหม่ที่เรียกว่า Porsche Communication Management System (PCM) ซึ่งเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
รองรับการสัมผัสหลายจุดสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, รองรับการจดจำลายนิ้วมือ, รองรับ Carplay, รองรับการ
แสดงผลแผนที่แบบ Real-Time

ไฮไลท์ของการปรับโฉม อยู่ที่การได้ใช้ขุมพลังบล็อกใหม่ล่าสุด แบบเบนซิน 6 สูบนอน ขนาด 3.0 ลิตร
พร้อมเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Carrera
และในรุ่น Carrera S จะถูกเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 420 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร
ระบบช่วงล่างถูกปรับปรุงใหม่เช่นกัน ให้มีระบบ PASM หรือ Porsche Active Suspension Management
ปรับแชสซีส์ให้มีความอ่อน-แข็งได้ตามสั่ง ติดตั้งโช้คอัพใหม่ พร้อมออพชั่นระบบล้อคู่หลังช่วยบังคับเลี้ยว ให้ติดตั้งกัน

ในที่สุด Porsche ก็หันมาให้ความสนใจ Tesla กับเขาบ้างเมื่อ Porsche ส่ง Porsche Mission E Concept เพื่อหวัง
ออกมาปราบ Tesla Model S
ดูจากรูปร่างรูปทรงแล้วก็พาให้คิดไปไกลว่าถ้าปฏิบัติการนี้ทำสำเร็จก็น่าจะทำให้ Tesla Model S อึดอัดราว
เหอได้บ้าง (ถ้าไม่ออกมาช้าเกินไปจน Model S เปลี่ยนโฉม)

จุดเด่นหลักที่พยายามทำตัวเป็น Tesla Model S Killer คือหน้าตา ย้ำว่าหน้าตาแบบนี้ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนใน
Porsche ซึ่งมันจะเป็นวิสัยทัศน์การออกแบบภายใน 10 ปีข้างหน้า ด้วย รูปทรงลิ่มกว่าเดิม เน้นล้อวงใหญ่ แนวหลังคา
ลาดเทพร้อมเส้นสายที่สะอาดสะอ้าน ถึงแม้ตัวรถจะดูล้ำอนาคต แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่า มันก็น่าจะเป็นร่างทรงของ
Porsche Panamera ตัวต่อไปด้วย

และไหน ๆ ก็จะทำมาเพื่อแข่งกับ Tesla Model S แล้ว Porsche ก็ขนเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ‘Porsche Turbo Charging’
ใช้ระบบชาร์จไฟกลับเข้าด้วยกำลังไฟสูงถึง 800 โวลต์ ทำให้สามารถชาร์จไฟกลับ 80% ภายในเวลาเพียง 15 นาที และ
การชาร์จไฟเต็มจะทำให้แล่นได้สูงสุด 400 กิโลเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้แค่ 3.5 วินาที รวม ๆ แล้วยังไม่
สามารถสร้างความโดดเด่นมากกว่า Tesla Model S ได้เท่าที่ควร
สรุปแล้วว่า Porsche Mission E Concept ยังเป็นรถต้นแบบที่ต้องต่อยอดงานดีไซน์และเทคโนโลยีอีกเยอะ เพราะเท่าที่
ดูคงมีเพียงรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่นก้าวล้ำกว่าใคร
Renault
Renault จัดเต็มจริง ๆ แม้ไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน เพราะพี่แกเล่นเปิดตัวทั้งรถคอมแพคท์ Megane ใหม่และรถรุ่นใหญ่
Talisman ซึ่งก็น่าสุ่มเสี่ยงอยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้ Renault เปิดตัว Talisman ก่อน Megane ไม่กี่สัปดาห์ แต่การรับรู้
ของคนก็น่าจะมองว่ามันดูคล้ายกันไปหรือเปล่า?


Renault Talisman รถ D-Segment พี่ใหญ่ที่อัพสเกลไปสู่ความหรูหราอลังการ พลิกภาพลักษณ์จากรถครอบครัวบ้าน ๆ
ไปหมดจดจริง ๆ
จุดเด่นของ Renault Talisman นอกเหนือจากความหรูหราเหนือระดับ(ในราคาที่ถูกกว่าแบรนด์พรีเมี่ยม) แล้ว Renault
ยังอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Mercedes-Benz มาตรวจสอบคุณภาพความหรูหราอีกขั้นหนึ่งซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า
Volkswagen เคยนำบุคลากรจาก Audi มาตรวจสอบรถ Passat ของตนเองหรือไม่

โดยรวมเหมือนกับว่า Renault Talisman กะจะขายดีไซน์, คุณภาพความหรูหรา, การขับขี่และออพชั่นรัญจวนใจอีก
มากมายซึ่ง Renault ก็พยายามผลักดันให้มันดูไฮคลาสสุดโต่งตามเป้าพอสมควร

Renault Megane โฉมใหม่ใช้พื้นฐาน CMF C/D เหมือนกับ Renault Talisman แต่ย่อขนาดลง, ดีไซน์ดูอ่อนเยาว์ลง
มา และเพิ่มความสปอร์ตเต็มอัตราศึก

จุดเด่นของมันนอกเหนือจากดีไซน์ที่เห็นหน้าก็รู้เลยว่ามันคือรถฝรั่งเศส มันก็บรรจุเทคโนโลยีทันสมัยเพียบไปหมด ตัวรถมี
ความยาว 4,359 มิลลิเมตร เตี้ยกว่าเดิมมากถึง 25 มิลลิเมตรหรือเหลือความสูงเพียงแค่ 1,447 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว
2,669 มิลลิเมตร เน้นแทร๊กล้อที่กว้างจนทำให้ตัวรถดูคล้ายรถแข่งโกคาร์ทมากขึ้น
จุดขายสำคัญคือภายในห้องโดยสารอันกว้างขวางขึ้น เริ่มจากเนื้อที่หัวเข่าที่กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร เนื้อที่หัวไหล่กว้างขวาง
สุดในบรรดารถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุพรีเมี่ยมมากขึ้น, ชุดเครื่องเสียง Bose และหน้าจอสัมผัส R-Link
2

จุดขายด้านการขับขี่ก็คือระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่มีเฉพาะ Renault Megane GT มาพร้อมเครื่องยนต์ TCe 205 แรงม้า
และมีการจูนช่วงล่างให้รองรับความเร็วมากขนาดนี้
Renault Megane โฉมใหม่จะเปิดตัวส่งมอบอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2016
Rolls-Royce
บูธนี้ไม่มี Yawn เพราะ Rolls-Royce เปิดตัว Dawn หรือ Wraith เวอร์ชันเปิดรับแสงอรุณฉีกภาพลักษณ์เก่าของ Rolls-
Royce ได้เป็นอย่างดี

Rolls-Royce Dawn รถ Super-luxury Drophead มีความแตกต่างจาก Wraith ตรงที่โคมไฟหน้าออกแบบใหม่และ
ขยายความกว้างกันชนหน้าอีก 53 มิลลิเมตร ด้านท้ายของตัวรถ ยังคงเอกลักษณ์ด้านท้ายของเรือในรถยนต์ Drophead
รุ่นอดีตของ Rolls-Royce ใช้เส้นสายที่ดูสะอาดสะอ้าน สง่างามมากขึ้น จุดเด่นอยู่ที่ชุดหลังคาผ้าใบของ Dawn ที่ไม่
เหมือนกับหลังคาผ้าใบของรถรุ่นใดๆบนโลก เพราะมาพร้อมกับชิ้นงานไม้ซึ่งถูกออกแบบและผลิตด้วยฝีมือที่ดีที่สุดในโลก
ซึ่งสามารถเลือกชนิดไม้และสีของไม้ได้ตามปรารถนา พร้อมกับการทำงานของหลังคาผ้าใบที่เงียบที่สุดใช้เวลาเพียง 20
วินาทีในการทำงาน

จุดที่สร้างความพิเศษให้แก่ Rolls-Royce Dawn คือ การออกแบบชุดหลังเก็บเสียงจนกลายเป็นรถเปิดประทุนที่เก็บเสียง
ดีที่สุดในโลก
ขุมพลังของ Rolls-Royce Dawn ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 จาก BMW และเป็นบล็อกเดียวกันกับ Wraith ขนาด 6.6 ลิตร
พร้อมเทอร์โบคู่ ให้กำลังมหาศาลถึง 563 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 780 นิวตัน-เมตร ที่มาจ่อรอที่ปลายเท้าตั้งแต่1,500 รอบ/
นาที กันเลยทีเดียวเชื่อมต่อกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา
เพียง 4.9 วินาที และจำกัดความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.
Suzuki
Suzuki Baleno อาจเป็นรถเล็กคันเดียวที่ดูซึม ๆ ในงานเพราะรถที่รายล้อมในงาน Frankfurt ล้วนเป็นรถจัดเต็มกันแทบ
ทั้งนั้น ไม่เป็นไรนะเจ้า Baleno เราก็ทำข่าวปลอบใจเจ้าเอง

Suzuki Baleno ใหม่เป็นรถที่สร้างความต่างจาก Swift ด้วยบุคลิกหรูหราเรียบร้อย ดู(น่าจะ)เป็นมิตร ใช้งานง่าย เห็น
เรียบ ๆ แบบนี้ก็แอบอัดแน่นเทคโนโลยี อาทิ เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร BoosterJet ให้กำลัง 110 แรงม้า แรงบิด 170
นิวตันเมตร

นอกจากนี้ยังมีรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร DualJet จับคู่กับชุด Smart Hybrid หรือ Mild Hybrid ที่อาศัยเจเนเรเตอร์
สตาร์ทเตอร์ช่วยเครื่องยนต์ในการเร่งและช่วยแปลงพลังไฟฟ้าจากพลังงานจลน์ที่เกิดจากการเบรก ผนวกเข้ากับชุด
แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน จนปล่อยค่าไอเสียต่ำเพียงแค่ 93 กรัมต่อกิโลเมตร

จุดขายสำคัญคือความกว้างขวางของห้องโดยสารและห้องสัมภาระ พร้อมทั้งติดตั้งระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเพื่อเสริมความ
ปลอดภัย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเด่นให้ถึงกับต้องจับตามาก
Suzuki Baleno เตรียมขายยุโรปแน่ในปี 2016
Smart
All New Smart Fortwo Cabrio มาพร้อมหลังคาผ้าใบเปิด-ปิดได้โดยมีรูปลักษณ์แทบไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก
โดยชูคุณสมบัติเด่นหลังคาผ้าใบเป็นแบบ Tritop ใช้วัสดุโพลีอคริลิคในชั้นนอก, วัสดุโพลีเอสเตอร์ผสมผ้าคอตตอนใน
หลังคาชั้นในและบาร์หลังคาสามารถถอดเก็บได้

เมื่อยามพระอาทิตย์เปล่งประกาย ผู้ขับขี่ทำได้เพียงกดปุ่มเปิดหลังคาไฟฟ้าเพื่อรับไอแดดได้ภายใน 12 วินาทีเท่านั้น
All New Smart Fortwo Cabrio มีแนวคิดการพัฒนา FUN.ctional โดยยึดหลักคำนึงถึงหัวใจและจิตใจเป็นสำคัญ ที่
ถือเป็นสำนวนในการออกแบบที่บริสุทธิ์, พิถีพิถันและความก้าวหน้า มีความเส้นสาย, รูปทรงและพื้นผิวที่ชัดเจน
จุดขายสำคัญของ Smart Fortwo Cabrio รุ่นใหม่คือความปลอดภัยโดยปรับปรุงโครงสร้างตัวถังให้ทนต่อแรงบิดกว่ารุ่น
เดิมถึง 15% จนกลายเป็น Smart Fortwo Cabrio ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา เนื่องจากโครงสร้างตัวถังทำจาก
เหล็กร้อนขึ้นรูปแข็งแกร่งสูงและเหล็กโครงสร้างหลายเฟส
ยิ่งเป็นรถหลังคาเปิดประทุนก็ต้องยิ่งเสริมความแข็งแกร่งเข้าไปใหญ่ด้วยการเสริมโลหะขนาดใหญ่ใต้ตัวรถ, เสริมคานทอร์
ชันใต้พื้นตัวถังด้านหน้าและด้านหลัง, เสา A ก็ขึ้นรูปจากเหล็กร้อนขึ้นรูปความแข็งแกร่งสูง
All New Smart Fortwo Cabrio จะติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 3 สูบ 71 แรงม้า แรงบิด 91 นิวตันเมตรและ 90 แรงม้า
แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่
All New Smart Fortwo Cabrio มีกำหนดส่งรถคันแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 เป็นต้นไป
Toyota
จากเดิมเคยเป็นค่ายที่ไม่กล้าทำรถออกมาฉีกแนวเพื่อให้หลายคนมองว่ามันเป็นรถที่ดู ‘OK’ แต่ถ้าจะให้มีกลุ่มแฟน ๆ รัก
หัวปักหัวปำนั้น Toyota ยังสอบไม่ผ่านหลายรุ่น

หากใครที่คิดว่า Toyota ไม่กล้าทำรถแนวล้ำกับรุ่นรถขายดีเห็นทีคิดผิดเมื่อ Toyota เปิดตัว Prius เจเนเรชั่นที่ 4 ด้วย
รูปลักษณ์ที่ดูแปลกตา ล้ำโลกมาก แถมยังได้แรงบันดาลใจจาก Toyota Mirai เวอร์ชันขัดเกลาให้ดูลงตัวมากขึ้น ตัวรถก็
เน้นขับสนุกไม่ง่วงเหงาหาวนอนอีกต่อไป
จุดเด่นของมันคงหนีไม่พ้นการออกแบบ, มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพราะถูกสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรม
ร่วม Toyota New Global Architecture (TNGA) ทำให้มีความสูงตัวรถเตี้ยลง 20 มิลลิเมตรจน Toyota เคลมว่าแนว
ขอบห้องเครื่องของ Prius มีระยะความสูงพอ ๆ กับ Toyota 86 เลย


ขุมพลัง Hybrid เจเนเรชั่นใหม่ที่มีขนาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ย่อมลงนอกจากจะประหยัดมากถึง 40 กิโลเมตรต่อลิตร
แล้วยังมีค่าไอเสีย CO2 ที่สะอาดกว่ารุ่นเดิม 15%
โดยรวมมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ยังไม่ชัวร์ว่า Toyota Motor ยังคิดจะขึ้นสายการผลิต Prius ในแถบอาเซียนแล้วส่งออก
มายังไทยหรือไม่?

Toyota C-HR Concept เฟส 2 ก็เผยโฉมในงานนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าหน้าตาของ Toyota C-HR คันจริงก็น่าจะใกล้เคียง
กับรถต้นแบบคันนี้มากขึ้น
ความแตกต่างของ Toyota C-HR เฟส 2 ที่แตกต่างจากเฟส 1 คือดวงไฟหน้าที่ดูคมชัดขึ้นดูมีทิศทางชัดเจนว่ารถคันจริง
มันน่าจะออกมาแนวนี้, รายละเอียดกันชนหน้าที่ดูลงตัวและกลมกลืนกับภาพรวมตัวรถทั้งคัน ลดเส้นเหลี่ยมบริเวณใต้
กระจังหน้าออกไป


เส้นสายตัวถังและรายละเอียดบั้นท้ายก็มีสัดส่วนคมชัดเป๊ะมาก เพิ่มมุมเหลี่ยมมุมซับซ้อนยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ชมสามารถ
มองเห็นเค้าลางของรถเวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงได้
ชัดเจนมากว่า Toyota C-HR เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงจะเปิดตัวได้ในงาน Geneva Motorshow 2016 และต้องจับ
ตามองว่า C-HR จะมีลุ้นมาจำหน่ายในไทยหรือไม่
Volkswagen
Volkswagen Tiguan Modelchange คือที่สุดปิดท้ายทัวร์งาน Frankfurt Motorshow 2015 นี้ อย่างน้อย ๆ
Volkswagen ก็เป็นรถสัญชาติเดียวกันกับเจ้าบ้าน แถมยังเป็นรถที่ชาวยุโรปหลายคนจับตามอง ก็คล้าย ๆ กับที่พวกเรา
ชาวไทยคอยแต่ลุ้นการเปิดตัวรถใหม่ของเจ้าตลาดยังไงยังงั้น

หล่อ เหลี่ยม ล้ำ คือนิยามที่ Toyd กำหนดให้แก่ All New Volkswagen Tiguan ใหม่ ถ้าว่ากันตรง ๆ มันก็จริงอย่างที่
น้องเขานิยามด้วยเส้นสายที่เหลี่ยมสันคมแต่แฝงรายละเอียดทางเทคนิคอันทันสมัยซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ
Volkswagen Cross Coupé GTE Concept มาประยุกต์


มิติตัวถัง ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อน 60 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร แถมมีระยะฐานล้อหน้า-หลังยาวขึ้น 77 มิลลิเมตร
(อยู่ที่ 2,681 มิลลิเมตร) แต่กลับมีน้ำหนักเบาลงถึง 50 กิโลกรัม ทั้งนี้ เป็นผลพวงจากการเปลี่ยนมาใช้
แพลตฟอร์ม MQB ร่วมกับพี่น้อง Volkswagen
ถ้ารู้สึกว่าติ๋มไปก็จงเลือก Tiguan เวอร์ชัน R Line ที่จะถูกตกแต่งภายนอกด้วยชุดแอร์โรพาร์ทและล้อแม็กลายใหม่ ซะ
———–บรรทัดนี้คือบรรทัดสุดท้ายของการรายงาน Frankfurt Motorshow 2015 แต่เพียงเท่านี้ครับ ————-