การสร้างยอดขาย 26 ล้านคัน นับตั้งแต่ปี 1977 คงจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า Ford F-Series นั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนอเมริกัน และ ตะวันออกกลางเป็นหลัก แต่ทว่ายังมีคนที่อยู่ในภูมิภาคอื่นๆ จำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชอบ และต้องการครอบครองรถกระบะ Full-size ที่มีประวัติอันยาวนานรุ่นนี้อยู่เช่นกัน

ล่าสุด Nizam Arifin หัวเรือใหญ่ของ Hamawangsa Kredit ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ในประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า Ford F-150 (รุ่นก่อนปรับโฉม) จะถูกนำเข้ามาขายในมาเลเซีย โดยตัวรถทั้งคันจะถูกสั่งมาจากสหรัฐอเมริกา ส่วนชุดพวงมาลัยขวาจะถูกสั่งมาจาก Urban Warrior ซึ่งเป็นสำนักแต่งในแคนาดา ทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบขึ้นที่โรงงานในมาเลเซีย ก่อนจัดจำหน่าย โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 150 คัน/เดือน

ในส่วนของบริการหลังการขาย และ การรับประกัน จะถูกดูแลรับผิดชอบโดยบริษัทที่เป็นหุ้นส่วนกับ Hamawangsa Kredit ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดออกมาให้ทราบแน่ชัด ดังนั้นจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ Sime Darby Auto Connexion ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Ford ในมาเลเซีย

ขนาดมิติตัวถังของ Ford F-150

  • ยาว x กว้าง x สูง : 5,788 x 2,120 x 1,917 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 3,583 มิลลิเมตร

เมื่อเทียบกับรุ่นน้องอย่าง Ford Ranger T6 ที่ขายในบ้านเรา ( 5,362 x 1,860 x 1,815 มิลลิเมตร / ระยะฐานล้อ 3,220 มิลลิเมตร) พบว่า F-150 ยาวกว่า 426 มิลลิเมตร กว้างกว่า 260 มิลลิเมตร สูงกว่า 102 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาวกว่า 363 มิลลิเมตร

Ford F-150 Urban Warrior ที่นำเข้ามาขายในมาเลเซียนั้น มีรูปแบบตัวถังให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่

  • Regular Cab
  • Super Cab
  • SuperCrew Cab

มีเกรดย่อยให้เลือกสรรกันตั้งแต่ XL, XLT, LARIAT, King Ranch ไปจนถึงเกรดสูงสุดอย่าง Platinum และ สำคัญ เพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ชื่นชอบความแข่งแกร่ง ดุดัน สไตล์ Raptor จึงมีการจำหน่ายชุดแต่งพิเศษ Raptor เป็นอุปกรณ์เสริมอีกด้วย (ไม่สามารถซื้อแยกชิ้นได้)

เครื่องยนต์ของ F-150 มีให้เลือก 4 ทางเลือก ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 2.7 ลิตร EcoBoost Turbo ให้กำลังสูงสุด 325 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 508 นิวตันเมตร
  • เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร EcoBoost Turbo ใหกำลังสูงสุด 385 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 524 นิวตันเมตร
  • เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร Ti-VCT ให้กำลังสูงสุด 282 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร
  • เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 365 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 569 นิวตันเมตร

ทั้งหมดนี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และส่งผ่านกำลังโดยระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

อุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่ามีอะไรบ้าง แต่เท่าที่สังเกตุได้จาก Ford F-150 Urban Warrior รุ่น LARIAT คันในรูป พบว่าภายนอกมาพร้อมกับ ล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้าแบบฮาโลเจน พร้อมไฟตัดหมอก ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับรถในจุดอับสายตาแบบ Built-in ระบบกุญแจ Keyless ที่สามารถสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ หลังคา Panoramic Glass Roof รวมไปถึงฝาปิดกระบะท้ายแบบไฟฟ้าพร้อมบันได

ภายในมาพร้อมกับมาตรวัดดิจิตัลแบบวงกลมคู่ พร้อมหน้าจอ MyView ขนาด 8 นิ้ว ที่สามารถแสดงระบบนำทาง GPS และข้อมูลการใช้งานระบบลากจูงแบบ real-time พร้อมกันนั้นยังมีสวิตซ์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบอุ่นเบาะคู่หน้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ dual-zone ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ขนาด 110 โวลต์/400 วัตต์ และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

อุปกรณ์ความปลอดภัย

  • ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS)
  • ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
  • ระบบควบช่วยควบคุมขณะเข้าโค้งกระทันหัน (Advance Trac with RSC)
  • ระบบควบคุมการเข้าโค้ง (Curve Control)
  • ระบบเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

ราคาจำหน่ายของ Ford F-150 Urban Warrior ในรุ่นเริ่มต้น (เครื่องยนต์ 2.7 ลิตร EcoBoost) อยู่ที่ 388,888 ริงกิต (ประมาณ 3,050,000 บาท) ยังไม่รวมภาษีของประเทศไทย

ที่มา : Paultan