Honda Accord เป็นรถที่อยู่คู่กับโลกแห่งยานยนต์มานานกว่าสี่ทศวรรษ เกิดมาในฐานะรถครอบครัวของคนเอเชียที่มีฐานะเหนือคำว่าปานกลางนิดๆ แล้วก็มีวิวัฒนาการเพิ่มเติม จนสามารถนำไปขายในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าจนกลายเป็นรถที่ขายดีอันดับต้นๆอยู่นานหลายปี บางท่านที่แก่แล้วและเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองลุงแซม น่าจะจำได้ว่าช่วงชีวิตหนึ่งของท่าน อ่านข่าวยอดขายรถยนต์ก็จะเจอแต่ Honda Accord กับ Ford Taurus ผลัดกันขึ้นเป็นแชมป์จนกระทั่งโลกเริ่มหันไปรัก SUV
เคล็ดลับในความสำเร็จของ Accord นั้น นอกจากจะมีการสร้างแบรนด์ในชื่อเดียวอย่างต่อเนื่องมายาวนาน กับการพัฒนาตัวถังที่แตกต่างกันสำหรับรสนิยมลูกค้าในแต่ละทวีปแล้ว สิ่งหนึ่งที่พี่แมน (ผู้บริหารของ Honda) พูดขึ้นมา และทำให้ผมนึกคล้อยตามไปก็คือ ดีไซน์ของ Accord ในอดีตที่ผ่านมาจะสะท้อนให้เราเห็นเสมอ ว่าโลกของรถยนต์ในสมัยนั้นกำลัง “อิน” กับการออกแบบแนวไหนอยู่
ในวันที่ Accord ยังมีคู่แข่งตัวฉกาจนามว่า Toyota Corona คุณคงจำได้ว่า ในขณะที่ Corona ช่วงปี 1987-88 มีตู้แช่เป๊ปซี่ Accord 1.8 LX/EX บ้านเราไม่มีตู้แช่ แถมยังมากับเบาะหนังเทียมเกรดดีกว่ารถกระบะนิดเดียว..แต่มันขายได้ เพราะเมื่อจอดข้างๆ กัน คุณจะรู้ได้เลยว่าวัยรุ่นจะเลือกคันไหนไปแต่ง หรือเมื่อเข้ายุค 90s ในขณะที่ Corona เป็นตัวถัง AT170/ST171 (หน้ายิ้ม/หน้ายักษ์) Honda ก็มีอาวุธเป็น Accord ตาเพชร ซึ่งได้รับฉายานี้มาจากการที่ใช้ไฟหน้าแบบ Multi-reflector สะท้อนแสงอาทิตย์แล้วมองจากไกลๆเหมือนเพชรจริงๆ
คุณนึกถึงภาพรถทั้งสองคันนี้ แล้วพิจารณาทั้งภายนอกและภายใน ก็จะเห็นได้ว่า Accord มีความทันสมัยกว่า การออกแบบส่วนหน้าให้เรียวเล็ก สั้น ขยายพื้นที่กระจกเพื่อเพิ่มทัศนะวิสัย กระจกประตูหลังที่เป็นเส้นตวัดคล้าย BMW และไฟท้ายสีสดขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ เอกลักษณ์ทางการออกแบบหลายอย่างถูกนำไปใช้โดยรถสัญชาติอเมริกัน และไฟหน้าของมันก็ทำให้รถรุ่นอื่นๆที่คลอดตามมาเริ่มใส่ลูกเล่นเข้าไปในดวงไฟมากขึ้น
FAST FORWARD จากวันนั้นมาอีกกว่า 27 ปี หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป Toyota Corona ได้ตายไปนานแล้ว แต่ก็มี Camry มาเป็นคู่แข่งไม่ให้ Accord เหงา ทั้งสองรุ่นขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดแทบจะในทุกตลาดที่มันไป ต่างก็นำเสนอคุณค่าและแนวคิดตามปรัชญาของค่ายตัวเองที่ชัดเจน Camry เอาใจลูกค้ากลุ่มหลัก นำเสนอความอนุรักษ์นิยม บางครั้งก็แอบพยายามสปอร์ต ในขณะที่ Accord ดูเหมือนจะเล็งลูกค้าที่อายุน้อยกว่าลงมานิดๆ พยายามทำรถให้ดูหล่อเปรียวเปรี้ยวกว่า เท่าที่ทำได้
แต่ที่คงเส้นคงวาตลอดคือ ไม่ว่าจะกี่ปี คุณจะเห็นการออกแบบตัวถังที่สะท้อนรสนิยมของคนวัย 28-35 ในสมัยนั้นปนอยู่ในดีไซน์ของ Accord เสมอ
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ถ้า Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งเปิดตัวเก๋ๆผ่าน Livestreaming บน Youtube ครั้งแรกในโลกเมื่อ 14 กรกฎาคม 2017 ดีไซน์ของมันบอกให้เรารู้ว่าโลกรถยนต์ ณ ปี 2017 กำลังบ้าความกว้าง หลงใหลในขนาดตัวรถอันมหึมา ช่องรับลมข้างหน้าที่แข่งกันโต ไฟหน้าที่เมื่อมองเข้าไปแล้วนึกว่าไปชนท้ายใครมา หลังคาที่ลาดราวกับรถสปอร์ต และ LED is everywhere ซึ่งลองมองดูสิ ทั้งยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น มันต้องมีเทรนด์เหล่านี้อยู่ในรถค่ายตัวเองมากกว่าหนึ่งอย่าง
แต่กว่าคนไทยจะได้สัมผัสอย่างจริงจัง ก็ต้องรอหลังจากวันนั้นอีกแรมปี เนื่องจากเจนเนอเรชั่นที่ 9 ในประเทศไทยเพิ่งไมเนอร์เชนจ์ไปได้แค่ปีกว่าๆ แล้วก็ค่อยๆ เปิดทีละดอก ทีละดอก มีการเอามาโชว์ตัวก่อนในปลายปี 2018 แล้วก็มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกที วันที่ 19 มีนาคม 2019 แต่ยังปิดตัวเลข 5 หลักท้ายในข้อมูลราคาอยู่ เหมือนจะเป็นการตะโกน “ยู้ฮู พ่อหนุ่ม” ใส่คนที่กำลังเดินไปจอง Camry
ซึ่งเขาก็ต้องทำแบบนั้น เพราะกระแสความนิยมของ Camry มาแรงเกินคาด ทั้งที่รถพิกัด D-Segment ยอดขายก็ไม่ได้เยอะ ไม่ใช่ตัวสร้างรายได้ให้บริษัท แต่เมื่อ Camry ตัดสินใจปฏิวัติดีไซน์และการเซ็ตช่วงล่างชนิดที่สื่อมวลชนหลายท่านยังสงสัยว่า “มันใช่รถยี่ห้อเดียวกันกับไอ้ตัวก่อนจริงๆเหรอวะ” ผู้คนจึงพูดถึงกันมาก ยอดแชร์บทความต่างๆเกี่ยวกับ Camry มากจนชนะรถกระบะค่ายเดียวกันเสียด้วยซ้ำ
แล้ว Accord จะมีดีอะไรมาสู้ ในฐานะที่เป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่ยุคที่พวกเราจีบสาวด้วยกลอนโง่ๆผ่านเพจเจอร์?
มาพบกับคำตอบส่วนหนึ่งก่อนเลยวันนี้
Honda Accord ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น
- 1.5 TURBO EL 1,475,000 บาท
- 2.0 Hybrid 1,639,000 บาท
- 2.0 Hybrid TECH 1,799,000 บาท
แต่รถ 2.0 Hybrid ยังไม่ออกจากไลน์ประกอบจนกว่าจะเดือนหน้า รถทดสอบในทริปนี้ทั้ง 4 คัน จึงมีแต่รุ่น 1.5 TURBO EL ซึ่งพร้อมส่งมอบ และอันที่จริงทาง Honda ก็เผยว่าหลังจากที่เปิดรับจองวันแรกจนกระทั่งปัจจุบัน ยอดจอง 2,800 กว่าคันนั้น เป็นรุ่น 1.5 มากถึง 50% (Hybrid TECH ตัวท้อป ได้ 35%) ดังนั้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ลองรุ่นย่อยซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าตัวจริง (ที่ไม่ใช่กองเชียร์หลังแป้นพิมพ์) มากที่สุด
ผมคงไม่ขอบรรยายเรื่องประวัติ การวิจัย และการพัฒนาของ Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 นี้ เพราะส่วนหนึ่งคือทางพี่ J!MMY เขาได้เคยเขียนเอาไว้เมื่อครั้งไปลองขับและเขียนบทความ Exclusive First Impression Honda Accord Gen 10 สเป็คอเมริกา เรียบร้อยแล้ว บทความนี้จะขอว่ากันถึงเรื่องความรู้สึกที่ได้จากการโดยสารและการขับ และให้ความเห็นว่าผมคิดอย่างไรบ้างกับ Honda Accord 1.5 เวอร์ชั่นไทยนี้
Honda Accord 1.5 TURBO EL ใหม่ มีขนาดตัวถังยาว 4,894 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้อเท่ากับ 2,830 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อคู่หน้า (Front Track) 1,600 มิลลิเมตร คู่หลัง (Rear Track) 1,610.2 มิลลิเมตร (ในกรณีของรุ่นไฮบริดจะเปลี่ยนเป็น 1,588 และ 1,603.2 มิลลิเมตร) น้ำหนักตัวถัง อยู่ที่ 1,464 กิโลกรัม (รุ่นไฮบริด 1,552-1,568 กิโลกรัม) ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร (รุ่นไฮบริด 48.5 ลิตร)
เมื่อเปรียบเทียบขนาดตัวกับ Accord รุ่นที่แล้ว จะพบว่ารุ่นใหม่สั้นลง 36 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 12 มิลลิเมตร เตี้ยลง 15 มิลลิเมตร แต่ฐานล้อกลับยาวขึ้นมากถึง 55 มิลลิเมตร
ส่วนคู่แข่งอย่าง Toyota Camry ใหม่ ซึ่งมีขนาดตัวถังยาว 4,885 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,445 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,825 มิลลิเมตร กล่าวคือ Accord เป็นรถใหญ่กว่า ทั้งยาว ทั้งกว้าง ทั้งสูงกว่า แต่ทั้งหมดคือต่างกันด้านละ 5-12 มิลลิเมตรเท่านั้น หากมองรถทีละคันโดยไม่นำมาจอดข้างกัน รูปทรงของ Accord จะหลอกตาคุณว่ามันเล็กลิ่มเตี้ยกว่าแต่ความจริงพอๆกันนั้นล่ะ ส่วนน้ำหนักตัว Camry 2.0G หนัก 1,520 กิโลกรัมและ 2.5G หนัก 1,550 กิโลกรัม
เรื่องรูปทรง นานาจิตตังครับ หากเทียบกับรุ่นเก่า ผมคิดว่ารุ่นใหม่ ดูสปอร์ตขึ้น ทันสมัยขึ้น แถมเก่งตรงที่ออกแบบซะดูเหมือนพวกรถยุโรป Four-door coupe หลังคาเตี้ยลาดอย่าง Audi A7 Sportback ทั้งที่ความจริงตัวรถนั้นไม่ได้เตี้ยเลย สูงกว่า Camry โดยที่ระยะใต้ท้องก็เตี้ยกว่า Camry ด้วยเช่นกัน
แต่ในเรื่องของสัดส่วนตัวถังหน้า/หลัง/หลังคา รวมถึงรายละเอียดของเส้นสายในจุดต่างๆ ผมกลับมองว่า Gen 9 เป็นรถที่ทำมาแล้วหล่อ เรียบ เนี๊ยบ ไม่มีจุดที่น่าขัดใจ ในขณะที่ Gen 10 นั้นทำด้านหน้าและด้านข้างมาดูสวยแล้ว แต่ไฟท้ายทรงวงเล็บของมันนั้นดูเตะตาในเชิงกวนประสาทมากกว่า เห็นแล้วนึกถึงไฟท้ายของ Subaru Forester ใหม่ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ไฟท้ายที่สร้างแรงบันดาลใจอะไรเลย มันจึงเป็นรถหุ่นสวยที่มีรายละเอียดขัดตา เช่นเดียวกับ Camry ที่ร่างหลักสวย แต่ขัดใจกับหน้ารถสไตล์วาฬบรูด้าซะเหลือเกิน
กุญแจของ Honda Accord ใหม่ทุกรุ่น เป็นแบบ Smart Key ที่พกไว้ในกระเป๋าก็สามารถเข้านั่งในรถได้ บนมือจับเปิดประตูมีแถบสัมผัสเป็นลอนๆ แตะเพื่อทำการล็อครถ มีรูกุญแจซึ่งคุณสามารถถอดกุญแจโลหะออกมาจากตัวกระเปาะของ Smart Key แล้วเอามาไขได้ในกรณีที่ถ่านหมด นอกจากนี้คุณยังสามารถกดเปิดฝาท้ายได้จากรีโมท
เช่นเดียวกับ Honda Civic เจ้า Accord ใหม่นี้ มีระบบ Remote Engine Start แค่กดล็อครถก่อน 1 ที แล้วก็กดปุ่มลูกศรวนค้างเอาไว้ 3 วินาที รถก็จะสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ไล่ความร้อน รอคุณให้เข้ามาที่รถ แต่หลังจากนั้นจะขับออกไปเลยไม่ได้นะครับ ต้องเหยียบเบรกแล้วกดปุ่มสตาร์ทก่อนเพื่อให้รถรับทราบว่าเจ้าของตัวจริงมาถึงแล้ว บางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็น แต่ในวันที่จอดกลางแจ้ง มันก็ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นครับ และเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ Accord 1.5 มี แต่ Camry 2.5 G ไม่มี
ทั้งนี้ เวลาเราปลดล็อครถ ก็จะปลดทุกประตูพร้อมกัน ไม่สามารถไปเซ็ตได้ว่าจะให้ปลดล็อคเฉพาะคนขับเมื่อกด 1 ที ปลดทุกบานเมื่อกด 2 ที Honda บอกว่าเขาเซ็ตมาอย่างนี้เพราะคนไทยส่วนมากชอบแบบนี้มากกว่า ส่วนตัวผมคิดว่านี่มันยุค Multiplex แล้ว น่าจะทำเมนูให้ลูกค้าเซ็ตเองได้ง่ายๆ
สำหรับรูปเซตภายใน ผมเพิ่มรูปให้เห็นความแตกต่างของสี ซึ่งภายในของ Accord 1.5 นี้เขาจะกำหนดสีให้ตัดกันกับภายนอก เป็นภาคบังคับครับเลือกไม่ได้ รถสีขาวและสีเงินจะได้ภายในสีดำ ส่วนรถสีดำและเทาจะได้ภายในสีครีมทาหน้า Ivory
การเข้าออกที่ประตูคู่หน้า สบายไร้ปัญหาครับ รถดูเหมือนเตี้ยแต่หลังคาไม่ได้เตี้ย ถ้าไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนตัวสูงแล้วเพื่อนคุณแกล้งไปปรับเบาะให้สูงสุด คุณไม่น่าจะมีปัญหาหัวชนหลังคา ส่วนการลุกออกจะใช้แรงเข่าเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณปรับเบาะไว้เตี้ยแค่ไหน ไม่ได้กวน แต่เบาะคนขับของ Accord สามารถปรับลงเตี้ยติดพื้นรถมากเหลือเชื่อเหมือน Civic อย่างใน Camry ผมต้องกดเบาะเตี้ยสุดถึงจะขับถนัด แต่ใน Accord ถ้าปรับเตี้ยสุดคือขยับขาไม่ถนัดและมองแทบไม่เห็นหน้ารถ ขับไม่ได้เลยทีเดียว
เบาะนั่งคู่หน้า ล้วนปรับด้วยไฟฟ้า ฝั่งคนขับสามารถปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่งเบาะ 2 Position ซึ่งไม่ได้ลิงค์เข้ากับตำแหน่งส่องของกระจกมองข้างอย่าง Camry แต่ Accord ชดเชยให้ด้วยการมีระบบเลื่อนถอยเบาะให้โดยอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องเพื่อให้ลุกเข้าออกได้ง่าย ซึ่งผมลองแล้ว มีจริง และช่วยให้ลุกออกได้ง่ายขึ้นจริง แล้วยังมีปุ่มปรับดันหลัง ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งการดันสูง/ต่ำได้ด้วย
ส่วนเบาะฝั่งคนนั่ง อันนี้สิง่อยหน่อย เพราะปรับได้แค่เลื่อนหน้า/หลัง และเอน ไม่ได้ปรับ 8 ทิศครบๆแบบเบาะคนนั่งของ Camry
สำหรับความสบายของตัวเบาะ พูดยากว่า Accord ชนะ Camry หรือไม่ เพราะต่างก็มีเบาะรองนั่งและพนักพิงหลังที่สบายสำหรับคนตัวใหญ่ผิดปกติ ความต่างจะอยู่ที่ Accord มีปีกข้างเบาะใหญ่กระชับข้างลำตัวมากกว่า Camry เล็กน้อย ส่วนพนักพิงศีรษะนั้น Accord จะดันมาข้างหน้ามากกว่า Camry แต่ตัวหมอนพิงมีลักษณะลู่รับส่วนคอ กว้าง และมีความนุ่มราวกับเอาหมอนสี่เหลี่ยมแข็งของคุณปู่มาหุ้มด้วยนุ่นและผ้าอีกที ในขณะที่ของ Camry นั้นเหมือนหมอนพิงของรถทั่วไปที่ไม่แข็งไม่นุ่ม
การเข้า/ออกจากเบาะนั่งแถวหลัง ก็ไม่ยากเช่นกัน อย่างที่บอกว่าตัวรถแค่ดูเหมือนเตี้ย แต่ไม่ได้เตี้ย ไม่ต้องก้มหัวหลบมากเท่า Civic และตวัดขาเข้าได้ไม่ยากแม้ว่าคุณจะตัวสูง 183 เซนติเมตรก็ตาม
เบาะหลัง ติดตั้งเอาไว้ในตำแหน่งที่กำลังดี ไม่ได้ถูกกดจนเตี้ยมากแบบ Civic ทำให้พอนั่งจริงๆแล้วสบายเข่ากว่า เบาะรองนั่งมีความยาวกว่า Accord รุ่นที่แล้ว พนักพิงหลังตอนล่างดุนหลังดีขึ้น แต่เนื้อที่บริเวณเหนือศีรษะกลับดูเหมือนน้อยลง ถ้าผมนั่งแบบตัวตรงๆ หัวผมจะชนกับหลังคาก่อนที่จะไปแตะหมอนรองศีรษะ เหมือน Camry ใหม่เด๊ะครับ พนักพิงหลังดูเหมือนจะเอนมากกว่า Camry เพียงเล็กน้อย แต่ในภาพรวม Camry เป็นรถที่ถ้านั่งหลังเกือบตรงแล้วจะสบายกว่า ในขณะที่ Accord นั้นจะสบายก็ต่อเมื่อคุณนั่งเหมือนเตรียมจะหลับ ไถลก้นไปข้างหน้ามากหน่อย นั่นก็เลยทำให้พื้นที่วางขาที่ยาวกว่า Camry ดูไม่ค่อยช่วยให้สบายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผมให้ความเห็นได้ในฐานะคนตัวใหญ่ผิดปกติและสูง 183 เซนติเมตร คนอื่นๆที่ขนาดร่างกายต่างกัน อาจได้รับความรู้สึกที่ต่างกัน และถ้าให้พูดตามตรง ผมชอบเบาะหลังของรุ่นเก่ามากกว่า
ท้ายรถมีความจุ 573 ลิตร ซึ่งแม้จะดูไม่เยอะนัก แต่นี่ก็เพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นที่ 9 ถึง 123 ลิตรแล้ว และยังสามารถเพิ่มความจุด้วยการพับเบาะหลังลงได้อีก แต่การพับเบาะนั้นไม่มีการแบ่งฟากนะครับ มันมาเป็นชิ้นเดียวกันเลย ทำให้ความอเนกประสงค์หายไปบ้าง แถมมองหาคันโยกพับเบาะก็หาไม่เจอ ผมต้องไปถามเจ้าหน้าที่ Honda ถึงรู้ว่ามันต้องเปิดกระโปรงท้ายแล้วดึงคันโยกเล็กๆใกล้ขากระโปรงด้านขวานั่นล่ะ
Honda น่าจะมองว่าลูกค้าตัวจริงของรถระดับนี้ แทบไม่เคยบรรทุกเยอะจนต้องพับเบาะ เลยไม่คิดจะทำแบบแยกพับได้ แค่ให้กลไกพับแบบยกชิ้นมาเผื่อสำหรับกรณีจำเป็นจริงๆเท่านั้น
บรรยากาศภายในของ Accord ใหม่ จุดที่ผมเสียดายคือความรู้สึกแพรวพราวอลังการของรถรุ่นที่แล้วถูกลดทอนลงไป จากเดิมที่มีชุดจอล่างและบน รวมถึงวัสดุที่เงามันล่อรอยนิ้วมือ มาวันนี้บอกตามตรงว่าถ้าเลือกรุ่นที่มีภายในสีดำล่ะก็..จืดสนิทครับ ลายไม้ที่ใช้ตกแต่งก็เป็นสีน้ำตาลเข้มด้าน ไม่ค่อยสร้าง Contrast ทำให้มันดูกลืนไปหมด แต่ถ้าเป็นรถที่ภายในสีเบจ บรรยากาศจะดูผ่อนคลายและชวนมองขึ้น
มันก็เป็นปัญหาเดียว Camry และ Teana ซึ่งพอเปลี่ยนรถเป็นสไตล์ตามใจตลาดอเมริกัน องค์ประกอบของความหรูจะน้อยลง รถ D-segment เหล่านี้จึงมีภายในห้องโดยสารเหมือนพวกรถระดับ Civic/Altis ที่ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่า แม้ว่าจริงๆแล้ววัสดุที่ใช้นั้นไม่ได้แย่ลงก็ตาม อีกสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบนักคือคอนโซลกลางที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม เบียดกินพื้นที่ขาซ้ายมากกว่ารุ่นเดิม
แต่บางท่านอาจชอบภายในของ Accord ใหม่ ก็ไม่แปลก เพราะลักษณะการเดินเส้นแดชบอร์ดเป็นเส้นตรง สัมพันธ์กับแนวลายไม้ที่ประตู ทำให้ได้ความรู้สึกกว้าง สวิตช์ต่างๆไม่กระจัดกระจายเกินควร จอกลางอยู่ในตำแหน่งระดับสายตา และแดชบอร์ดค่อนข้างกดเตี้ย ไม่ขึ้นมาเป็นบั้งแบบของ Camry เมื่อลองอยู่กับมันไปสักพัก รู้สึกว่ามันมีความเป็นเยอรมัน (ขอระบุแบรนด์ละกัน Audi & BMW) ปนอยู่กับความเป็น Honda สิ่งดีที่ตามมาก็คือการใช้งานในจุดต่างๆ ง่ายขึ้น กลับมา User Friendly ในแบบที่ Honda เคยเป็น..ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
ในมุมมองจากตำแหน่งคนขับ สิ่งแรกที่เตะตาเลยคือพวงมาลัยทรงใหม่ ไม่เหมือนกับของรุ่นอื่นๆในค่าย ชุดสวิตช์กระจกไฟฟ้า (เป็น One Touch คู่หน้า) ปรับกระจกมองข้างและล็อคประตู รวมอยู่ด้วยกันในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย สวิตช์เปิดฝากระโปรงหลังอยู่ตรงประตู ถัดมาบนแดชบอร์ดใต้ช่องแอร์ขวา จะมีสวิตช์ปรับความสว่างแสงไฟภายในรถ สวิตช์กด TRIP METER และสวิตช์ปิดการทำงานระบบ Traction Control ส่วนปุ่มสตาร์ท ก็แดงเดือดอยู่ข้างบนนั้นแหละครับ
ก้านไฟเลี้ยวอยู่ขวามือ ไฟหน้าเป็นแบบอัตโนมัติ และสามารถหมุนเพื่อ “OFF” ปิดไฟหน้าหมดได้ ปลายก้านเป็นปุ่มกดสำหรับระบบ LaneWatch ที่ฉายภาพในจุดบอดด้านซ้ายของรถขึ้นจอกลาง สำหรับการควบคุมระบบต่างๆของรถ เอาไปรวมอยู่ที่จอกลางทั้งหมด สวิตช์ที่เหลือจึงมีแค่ของระบบปรับอากาศ ส่วนพวกโหมดการขับเคลื่อน เบรกมือ และ Auto Brake Hold จะไปกองอยู่แถวๆเกียร์
แผงมาตรวัด..นี่สิมีเรื่องคาใจ เพราะในขณะที่ Civic และ CR-V บ้านเรานั้นเป็นจอ TFT ใหญ่ แต่ Accord ใหม่กลับใช้จอ TFT เฉพาะซีกซ้ายของหน้าปัด มีขนาด 7 นิ้ว แต่มาตรวัดรอบกลับเป็นแบบอนาล็อก คือเป็นมาตรวัดจริง เข็มจริง
ไม่ใช่ไม่ชอบนะ ชอบ! แต่ลูกค้าส่วนมากจะงงมั้ยว่าทำไมไม่ให้จอใหญ่แบบ CR-V มาเลย เรื่องนี้ ทางทีมวิศวกรญี่ปุ่นบอกว่า Accord นั้นเป็นรถ Global Model ซึ่งในบางประเทศมีกฎหมายบังคับว่าเข็มความเร็วต้องเป็น Physical/Analog ..ผมก็ไม่กล้าไปเถียงว่า CR-V กับ Civic ล่ะ ไม่ใช่ Global Model หรือ? แต่ช่างเถอะ ผมไม่อะไรอยู่แล้ว คู่แข่งในตลาด ก็ไม่มีใครใช้จอสีแบบเต็ม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบ
เรื่องความง่ายในการอ่านค่า ไม่มีปัญหาครับ ผมรู้สึกว่า Font ตัวเลขของหน้าปัด Accord ดูแบบผ่านๆอ่านง่ายกว่าของ Camry ด้วยซ้ำ แต่ก็เหมือนกับรถญี่ปุ่นทั่วไปอยู่อย่างคือ แม้ว่าคุณจะสามารถเลือกดูเมนูหรือค่าต่างๆได้หลายอย่างบนจอ แต่วิธีการจัดวางข้อมูลต่างๆดูเหมือนใช้ความเป็นจอสีไม่คุ้ม มีพื้นที่บนจอเหลือว่างๆเยอะ Config เองก็ไม่ได้ ผมอยากเห็นวัดรอบไปพร้อมๆกับข้อมูลอัตราการสิ้นเปลือง ก็ทำไม่ได้ และไม่มีฟังก์ชั่นการโชว์ความเร็วเป็นตัวเลข เข็มน้ำมันและอุณหภูมิที่ขึ้นเป็นเม็ดเล็กๆนั่นก็สังเกตยาก
ผมว่าฝั่งญี่ปุ่น ยังต้องเรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากหน้าจอให้คุ้มกว่านี้ ถึงจะสู้ฝั่งยุโรปได้ ใครจะเถียงว่าเป็นเพราะราคาของรถ ผมว่าไม่ใช่ครับ ต้นทุนของมันยังไงก็คือจอ คุณต้องไปทำโปรแกรมหรือแอพที่ดีกว่านี้ แค่นั้น
จอกลางของ Accord มีขนาด 8 นิ้ว โตกว่าของ Camry 2.5 G ซึ่งมีขนาด 7 นิ้ว สวิตช์ควบคุมต่างๆบนจอจะเป็นปุ่มจริงกับลูกบิด ซึ่งทำให้ดูไม่ไฮโซเหมือนจอของพวก BMW อันที่จริง Honda Civic ที่เปิดตัวปี 2016 นั้นก้าวหน้าจนไปใช้สวิตช์แบบสัมผัสคล้าย Touch Screen แล้ว แต่พอรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ก็กลับเป็นปุ่มจริงแทน Accord ใหม่ก็เดินตามนั้น ผมไม่มีปัญหากับการเป็นปุ่มแบบ Physical button แถมยังชอบเพราะโอกาสพังมันน่าจะยาก
จอนี้จะแสดงค่าได้หลายอย่าง รวมถึงใช้เพื่อการปรับตั้งค่าต่างๆของรถ ลูกเล่นสีสันบนหน้าจอจะต่างจาก Civic ดูหรูมีสไตล์ขึ้น แต่วิธีการใช้งานคล้ายกัน ถ้าคุณใช้จอของ Civic ได้ก็ไม่มีปัญหากับของ Accord ส่วนกล้องถอยหลังนั้น มีมาให้ (อันนี้สิ BMW บางรุ่นราคาเกือบสามล้านยังไม่มี อุ๊บส์) แถมปรับมุมมองความกว้างได้ 3 แบบ แต่รุ่น 1.5 TURBO EL นี้จะไม่มีกล้องมองรอบคัน 360 องศามาให้นะครับ
ชุดเครื่องเสียงและมัลติมีเดียของ Accord นั้น รองรับ AppleCarPlay/Android Auto มาพร้อมลำโพง 8 ตัว (มากกว่า Camry 2.5 G ที่มี 6 ตัว) แต่ไม่มีช่องใส่ CD หรือ DVD มาให้ คุณภาพเสียงเท่าที่ลองฟังดูด้วยเพลงประจำ (ผมพก USB ไปด้วย) พบว่าไม่ถึงกับประทับใจ เสียงช่วงกลางยังเก็บไม่ค่อยละเอียด แต่เบส และพวกเสียงกระชิกกระชักแหลมๆนั้นโอเค แต่ไม่รู้สึกว่าต่างจากเครื่องเสียงใน Camry 2.0/2.5 เท่าไหร่ อาจต้องใช้นักฟังที่หูดีกว่าผม
นอกจากนี้ จอกลางของ Accord ยังทำหน้าที่โชว์ภาพให้ระบบ LaneWatch ซึ่งเมื่อคุณเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หรือกดปุ่มที่ปลายก้านไฟเลี้ยว มันจะฉายภาพในมุมอับของกระจกส่องข้างด้านซ้ายให้ดูเต็มๆตา เป็นสิ่งที่ผมชอบมากกว่าระบบเตือนรถในจุดบอดที่กระพริบเป็นไฟดวงเล็กๆเสียอีก เพราะคุณสามารถเห็นด้วยตาคุณเองได้อย่างชัดเจน เสียดายแค่ว่ามันมีแค่ข้างซ้ายเท่านั้นแหละครับ
***รายละเอียดทางวิศวกรรม***
เครื่องยนต์เบนซินรหัส “L15BG” แบบ DOHC 4 สูบ Direct Injection Dual VTC ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.3 : 1 ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 243 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E85 เมื่อวางในบอดี้ Accord ปล่อย CO2 147 กรัม/กิโลเมตรตาม Ecosticker
มีระบบ VTC ที่สามารถหมุนแท่งเพลาลูกเบี้ยว Advance/Retard ได้เป็นระยะ 50-60 องศาทั้งในฝั่งไอดี/ไอเสีย และต่างจาก Civic ตรงที่มีกลไกแปรผันระยะยกวาล์วที่ด้านวาล์วไอเสียเพิ่มมาด้วย
ท่อร่วมไอเสียหล่อรวมเป็นชิ้นเดียวกับฝาสูบ (ไม่มีเฮดเดอร์) ในกรณีนี้ปกติจะก่อให้เกิดความร้อนสะสมสูง Honda แก้โดยการทำท่อให้มีน้ำวนระบายความร้อนท่อร่วมไอเสีย นอกจากนี้เพื่อการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ จะมีหัวฉีดน้ำมันเครื่องเข้าใต้ลูกสูบเหมือนพวกเครื่องรถซิ่งมาให้อีกด้วย
เมื่อเทียบกับ “L15B7” ใน Civic 1.5 TURBO เครื่องยนต์ของ Accord จะมีแรงม้ามากกว่ากันอยู่ 17 แรงม้า แรงบิดมากกว่าอยู่ 23 นิวตันเมตร สิ่งที่ต่างกันระหว่างเครื่อง BG และ B7 ก็คือ
- ลูกสูบต่างกัน หัวลูกสูบของ Accord จะไม่นูนเท่า ทำให้กำลังอัดลดจาก 10.6 ใน L15B7 เหลือ 10.3 : 1
- เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ Single Scroll ของ MHI TD03 จะมีกังหันฝั่งไอเสียที่ต่างกัน ของ Civic มี 11 แฉก ของ Accord มี 9 แฉก วิศวกรจากญี่ปุ่นคอนเฟิร์มว่าเทอร์โบของ Accord ไทยเหมือนกับของอเมริกาครับ แบบ 9 แฉกจะเน้นการทำงานที่รอบสูงกว่าเล็กน้อย มีส่วนในการเพิ่มแรงม้า
- แรงดันบูสท์ เพิ่มจากประมาณ 1.0-1.1 บาร์ เป็น 1.2-1.24 บาร์โดยประมาณ
- ที่ฝาสูบของ Accord มีกลไกแปรผันระยะยกวาล์วที่ฝั่งวาล์วไอเสียเพิ่มเข้ามา
ส่วนเสื้อสูบและก้านสูบ คุณวิศวกรญี่ปุ่นบอกว่าเหมือนของ Civic ครับ
เมื่อมองตัวเลขด้านพละกำลัง ดูเหมือน Accord Turbo จะเสียเปรียบเครื่อง A25A-FKB ของ Camry 2.5 G อยู่บ้าง เพราะแรงม้าน้อยกว่ากัน 19 ตัว แต่แรงบิดนั้น ของ Accord แม้จะน้อยกว่าอยู่ 7 นิวตันเมตร แต่มาเป็นช่วงกว้าง ในขณะที่ของ Camry เยอะกว่าแต่ต้องลาก 5,000 รอบถึงจะได้ใช้
ที่ประหลาดใจนิดๆคือเครื่อง Camry โตกว่าตั้ง 1,000 ซี.ซี. แต่พอวัด CO2 ที่ประเทศไทยออกมา ได้ 148 กรัม/กิโลเมตร มากกว่า Accord 1.5 แค่ 1 กรัม/กิโลเมตร
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วย เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT อัตราทดเกียร์เดินหน้า 2.645 ~ 0.405 อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 1.859 ~ 1.265 อัตราทดเฟืองท้าย 5.363 : 1 โดยรุ่น 1.5 TURBO จะมาพร้อมกับแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift ซึ่งเกียร์ลูกนี้ ดูเผินๆอัตราทดพูลเลย์เท่ากับของ Civic แต่อัตราทดเฟืองท้าย Civic จะยาวกว่า คือ 4.810 : 1
การเล่นเกียร์ สามารถตบแป้นได้เลยแม้จะอยู่ในเกียร์ D แต่ต่างกันที่ ถ้าคุณตบแป้นตอนอยู่ในโหมดปกติ มันจะเปลี่ยนตามคำสั่งคุณ แต่แค่ไม่เกินสิบวิมันจะกลับไปทำงานแบบ Auto ตามปกติ แต่ถ้าคุณกด SPORT แล้วตบแป้น มันจะเข้าโหมด Manual และเป็นเช่นนั้นไปจนกว่าคุณจะกดปิด SPORT หรือกดแป้น + ค้างไว้ 3 วินาที
ผมเป็นคนแบบโบราณ รู้สึกว่าคันเกียร์แบบรถสมัยก่อนที่ตบซ้าย/ขวา เพื่อล็อค Manual Mode แยกการทำงานจากพวกปุ่มคุมโหมดเครื่องยนต์ มันใช้งานง่ายกว่า
เกียร์ของ Accord และ Civic ไม่ได้เป็น CVT ที่มาพร้อม Launch Control แบบ Subaru WRX นะครับ ขอย้ำเตือนว่า ขาซิ่งทั้งหลาย อย่าได้คิดออกตัวแรงโดยเอาเท้าซ้ายกดเบรกจม แล้วเท้าขวากดคันเร่งคาไว้ ถ้าทำแบบนั้น พังแน่นอน และไม่ใช่ค่อยๆพังด้วยครับ 3-4 ครั้ง บึ้มสมใจอยาก ฝรั่งทดลองมาแล้ว คนไทยที่ยอมพลีเกียร์ก็โดนมาแล้ว อย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ ไม่ใช่ว่าเกียร์ไม่ทนนะ มันทน แต่มันแค่ไม่ได้ดีไซน์มารองรับการออกตัวแบบนั้นต่างหาก
ใน Accord 1.5 TURBO จะมีสวิตช์โหมดการขับเคลื่อนให้เลือก ใน ECON MODE จะหน่วงคันเร่งให้ตอบสนองช้า นุ่มนวล ปรับนิสัยเกียร์ และการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์เพื่อเน้นความประหยัดสูงสุด
ส่วนในโหมด SPORT นั้น จะปรับการทำงานเกียร์ ให้คอยดีดรอบเกิน 2,000-2,500 เอาไว้ตลอด คารอบไว้ที่ 3,000 ในบางช่วง ปรับการทำงานของเกียร์ให้ส่งแรงขับเคลื่อนไวขึ้น ปรับลิ้นคันเร่งให้ตอบสนองไวขึ้น ทั้งนี้ วิศวกรญี่ปุ่นคอนเฟิร์มว่าไม่ได้มีผลต่อกำลังสูงสุดของเครื่อง แค่ว่ามาให้ใช้เร็วขึ้น เท่านั้น
โครงสร้างตัวถังของ Accord ใหม่นั้น จะเรียกว่า All-new ก็ยังไม่น่าจะพูดได้เต็มปาก ผมถามวิศวกรและได้คำตอบว่า มีบางส่วนที่ยังยกมาจาก Accord Gen.9 หรือ Civic FC แต่หลายส่วนก็พัฒนาขึ้นใหม่ จะพูดว่าเป็น New Platform แต่ไม่ใช่ Everything is new น่าจะเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น รูปทรงของปีกนกหน้า คนละเรื่องกับของเดิม เปลี่ยนจากทรงตัว A เป็นทรง L แทน
ส่วนประกอบหลัก และจุดสำหรับรับแรงบิดตัวถัง เปลี่ยนใหม่หมด จนทำให้ตัวถังมีแรงต้านการบิดในแนวระนาบข้าง Bending Rigidity (เหมือนหักป๊อกกี้) เพิ่มขึ้น 24% และแรงต้านการบิดแนวตามยาว Torsional Rigidity (เหมือนบิดผ้าเช็ดตัว) เพิ่มขึ้นถึง 32% และยังได้อานิสงส์เป็นจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงจากรถรุ่นเดิมอีก 5 มิลลิเมตร
ทั้งหมดนี้ ส่งผลเรื่องความแข็งแรงปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิม
ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัย แบบ Dual Pinion แปรผันอัตราทดเฟืองพวงมาลัยได้ พร้อม Power ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า Variable Gear Ratio Electric Power Steering (EPS) ปรับจูนการตอบสนองใหม่ให้ต่างจากรุ่นเดิม โดยใน Gen.9 การตอบสนองเวลาหมุนจะไวเท่ากันตลอดช่วงการหมุน แต่ในรุ่นใหม่นี้ ช่วงหักซ้ายขวานิดๆ จะไม่ไวมาก แต่พอเริ่มเกิน 45 องศา อัตราทดพวงมาลัยจะยิ่งไวขึ้น
นอกจากนี้วิศวกรยังปรับน้ำหนักของพวงมาลัยใหม่ ให้ยังคงความเบาเวลาวิ่งที่ความเร็วต่ำไว้ แต่เพิ่มน้ำหนักต้านมือที่ความเร็วสูงเข้าไปเพื่อให้ไม่ต้องขับแล้วเกร็งมือมากแบบรุ่นเก่า
ระบบกันสะเทือน แบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ปีกนกรูปตัว L ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ มีเหล็กกันโคลงมาให้ทั้งด้านหน้าและหลัง ในขนาดที่แตกต่างกัน แต่บ้านเรายังไม่ได้ช่วงล่างปรับไฟฟ้า Adaptive Shock Absorber แบบของรุ่นสูงๆในตลาดอเมริกา อย่างไรก็ตาม โช้คอัพแบบธรรมดาใน Accord ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีบาลานซ์เทไปทางการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งความนุ่มนวลเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าหลัก
ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จานเบรกคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 12.3 นิ้ว ส่วนจานเบรกคู่หลัง เป็นแบบ Solid ธรรมดา เส้นผ่าศูนย์กลาง 11.1 นิ้ว มาพร้อมสารพัดตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Braking System) ระบบปรับแรงดันน้ำมันเบรก ตามน้ำหนักบรรทุก EBD (Electronic Brake Force Distributor) และระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA (Vehicle Stability Assist)
ล้ออัลลอยของรุ่น 1.5 TURBO EL เป็นขนาด 17 x 7.5 นิ้ว ยาง Michelin Primacy 3st ขนาด 225/50/17
***การทดลองขับ***
ทาง Honda จัดให้เราวิ่งในเส้นทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถ 1 คัน จะมีสื่อมวลชน 2 คน วิ่งจากโรงแรม X2 Riverside ไปผ่าน Central Festival แล้ววิ่งไปตามเส้นทางสาย 118 ไปกลับรถหน้าปางแฟนรีสอร์ท ก่อนวกลงมา วิ่งยาวลงมากลับรถที่ปั๊ม NGV ปตท. เชียงใหม่สหชัยวัฒนา เพื่อเปลี่ยนคนขับ แล้วขับขึ้นไปกลับรถหน้าปางแฟนอีกครั้ง ก่อนจะขับกลับโรงแรม
เส้นทางดังกล่าว ได้ระยะทางรวม 172 กิโลเมตร มีทั้งการจราจรแบบรถติดในเมือง ถนนที่กำลังก่อสร้าง และมีถนนลูกรังสภาพซ่อมที่อยู่บนเขา มีทางราบให้ลองอัตราเร่ง และเป็นทางโค้งแบบภูเขา โค้งกว้าง สามารถเข้าได้ตั้งแต่ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แน่นอนว่าการจะเก็บรายละเอียดให้ได้มากเท่า Camry 2.5 G ซึ่งผมได้นำมาทดลองขับเอง 2 วัน และหวดในสนามพีระฯมาแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ หลายอย่างมีข้อจำกัดแต่ก็พยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดเพื่อคุณผู้อ่าน
ผมได้รถทดสอบหมายเลข 1 คู่กับ พี่ นิธิ ท้วมประถม หรือที่รู้จักกันในนามน้าเต้ยแห่ง Autolifethailand (ลองไปค้นใน Youtube ดูครับ แนะนำ) น้าเต้ยแสดงสปิริตน้ำใจสื่อมวลชน เมื่อเขาทราบว่าผมยังไม่เคยขับ Accord รุ่นใหม่มาเลยแม้แต่น้อย น้าเต้ยบอกว่า ตัวเองเคยขับและทำคลิปบน Youtube ไปแล้ว “พี่ขอขับถ่าย (คลิป) แค่ช่วงเดียวสั้นๆ ส่วนเส้นทางที่เหลือ พี่ยกให้แพนโซโล่ไปเลย จะได้ขับเยอะๆ”
ต้องขอบคุณความกรุณาของสื่อมวลชนรุ่นพี่ แทนที่จะได้ขับแค่ 80 กิโลเมตร ผมเลยได้ขับไปไม่ต่ำกว่า 140 กิโลเมตร
การทดสอบอัตราเร่ง
เราทดสอบในมาตรฐานที่แตกต่างจากที่พี่ J!MMY ทดสอบตามปกติ เนื่องจากบรรทุกน้ำหนักมากกว่า และใช้น้ำมันแกสโซฮอล 91 ซึ่งทาง Honda เติมไว้ ลำพังแค่ผมคนเดียวก็หนักจะเท่า J!MMY กับเติ้งแล้ว น้าเต้ยเองก็น่าจะตัวหนักพอกับ J!MMY ดังนั้นถ้าคุณเอาตัวเลขไปเทียบกับตารางการทดสอบที่อยู่ในกระทู้ Preview อัตราเร่ง ก็ให้เผื่อเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ
สภาพเส้นทาง มีทางราบให้ลองบางช่วง แต่เพื่อความชัวร์ ผมลองจับอัตราเร่งทั้งตอนวิ่งขาไป และขากลับ
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โหมดปกติ 9.54 วินาที / โหมด Sport 8.79 วินาที
80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โหมดปกติ 6.26 วินาที / โหมด Sport 5.66 วินาที
Camry 2.5 G ในการทดสอบตามมาตรฐานของพี่ J!MMY จะทำ 0-100 ได้ภายใน 9.04 วินาที และ 80-120 ภายใน 6.75 วินาที ซึ่งนั่นเป็นการทดสอบกลางคืน น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 170 กิโลกรัม ในการจับอัตราเร่ง Accord ครั้งนี้เราแบกน้ำหนักมากกว่าการทดสอบแบบในกระทู้ Preview อัตราเร่ง/อัตราสิ้นเปลือง ถ้าหากเป็นเงื่อนไขน้ำหนักบรรทุกเท่าๆกัน ผมเคยลองจับเวลากับพี่จิมไว้ Camry 2.5 G จะได้ 9.4-9.6 วินาที
ดังนั้น แนวโน้มก็คือ Accord น่าจะมาวินในเรื่องการแสดงออกของพละกำลัง หึหึ เครื่องพันห้า อย่าลืมดูด้วยว่ามันตัวเมียหรือตัวผู้
เมื่อกระทืบคันเร่งเต็ม Accord 1.5 จะมีอาการยานบ้างในช่วงออกตัวและเทอร์โบยังไม่ติดบูสท์ ช่วงแรกๆนี้จะไม่ไวเท่า Civic เพราะน้ำหนักตัวที่ต่างเกือบ 160 กิโลกรัมและเทอร์โบที่ออกแบบมาเน้นรอบปลายมากว่า แต่พอเข็มวัดรอบเกิน 2,500 ไป ก็สบาย ดีดและกวาดไวจนแทบไม่ต่างจาก Civic ด้วยแรงม้าที่มากกว่าและเกียร์ที่ทดเฟืองท้ายจัดกว่า แรงดึงเหลือเฟือหายห่วง แน่นอนว่ามีการไล่รอบบางช่วงเหมือนกับ Civic ทั้งในโหมดปกติ และ SPORT
ยิ่งช่วงเร่งแซง แม้จะเป็นทางขึ้นเขา พันห้าหาได้หวั่นไม่ กดคันเร่งลงไป เกียร์ก็แสนรู้ทำงานเข้าขา ดีดรอบขึ้นไปยังจุดที่เครื่องมีกำลังในทันที ลองกดแค่ 75% ก็ขึ้นเขาสบายแล้ว ผมลองกดเพิ่มเป็น 100% นึกว่าแรงจะหมดแล้ว แต่ Accord ยังสร้างแรงดึงทะยานขึ้นเขาไปอย่างสบายอารมณ์ราวกับจะบอกว่า “มาอีก..มาอีกได้พี่”
ความเร็วสูงสุด วิศวกรญี่ปุ่นบอกว่า Maximum speed is 190kmh แต่ ผมลองแล้วได้ 195 แน่นอนครับ แต่ขออนุญาตลองแค่นี้เพราะเป็นถนนภาคพื้นดินที่มีจุดกลับรถ มีมอเตอร์ไซค์ ความกล้าของผมมาแค่นี้ ช่วง 100-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Accord ที่วิ่งตอนกลางวัน ไปเร็วเท่ากับ Camry 2.5 G ที่วิ่งกลางคืน คือ 12.3 วินาที ห่างจาก Civic RS แค่ 0.3 วินาที ทีนี้ก็เหลือแค่ช่วงปลายนั่นแหละ ที่ยังไม่รู้ว่าจะรับมือ 209 ม้าของ Camry ไหวมั้ย เพราะ Camry ถึงรอรอบแต่ตีนปลายก็ไหลเร็วสมกับจำนวนม้าเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม มันยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างนะครับ เมื่อคุณเอาเครื่องเล็กมาใส่ในรถใหญ่แบบนี้ ในช่วงรอบที่เทอร์โบยังไม่สามารถสร้างบูสท์ได้นั้น อัตราเร่งมันจะมีรอยต่อแบบแปลกๆ ในขณะที่รถเครื่อง NA 2.5 ลิตรอย่าง Camry มันจะกะพลังด้วยคันเร่งได้ง่าย Accord จะมีช่วงคันเร่งระดับหนึ่งที่พอกดไปแล้ว จะไต่ขึ้นแบบเหนื่อยๆและยานตามประสา CVT พอเจอแบบนี้ ผมก็เลยเพิ่มคันเร่งลงไปอีกแค่นิดเดียว คราวนี้เกียร์ดีดรอบขึ้นไป 2,500 แล้วรถก็ถลาแบบ เห้ย เห้ย เห้ย เดี๋ยว เดี๋ยว อารมณ์เหมือนลุกขึ้นฉุดเพื่อนที่กำลังจะวิ่งไปต่อยคู่อริ
ถ้าคุณเป็นคนแบบ ขับช้า ก็ช้าไปเลย จะเร็วก็เร็วไปเลย อาจจะไม่เจออาการแบบนี้ แต่บนถนนจริง คุณต้องไปให้เร็วเท่ากระแสการจราจรเขา บางทีมันก็เลือกไม่ได้ ตอนผมวิ่งแถว Central Festival จะเจออาการนี้บ่อย และบางที ก็รำคาญเหมือนกัน
หันมาดูเรื่องประสิทธิภาพของช่วงล่าง พบว่าอาการโดยรวมดีขึ้น มีบุคลิกสปอร์ตมากกว่ารุ่นที่แล้วโดยเฉพาะช่วงล่างหน้าที่นิ่งหนึบขึ้น อาการของรถเหมือนเป็น Civic Turbo ที่หนักขึ้นแต่โช้คหนึบขึ้นตามไปด้วย เพราะเส้นทางของเราไม่มีโค้งแบบแคบมากๆให้หักแบบสุดลำ พอเจอแต่โค้งกว้างความเร็วสูง ไม่รู้สึกเลยว่านี่คือพี่ชายตัวโตที่หนักกว่าของ Civic มันคล่องเหมือนกันและดูเหมือนจะคุมได้ดีกว่าเสียอีก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่จบ ก็คือช่วงล่างด้านหลัง ซึ่งยังมีอาการส่ายไปมาในแนวระนาบยามทิ้งโค้ง โดยเฉพาะเวลาเจอถนนในโค้งที่ไม่เรียบ ซึ่งอาการนี้ Civic RS ก็มี แต่ Accord จะส่ายและยวบน้อยกว่า บวกกับยาง Michelin แบบที่เน้นเงียบ หน้ายาง 225 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Camry TNGA 2.5 G ทำให้การตอบสนองในโค้งไม่เฉียบคมเด็ดขาดเท่า ด้านท้าย Camry นิ่งกว่า ถึงมีดิ้นก็จะดุ๊กดิ๊กแบบกระชับ ส่วนการไถลเวลาซัดโค้งแรงๆ Camry จะไถลแบบเอาท้ายกับหน้าให้ไปด้วยกัน ส่วน Accord จะหน้าไถลไปจนถึงจุดหนึ่งแล้ว Traction ค่อยจับกึก ส่งตัวรถไปตามโค้งต่อ
ไม่ใช่ว่า Accord ไม่ดีนะครับ มันดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก แต่พัฒนาการยังไม่ก้าวกระโดดเท่าคู่แข่ง ณ วันนี้เรื่องความมั่นใจเวลาซัดโค้งก็ยังตามหลัง Teana ที่ดีมานานแล้ว และ Camry ที่เพิ่งดีขึ้นแบบพลิกโลกจากรุ่นเก่า
แต่ถ้าขับแบบปกติ หรือแค่วิ่งไปตรงๆเร็วๆ Accord ก็ต่างจาก Camry ไม่มาก โดย Toyota มีอารมณ์แบบรถโช้คแข็งชัดเจนกว่า เปลี่ยนเลนแรงๆแล้วมั่นใจกว่า ในขณะที่ Accord ยังมีความนุ่มเหลืออยู่ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะยาง เวลาเจอถนนลูกรังจึงเก็บอาการสะเทือนได้เรียบกว่า เวลาเจอรอยต่อถนนที่เป็นปูดใหญ่ๆ อาการตึงตังก็น้อยกว่า Camry
พวงมาลัยมีน้ำหนักเบากำลังงามที่ความเร็วต่ำ และเพิ่มความตึงมือขึ้นได้ดีที่ความเร็วสูง ขับ 140-160 ไม่เครียด และไม่ว่อกแว่กมากแบบ Accord รุ่นที่แล้ว ถือเป็นพัฒนาการที่ดี ถ้าคุณชอบพวงมาลัยของ Civic RS ก็บอกได้เลยว่า Accord ก็เหมือน RS ที่จับใส่ยางกว้างขึ้นนิดๆ ซึ่งผมชอบ ไม่ต้องไปปรับอะไรมันแล้ว
ส่วนแป้นเบรก มีน้ำหนักเบามากในช่วงเหยียบแรกๆ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นระยะฟรีนะครับ เพราะเหยียบแล้วก็มีแรงหน่วงเกิดขึ้น ถ้าเหยียบลึกลงไป ก็จะหนักสู้เท้าขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ดูเหมือนว่าน้ำหนักต้านเท้าจะน้อยกว่าเบรกของ Camry เพราะสามารถเอาแค่ปลายเท้าเหยียบให้รถหน้าทิ่มได้ง่ายกว่า แต่โดยรวมแล้วเป็นเบรกที่ควบคุมแรงหน่วงได้ง่าย ผมยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบประสิทธิภาพผ้าเบรกมากเท่าที่ลองใน Camry แต่จากที่ผมหวดเบื้องต้น บวกกับช่วงที่น้าเต้ยซัดโดยไม่ได้เล่น Paddle shift ก็ยังไม่มีอาการเฟด
สำหรับเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น เราไม่ได้มีโอกาสนำรถไปเติมเต็มถังแล้ววิ่ง 110 นิ่งๆ แบบการทดสอบของพี่ J!MMY จึงทำได้แค่เพียงสังเกตจากจอ TRIP COMPUTER ของรถ
รถหมายเลข 1 ของผม มีทั้งกดๆปล่อยๆคันเร่งเพื่อดูการตอบสนอง ซัดจมก็เยอะ ขึ้นเขาด้วยโหมด SPORT ตัวเลขลดลงเรื่อยๆจนเหลือแค่ 8.7 กิโลเมตรต่อลิตร ถามว่าเยอะมั้ย ผมว่าก็เป็นไปตามม้าครับ Accord 2.4 ตัวที่แล้วผมเคยขับรถเพื่อนวิ่งเส้นทางนี้ก็เห็นเลข 8.5-8.8 เหมือนกัน ที่ต่างกันคือความเร็วที่ใช้คนละเรื่องกัน ในรถรุ่นใหม่ผมทำสปีดเร็วกว่า ส่วนขาลง มีการใช้คันเร่งน้อยลง ตัวเลขก็ไต่จาก 8.7 กลับขึ้นไปเป็น 10.2 กิโลเมตรต่อลิตร ครั้นพอกลับรถแล้ววิ่งขึ้นไปอีกรอบ ที่ปลายทางก็ลงมาเหลือ 9 กิโลเมตรต่อลิตรอีก
คน Honda อ่านแล้วคงกุมขมับ ลงตัวเลขซะแบบนี้แล้วรถจะขายได้มั้ย ความจริงก็คือ ผมไม่ได้เน้นเรื่องประหยัดเลยครับ ซัดตลอด และไปถึงที่หมายก่อนคันอื่นหลายนาที เมื่อคุณเรียกม้า 190 ตัวมาใช้ มันก็กินแบบนี้ตามจำนวนแรงม้า แต่ในกลุ่มที่ขับด้วยกันนั้น มีพี่ริชาร์ด ลอย จาก Bangkok Post ลองขับแบบวิ่ง 90-100 ให้ช่วงระยะหนึ่ง พี่ริชชี่ก็บอกว่าเห็นนะ เลข 16.0 กิโลเมตรต่อลิตร แต่จะมาเฉพาะช่วงขับนิ่งๆแบบนี้เท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของ Civic TURBO RS ซึ่งพี่ J!MMY นำมาทดสอบตามวิธีปกติของเว็บเรา วิ่ง 110 นิ่งๆแล้วได้ 16.7 กิโลเมตรต่อลิตร ผมคิดว่า Accord ไม่น่าได้ตัวเลขดีกว่านั้น อาจจะป้วนเปี้ยนแถว 16 ได้อยู่
อีกประเด็นที่มีคนฝากถามมา คือเรื่องการเก็บเสียง
Accord รุ่นใหม่ มีระบบ Active Sound Control ที่ปล่อยคลื่นเสียงออกมาจากลำโพงเพื่อกลบเสียงรบกวนบางอย่างออกไป ระบบคล้ายกันกับของรถยุโรปใหม่ๆหลายรุ่น และมีใน Ford Everest รุ่นท้อป นอกจากนี้ วิศวกรญี่ปุ่นอธิบายว่าพวกเขาได้เพิ่มขั้นตอนการพ่นโฟมเก็บเสียงหนาขึ้นรอบคัน ทั้งพื้นล่าง บริเวณรอยต่อห้องเครื่องยนต์ รวมแล้ว 11 จุด
ผลที่ได้ก็ชัดเจน โดยเฉพาะเสียงจากพื้นล่างของรถ แต่ไหนแต่ไรมา Honda มักมีเสียงยางเข้าจากข้างหลัง เสียงรถแล่นผ่านใต้ท้องดังเหมือนรถกลวง มันค่อยๆดีขึ้นในพักหลัง และในกรณีของ Accord นี้ก็เช่นกัน ผมย้ายไปนั่งข้างหลังตอนที่น้าเต้ยถ่ายคลิปของเขา ก็พบว่าเสียงรบกวนข้างหลังไม่ได้แย่นัก ถ้าวิ่ง 110 ก็เพิ่มเสียงในการคุยไม่มาก และถ้าเทียบกับ Camry ผมว่าในหัวข้อนี้ Honda ชนะ เสียงลมกรีดจากขอบประตูน้อยกว่า อันนี้คลื่นเสียงหรือ Sound Control อะไรก็หลอกผมไม่ได้ แต่ในจุดอื่นๆ ผมไม่แน่ใจนักว่า หูเราโดนระบบมันกันเสียงไว้ หรือเพราะยางที่ใช้เป็นประเภทนุ่มเงียบ..หรือทั้งสองอย่าง
***สรุปการขับเบื้องต้น***
เครื่องเล็กบวกหอย แรงพอแน่ แต่น่าจะมีรุ่นย่อย เบนซินที่หรูครบๆให้เลือก
โดยปกติ ผมจะเขียนสรุปเป็นย่อหน้า แต่คราวนี้ ลองมาเล่นถามตอบกันดีกว่า เพราะหลายท่านฝากถามฝากดูมาหลังไมค์ บางคนไม่ว่างอ่านรีวิวที่ยาวเหยียด (ซึ่งก็จะยาวแบบนี้ต่อไปเพราะพี่สะดวกแบบนี้) ก็มาอ่านเฉพาะ Section นี้แล้วกันนะครับ
ข้อแรก: เครื่องเล็ก บอดี้เบ้อเริ่ม วิ่งไหวมั้ย?
ถ้าไอ้นี่ไม่ไหว ไอ้คนที่ขับ 2.4 ลิตรตัวเก่าคงชักแหง็กๆตายไปแล้ว มันจะมีแค่ช่วงก่อน 2,300 รอบที่กำลังจะมาน้อยๆหนืดๆ แต่แค่กดคันเร่งเพิ่ม เกียร์ CVT ดีดรอบขึ้นปุ๊บ กำลังวังชามาทันที ทะยานสบายหายห่วง วิ่งขึ้นเขา เกียร์ปรับอัตราทดเข้าหาช่วงรอบกำลังอย่างรวดเร็ว สบายบรื๋อ 80-120 ได้ใน 5.66 วินาทีในโหมด Sport นี่มันก็ใกล้เคียง Civic Turbo และ Accord Hybrid ตัวเก่าแล้วนะ แล้ว 100-160 ก็ตาม Civic แค่เสี้ยววินาที ถ้าไม่พอนี่ใน D-segment ก็แทบจะไม่มีรถแรงกว่านี้แล้ว
ระวังแค่อย่างเดียวคือความร้อนน้ำมันเกียร์ พอกระทืบ Accord ต่อกันหลายๆดอก ตัวเลขจะแย่ลงๆ ถึงจุดหนึ่งโหมดสปอร์ตก็ไม่ช่วยให้เลขดีขึ้น แต่ Camry 2.5 กระทืบหลายครั้งตัวเลขยังได้ใกล้เคียงเดิมตลอด
ข้อที่ 2: ความสบายในห้องโดยสาร และการเก็บเสียง เมื่อเทียบกับ Camry
Accord สามารถกดเบาะคนขับได้เตี้ยมากกว่า แต่พอนั่งแบบนั้นกลับไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ พื้นที่ของคนขับ Accord นั้นคอนโซลเบียดที่เข่าซ้ายมากกว่า Camry แต่ฝั่งคนนั่ง Camry จะเบียดเข่าขวาคนนั่งมากกว่านิดๆเหมือนกัน ตัวเบาะใหญ่สบายเท่ากัน พนักพิงศีรษะ Accord จะดูอู้ฟู่นุ่มคอกว่า ส่วนเบาะหลัง Accord จะวางเตี้ยกว่ากันนิดเดียวและเอนกว่า เฮดรูมคนสูง 183 นั่งแล้วหัวติดทั้งคู่ Accord นั่งแบบทะแล่ดตูดกึ่งนอนแล้วสบาย แต่ถ้านั่งหลังตรงดีๆ Camry สบายกว่า เนื้อที่วางขา Accord มากกว่าเล็กน้อย
การเก็บเสียง Accord ดีกว่า เสียงลมตรงประตูน้อยกว่า เสียงส่วนอื่นนี่ไม่แน่ใจว่าเพราะยางเงียบกว่าหรือเพราะมีระบบปล่อยคลื่นเสียงหักล้างเสียงรบกวนผ่านลำโพงมาช่วยกันด้วย
ข้อที่ 3: ช่วงล่างและการขับขี่เดินทาง ให้เทียบกับ Camry 2.5 G
Accord มีพลังแรงบิดช่วงกลางที่ดี ได้เปรียบที่เกียร์ CVT ทำให้เลือกอัตราทดยังไงก็ได้ กดแล้วพุ่ง Camry อัตราทดเกียร์แรกๆไม่ได้ชิดนัก และเป็นเครื่องที่ต้องลากเกิน 4,000 ถึงจะมีแรงดึงดี เรื่องเครื่อง Honda ก็ชนะ แต่ในเรื่องช่วงล่าง Camry แน่นกว่า นิ่งกว่า ตอนเสียการยึดเกาะก็ยังควบคุมได้ง่ายกว่า พวงมาลัยนั้นต่างกันไม่มาก จัดว่าขับสบายได้และมั่นได้ทั้งคู่ เรื่องความนุ่มนวล Accord นุ่มกว่า แต่ถ้าวิ่งทางไกลเร็วๆ Camry ก็ชนะ
ข้อที่ 4: เรื่องอุปกรณ์ และราคา เทียบกับ Camry 2.5 G
Camry 2.5 G แพงกว่า Accord 1.5 TURBO EL อยู่ 114,000 บาท โดยคุณได้อุปกรณ์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ไฟตัดหมอก, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, หลังคาซันรูฟ, ระบบบันทึกความจำตำแหน่งกระจกมองข้างที่เชื่อมกับระบบบันทึกความจำของเบาะนั่ง, เครื่องเล่น DVD, ระบบแจ้งเตือนรถในจุดอับกระจกมองข้างซ้าย/ขวา, ถุงลมนิรภัยหัวเข่าผู้ขับ, ระบบแจ้งเตือนลมยาง, ระบบเตือนรถวิ่งตัดผ่านด้านหลัง
แต่บางอย่าง Accord ก็มีสิ่งที่ Camry ไม่มี เช่น Remote Engine Start, ระบบเลื่อนเบาะถอยหลังให้คนขับขึ้น/ลงสะดวก, เครื่องเสียงมี 8 ลำโพง (Camry มี 6), รองรับ Apple CarPlay/Android Auto, Honda Lane Watch ฉายภาพจุดบอดกระจกมองข้างขึ้นจอกลาง (เฉพาะด้านซ้ายของรถ)
ข้อที่ 5: ถ้า 330i เมียนั่งไม่ไหว มาเอา G10 1.5T เสียอารมณ์เยอะไหมครับ ฝากดูภาพรวมครับ
รบกวนสอบถามไปยังเมียที่ท่านเคารพและพาไปลองที่ศูนย์เลย เนื่องจากถ้าพี่แพนให้คำตอบไม่ตรงกับใจเมีย เราจะตายทั้งคู่
ส่วนภาพรวมนั้น ผมคิดว่า Accord เป็นรถขนาดใหญ่ ที่อัตราเร่งดี แต่ยังขาดเรื่องความหรูหรา และขาดอุปกรณ์ Advance safety ไป แต่ทั้งนี้ Honda Accord 1.5 TURBO EL และ Camry 2.5 G รับชะตากรรมคล้ายกันอย่างหนึ่งก็คือ การที่เป็นรถเครื่องเบนซินที่โดนชาร์จภาษีสรรพสามิตแพงกว่าพวกรถไฮบริด ทำให้ไม่ต้องตัดอุปกรณ์ไปหลายอย่างเพื่อทำราคาขายจริงออกมาแล้วไม่โดดไปแตะรุ่นไฮบริด เช่นพวกระบบความปลอดภัย SENSE นู่น SENSE นี่ ระบบหยุดรถอัตโนมัติ ระบบ Cruise Control แบบมีเรดาร์ สิ่งเหล่านี้ล้วนไปอยู่แต่ในรุ่นไฮบริด ของทั้งสองค่าย
ผมอยากให้มีการทำรุ่น 1.5 TURBO RS ของครบๆออกมา ถ้ามีจริงก็ยินดีจะจ่ายเพิ่มจากเดิมอีกแสนบาท กระนั้นก็อาจเป็นไปได้ยากที่จะเห็นล้อขอบ 18 ในรถรุ่นนี้ เพราะว่า..ขนาดใส่ล้อ 17 ค่า CO2 ก็ 147 กรัมต่อกิโลเมตร ถ้าใส่ล้อ 18 ยาง 235/45 น่าจะทะลุ 150 และทำให้ไปโดนภาษีสรรพสามิตอีกขั้น จาก 20 เป็น 25% เมื่อรวมกับต้นทุนที่เพิ่มมาจากอุปกรณ์ อาจทำให้ราคาของมันเท่ารุ่น 2.0 Hybrid TECH หรือแพงกว่า
ศึกระหว่าง Camry และ Accord น่าจะอยู่ไปอีกนาน แต่ในวันนี้ สำหรับ Final Verdict ของ Camry 2.5 G และ Accord 1.5 TURBO EL ผมมีความเห็นทิ้งท้ายว่า..
ถ้าคุณต้องการรถที่เป็น Complete Package มีอุปกรณ์มาครบแบบไม่น่าเกลียด ซื้อมาแล้วไม่ต้องไปเปลี่ยนล้อ เปลี่ยนช่วงล่างอะไร ขับมันทั้งอย่างนั้นไปเลย Camry เป็นรถที่ดีกว่าในแง่นี้ เพราะทำภายในรถและเซ็ตอุปกรณ์มาดูเหมาะกับราคามากกว่า Honda ช่วงล่างดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่ม ล้อเดิมติดรถไม่น่าเกลียด สมรรถนะจากเครื่องยนต์อาจจะไม่เด่นถ้าไม่ลากรอบหรือแช่ปลาย แต่มันยังมีพิษสงและพลังมากพอสำหรับทุกการเดินทางของคุณแน่นอน
ถ้าคุณเป็นวัยรุ่น เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าการขับรถเดิมๆนั้นผิดกฎหมายทางใจ Accord จะน่าสนขึ้นมา เพราะนอกจากเครื่องแรง แถมมีช้อปโมดิฟายรอเสกพลังม้าให้คุณได้ง่ายๆ เงินที่คุณเหลือจากการไม่เอา Camry ยังพอให้ไปหาล้อสวยๆแบบที่คุณชอบใส่ หรือปรับแต่งรถให้เป็นไปตามที่คุณชอบได้อีกเยอะ หรือถ้าคุณรับได้กับอุปกรณ์และล้อของมันอยู่แล้ว ก็เอาเงินตรงนั้นไปใช้เป็นค่าน้ำมันได้นานโข โดยที่คุณลักษณะหลายด้านก็ไม่ได้ด้อยกว่า Camry มันก็เป็นรถใหญ่ที่นั่งสบายและขับทางไกลสบาย รับผู้ใหญ่ได้ทั้งคู่ และวิ่งไล่รถวัยรุ่นเล่นๆได้ทั้งคู่ในสภาพเดิมโรงงาน
ขออนุญาต ไม่ตอบว่าถ้าเป็นผม ผมจะเลือกคันไหน ชอบถามกันจังไอ้คำนี้ เงื่อนไขมันซับซ้อน และผมไม่อยากให้คุณจ่ายเงินล้านห้าซื้อรถสักคันเพียงเพราะผมชอบรถคันนั้น
คิดซะว่าถ้ารถมันเป็นสุภาพสตรี ผมชอบสาวคนไหน ผมก็เก็บไว้จีบเอง แล้วหาคนที่นิสัยเหมาะกับคุณมาให้คุณ ถูกมั้ย จะไปเอาคนที่ตัวเองชอบยื่นให้คนอื่นทำไม?
—–/////—–
ขอขอบคุณ / Special Thanks to :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน Pan Paitoonpong
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายรถยนต์ เป็นผลงานของผู้เขียน/Honda ประเทศไทย/Honda of America ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com 11 มิถุนายน 2019
Copyright (c) 2019 Text and Pictures. Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited. First publish in www.Headlightmag.com June 11th, 2019
แสดงความคิดเห็นบนเว็บบอร์ดของ Headlightmag ได้ คลิกที่นี่