เช้าวันเสาร์ที่ 21 มกราคม

ผมกำลังนอนหลับเป็นกรมอุตุอยู่บนเตียง

น้องก๊อฟ BIZZARE
ซึ่งช่วงนี้กำลังมองหารถใหม่ในระดับราคาแถวๆ ไม่เกิน 2 ล้านบาทกลางๆอยู่
และเที่ยวไล่ตระเวณทดลองรถกันหลายยี่ห้อ ขนานใหญ่
อย่างที่คุณได้เห็นไปแล้ว ตอนที่เขาได้ ซาบ 9-3 มายืมขับนั่นละครับ

น้องเขาก็โทรเข้ามาถามว่า

“ตกลงนัดแล้ว ว่าไงพี่”

เจ้าตัวคนถามหนะ กำลังอยู่หลังพวงมาลัยของเปอโยต์ 407 ซาลูน HDi บนทางด่วน มุ่งหน้ามายังบ้านผม ย่าน
บางนา-ราม 2

แต่ตัวคนรับสายหนะ ยังสลบไสลอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆอยู่เลย…

“ตกลงว่า พี่ควรจะรีบใช่ปะ”

“ครับพี่”

ผมก็กระวีกระวาด พรวดพราดลุกออกจากเตียง…

เตรียมพร้อมมาลองขับ เปอโยต์ 407 กัน แบบสั้นๆ

 

 

เปอโยต์ 407 เปิดตัวในตลาดโลกมาได้ สักพักใหญ่แล้ว
ประมาณปี 2004

แต่กว่าจะเข้าเมืองไทยมาได้ ก็ต้องรอให้สต็อกของ 406
ซีดานรุ่นขายดีที่สุดอีกรุ่นของเปอโยต์ในเมืองไทย
ขายไปได้หมดก่อน

หลายๆคนที่เฝ้ารอ พอรู้ว่ามาถึง ก็ตรงดิ่งไปที่โชว์รูม

ถามสั้นๆว่า “ออพชัน เหมือนเมืองนอกหรือเปล่า อย่างไรบ้าง”

แล้วก็ทำสัญญาซื้อขายจ่ายตังค์ ขับออกมาสดๆเดี๋ยวนั้น

 

 

บางคนอาจบอกว่า จะเป็นไปได้หรือยังไง?

เป็นไปแล้วครับ

ไม่เชื่อก็ดูตัวเลขยอดขายเทียบกันดูก็ได้

ปี 2547 เปอโยต์ขายได้ 176 คัน
ปี 2548 เปอโยต์ขายได้มากขึ้นเป็น 238 คัน

แสดงว่าจริงๆแล้วเปอโยต์ ยังพอจะมีคนที่เข้าใจ
รักและอยากซื้อมาใช้อยู่อย่างเหนียวแน่น

รายละเอียดของตัวรถ
ผมไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ
เนื่องจากมีเวลาลองขับน้อย สำรวจได้ไม่มากนัก

รูปก็จะไม่ค่อยสวยนะครับ ไม่ได้เตรียมตัวคิดอะไรมากนัก
ตอนถ่าย

ข้อมูลเพิ่มเติมของตัวรถ
แนะนำว่าไปเดินเล่นเอาได้ที่นี่ครับ

www.peugeot-th.com
เว็บปรับปรุงใหม่ น่าเข้าไปใช้บริการไม่ต่างจาก
เวอร์ชันฝรั่งเศสแท้ๆละนั่น

 

 

การออกแบบในคราวนี้ เป็นความพยายามในการสานต่อ
แนวทางการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเปอโยต์
สู่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

คือยกระดับจากรถพื้นๆ สำหรับคนทั่วๆไป สำหรับครอบครัว
กลายเป็นรถยนต์ที่มาในแนวหรู สง่า และพยายามเติมเสน่ห์และมายา
ลงไปในตัวรถทั้งเส้นสายตัวถัง ส่งไปถึงยังห้องโดยสารมากขึ้น

บอกตามตรงว่า ผมยังไม่คุ้นเท่าไหร่
และออกแนวไม่ชอบความคิดในการออกแบบหน้ารถให้ยื่นล้ำไปกว่าล้อคู่หน้าซะขนาดนั้น
แถมยังมีกระจกหูช้างในแบบเก่าอย่างนั้น

ผมไม่ชอบกระจกหูช้างที่ให้ความรู้สึกขัดสายตาในเส้นสายตัวรถทั้งคัน

อย่างเช่นที่ฮอนด้า ซิตี้ เป็น
อย่างเช่นที่เปอโยต์ 307 เป็น
(แต่ ซีวิค ผมพอรับได้ เพราะยังหาจุดสมดุลย์กันได้บ้าง)

ไม่เถียงกว่า 407 ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นตัวถังเดียวกันกับ ซีตรอง C5

แต่แหม ไหนว่า เป็น 2 บริษัทในเครือเดียวกัน แต่
สไตล์ต่างกันไงละ?

ต่อให้เซ็ตรถมาต่างกันจนรู้สึกได้
แต่เอาเข้าจริง ก็คงโดนอะไรต่อมิอะไร
ดัดเสียจนแบบร่างเดิมกลายสภาพออกมาเป็นอย่างที่เห็นอยู่นี้

เส้นสายของ 407 นั้นผมเรียนตามตรงว่า ผมเห็นการนำแต่ละแง่มุม
มาผสมผสานกัน จนเวลาที่พบเห็นรถรุ่นนี้แล่นไปบนท้องถนน
ให้ความรู้สึกเหมือนก้อนอะไรสักอย่างแบนๆ ติดล้อ
แล้วก็ขึ้นโครงใหสวยหน่อย

ชุดไฟท้าย ก็ไม่ได้ตอบรับกับแนวโค้งมนของด้านหน้ารถเท่าไหร่
ความสมดุลย์ในเส้นสายโดยรวมยังพอจะมีบ้าง

แน่นอนครับ ผมไม่เถียง ยอมรับด้วยซ้ำว่า แปลกตา
และพอหาความสวยได้ในบางมุม

แต่ดูโดยรวมทั้งคันแล้ว

โปรดเอา 405 406 2 รุ่นโปรดของผมกลับคืนมาเสียเถอะ!

 

 

 

เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร

ผมสัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นเปอโยต์ยุคใหม่
ที่ดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส ตั้งใจเติมใส่ลงไป

คือ มีบุคลิกที่ มีความ กรุ่นในห้วงสัมผัส
อุ่นในความรู้สึก แต่เย็นชาบาดลึกแอบซ่อนอยู่ในที

สิ่งเหล่านี้ เพิ่งมาเริ่มมีเอาเมื่อ 406 L5 นั่นละ
แต่ยังไม่เด่นชัดขนาดนี้มาก่อน

 

การเข้าออกจากที่นั่งคู่หน้านั้น

ต้องก้มหัวดีๆครับ เสาหลังคาคู่หน้า ลาดเอียง
เพื่อเล่นกับการไหลเวียนของกระแสลมตามหลักอากาศพลศาสตร์มากไปสักหน่อย

เบาะคู่หน้า นั่งสบายใช้ได้เลยทีเดียว แต่กว่าจะปรับให้ลงตัวกับตำแหน่งที่ผมขับตามปกติ
ผมจะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับตัวรถด้วยพอสมควร
ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ควรเป็นอย่างนั้น

ประเด็นนี้ก็มักเป็นสิ่งที่ผมมักพบในรถจากยุโรป
จต่อให้เป็น วอลโว สุดเลิฟหรือ ซาบสุดรัก
ผมก็ยังต้องตระหนักในเรื่องที่เราจำเป็นต้องปรับเบาะ
ให้เหมาะกับทั้งตัวเองแถมยังต้องปรับให้เข้ากับรถด้วย
ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องสมควรเท่าใดนัก

และน้อยครั้งมากที่จะพบเรื่องแบบนี้ในรถจากญี่ปุ่น

 

การเข้าออกประตูคู่หลัง

ผมชอบมากเลย เพราะการออกแบบเส้นสายตัวถังภายนอกที่จัแม้จะขัดใจผมนี้
มีข้อดีคือ ทำให้ประตูคู่หลังสามารถเข้าออกได้โดยง่ายกว่ารถทั่วไป

ผมแทบจะกระโจนเสียบตัวเองเสือกไสเข้าไปนั่ง
เบาะหลังโดยแทบไม่ได้ก้มหัวหลบขอบหลังคาเอาเสียเลย

ดีนะเนี่ย!!

ส่วนเบาะหลังของ 407
เมื่อนั่งลงไปแล้ว รู้สึกว่า ตัวเราจะ จมลงไป

แม้จะจมลงไปแบบเดียวกับ BMW 5 Serise E60 ใหม่
แต่ให้อารมณ์สบายก้นและแผ่นหลังเหมือนนั่งโซฟา
ในห้องรับแขกมากกว่านิดหน่อย

ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว เชื่อขนมกินได้ว่า
ถ้าเจ้าของรถสนุกสนานกับการขับขี่มากเกินไป
ใครที่นั่งเบาะหลังไปด้วยกัน อาจเกิดอาการเมาไดโดยไม่ต้องพึ่งพาแอลกอฮอลล์

เพราะแนวเส้นขอบกระจกสมัยนี้ สูงไปสักหน่อย
และแนวเส้นแบบนี้ ก่อให้เกิดการเสียสมาธิของ
เด็ก และคนที่นั่งด้านหลังเอาเรื่องเลยทีเดียว

 

 

เสาหลังคาด้านหลัง หนา ครับ บดบังทัศนวิสัยอยู่บ้างนิดหน่อย

แต่ยังไม่มากก เท่ากับเสาหลังคาคู่กลาง
ที่จะบดบังเวลาคุณขับออกหรือเข้าถนนเส้นคู่ขนาน
แล้วจำเป็นตองเหลียวไปมองด้านข้าง
เพราะความไม่ไว้ใจในกระจอกมองข้างมากนัก

กระจกมองข้าง มีขนาดเล็กไปนิดนึง

และคันที่ทดลองขับนี้ เป็นรถเดโม มีปัญหาสั่นสะเทือนจางๆ
ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะคันเท่านั้น

 

 

 แผงหน้าปัดออกแบบให้รวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่คอนโซลกลาง

 

 

คอนโซลกลาง มีจอบอกขช้อมูลสถานภาพต่างๆของตัวรถ

– เครื่องปรับอากาศเป็นแบบแยกฝั่ง ซ้าย-ขวา
– ชุดเครื่องเสียง มีภาครับวิทยุที่ถือว่าดีเลยทีเดียว
ไม่มีเวลาลองฟัง ซีดี
– มีเทอร์โมมิเตอร์ บอกอุณหภูมิภายนอกรถ
– นาฬิกา ดิจิตอล

ปุ่มควบคุม มีหน้าตาที่ผมไม่กล้าแตะต้องไปพักนึง
แต่ถ้าเคยชินเมื่อไหร่ ก็จะใช้งานได้คล่องตัวขึ้น
ปุ่มมันเยอะเกินไป พราวมากเกินไป

และที่สำคัญคือ อยู่ในตำแหน่งที่ ต่ำไปสักหน่อย ถ้าคุณจำเป็นต้องเปลี่ยน
อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในขณะเดินทางด้วยความเร็ว  80 กม./ชม.

แต่ก็พอเข้าใจ ว่า ถ้าออกแบบให้ปุ่มน้อยกว่านี้
คอนโซลกลางจะโล่งเกินไปจนดูเหมือนว่า อะไรกันว้า
รถราคาตั้ง 2 ล้านบาทกลางๆ ทำไมมันโล่งเตียนขนาดนี้

เขาเลยอัดแน่นสารพัดหมู่มวลสวิชต์ ให้ใช้การยากขึ้นเล่นๆเท่านั้นเอง

ช่องแอร์ ย้ายขึ้นไปไว้ด้านบนสุด
ทว่า ความเย็นยังส่งกระจายมาได้อย่างดี

เพราะมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วย

 

 

 ทีนี้ การปรับตำแหน่งพวงมาลัยให้สอดคล้องกับ
การขับขี่ของคุณนั้น

สำหรับ 407 ผมไม่แนะนำให้ปรับเบาะไฟฟ้าฝั่งคนขับ
รวมทั้งพวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและ ระยะใกล้-ไกล
ในระดับต่ำสุด
ทั้งคู่

เพราะอะไร?

ก็ลองดูจากรูปข้างล่างนี้เอาแล้วกันนะครับ

 

 

ผมถ่ายจากระดับสายตาผมเลย

เห็นอะไรจากในรูปไหมครับ?

รถคันที่แล่นผ่านหน้าไปในระดับสายตาพอดี

อย่างที่ผมตั้งใจจริงๆ คือ ฮอนด้า แอคคอร์ด

ขอบพวงมาลัยด้านบนก็ยังบังด้านบนของชุดมาตรวัดอีกด้วย

ถ้าอยู่ในระดับครึ่งคันแบบนี้ ก็คงจะมองไม่เห็นพื้นถนน

ดังนั้น ปรับให้สูงขึ้นมาอีกสักนิดน่าจะดีกว่าครับ

สำหรับสรีระแบบเอเซียๆ อย่างเราๆเท่านๆ

 

 

แต่ถ้าจะถามว่า
คนขับจะสนุกกับอัตราเร่งของรถได้แค่ไหน

มาดูขุมพลังกันดีกว่า

 

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 1,997 ซีซี
HDi คอมมอนเรล เทอร์โบ
ให้กำลังเพียง 136 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที
แม้ว่าแรงบิดสูงสุด จะสูงถึง 320 นิวตันเมตร หรือประมาณ 32.6 ก.-ม.ที่ 2,000 รอบ/นาที ก็ตาม

ถูกติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงของ 407 HDi

ตัวเลขคุ้นๆไหมครับ
แรงบิด พอๆกันกับเครื่องยนต์ 2KD-FTV
ใน โตโยต้า วีโก้ 2.5 ลิตร เทอร์โบ
ตัวท็อปนั่นละ

ที่เปิดฝากระโปรงหน้า เป็นก้านโยก อยู่ฝั่งผู้โดยสารด้านซ้ายนะครับ
ชาวฝรั่งเศสดูจะขี้เกียจย้ายข้าวของพวกนี้ ให้อยู่ในตำแหน่งเหมาะสมกับรถพวงมาลัยขวา
เช่นเดียวกับตำแหน่งของคันโยกเบรกมือ

 

 

เมื่อเชื่อมการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 จังหวะ
ขั้นบันได ซึ่งมีความใส่ใจในการเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ของคนขับ
ผ่านทางการเหยียบคันเร่ง และอากัปกิริยาของรถ
มากกกว่าที่คนขับอย่างผมต้องการ

ส่งผลให้บางครั้ง เมื่อต้องการพละกำลังเร่งแซง
ทุกครั้งที่ผมกดคันเร่งจนสุด เพื่อให้ทอร์ค คอนเวอร์เตอร์
ทำงานเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ

ผมจะต้องลุ้นมากกว่าที่ควรจะเป็น

ช่วงแรกๆ ยังพอจะเรียกพละกำลังออกมาได้
แต่ไม่หวือหวา คือ เพียงพอสำหรับการขับขี่ในแบบ
Cruising เท่านั้น

แต่ทว่า ในช่วงที่เราขึ้นไปแล่นบนทางยกระดับบางนา-บางปะกง
ผมพบการตอบสนองที่น่าประหลาด
คือ รถเร่งไม่ขึ้นเลย
กดคันเร่งลงไป
แทบไม่รู้สึกความแตกต่างอะไรไปจากเดิมเลย

ตอนนั้น ผมเชื่อว่า รถน่าจะมีอะไรที่อาจจะผิดปกติ
เพราะการเร่งแซงนั่นทำได้แย่สุดๆเท่าที่ผมเคยเจอมา
ผมไม่คาดว่าจะเจออะไรแบบนี้

คือผมว่า รถตู้อีซูซุ บัดดี้ รุ่นบุโรทั่ง คันที่วิ่งวิน บางนา-สีลม ที่ผมเคยนั่งพร้อมผูโดยสารเต็มพิกัดนั้น
ยังเร่งได้ดีกว่าเจ้า 407 ดีเซลใหม่ในมือผมตอนนี้เสียอีก!!

แถมกดคันเร่งไปจนสุด รถก็ทำความเร็วสูงสุดได้แค่
150 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น!!!

ผมมั่นใจแล้วว่ารถคันนี้ น่าจะผ่านการใช้งานมาหนักเกินไป
ก่อนจะมาถึงมือผมและน้องก๊อฟท์

เพราะก่อนหน้าที่เราจะขึ้นทางยกระดับ
ผมมีบางช่วงขณะที่แซงในระดับคับขันชนิดที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด
แต่ อัตราเร่งของ 407 ก็ยังทำให้ผมพอจะมั่นใจได้

แต่ทำไมพอขึ้นไปแล่นบนทางยกระดับกลับเร่งไม่ขึ้นเลย

ทีนี้ ผมเริ่มเอะใจว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ
พอผมจอดถ่ายรูป ดับเครื่องยนต์ และติดเครื่องใหม่อีกครั้ง

พอออกจากเลคไซด์วิลลา 2 โลเกชันที่เราไปแวะถ่ายรูป
ผมพอจะหาจังหวะเร่งออกตัวอีกนิดนึง
ผมกลับพบว่า รถก็กลับมามีอัตราเร่งที่ดีขึ้น
กว่าตอนแรกอย่างรู้สึกได้ชัดเจน!

 

และที่หนักกว่านั้นคือ เมื่อเราแยกจากกันแล้ว น้องก๊อฟ BIZZARE 

ก็ไปทำท็อปสปีด สักรอบ เพื่อให้หายข้องใจ และนี่คือตัวเลขที่ได้ออกมา

จากหน้าปัดจริงครับ ลองส่องกันเอาเองว่า ได้เท่าไหร่

 

ประมาณ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 3,600 รอบ/นาที

 

 

จะว่าไปแล้ว มันไม่เกี่ยวกับการที่เรานั่งกันไปรวมทั้งหมด 4 คนหรอกครับ
น้ำหนักที่แบกเพิ่มเข้าไป สำหรับรถระดับนี้
ด้วยแรงบิดขนาดนี้ ผมว่าควรฉุดลากไปได้สบายมากกว่า
ที่เป็นอยู่

ผมเริ่มสงสัยว่า
ถ้าได้เกียร์ที่ไม่พยายามทำตัวฉลาดเฉลียว เอาใจคนขับมากเกินไปแบบนี้แล้ว

สมรรถนะของรถน่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้สักเล็กน้อย

หรือไม่เช่นนั้น
รถคันที่ผมขับนี้ น่าจะถูกส่งเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คเกียร์อัตโนมัติสักหน่อยหนะครับ

ผมเริ่มคิดแล้วว่า ถ้าจะเล่น 407 น่าจะเล่นรุ่นเบนซิน ดีกว่า
แต่ผมยังไม่กล้าสรุปอะไร เพราะยังไม่เคยลองรุ่นเบนซินมาก่อน เลยยังไม่คิดจะสรุปอะไรในตอนนี้

 

และถ้าเช่นนั้น คำถามที่ผมคาใจคือ

ทำไมผมจะต้องเลือกใช้รถที่ มีเกียร์ พยายามทำตัวเรียนรู้การขับขี่มากขนาดนี้

เพราะถ้าวันดีคืนร้าย จู่ๆ ฯพณฯ จะงอแงขึ้นมา ก็ ทำตัวอืดอาดยืดยาด

จนต้องดับเครื่องยนต์ทิ้ง แล้วติดเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อ Reset ค่าต่างๆใหม่ งั้นเหรอ?

ไม่ใช่เรื่องแล้วกระมัง

 

ทำตัวเป็นเจ้า โฟล์กเต่า Herbies ในภาพยนตร์คลาสสิคของ Walt Disney ไปได้!

 

 

 

เอาละ ตำหนิมาเยอะแล้ว

ใช่ว่า 407 ไม่มีข้อดีเอาเสียเลย

ตรงกันข้าม ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่

ด้านหลังแบบมัลติลิงค์

ให้การทรงตัวที่มั่นคง และมั่นใจมากๆ ตามสไตล์เปอโยต์

การเซ็ตระบบกันสะเทือน คือความโดดเด่นของรถยี่ห้อนี้

มาแต่ไหนแต่ไร

ยิ่งได้โครงสร้างตัวถังที่ออกแบบให้ลดการบิดตัว

และมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแบบนี้แล้ว

ผมยิ่งรู้สึกผ่อนคลายในการขับขี่แบบ Cruising ในเมือง

เอาเรื่องเลยทีเดียว

การซับแรงสะเทือนขณะเจอคอสะพาน ถือว่า ทำได้ดี

จนหลายค่ายจากญี่ปุ่นน่าจะซื้อไปผ่าศึกษาดู

เหมือนเช่นที่เคยทำกันอยู่แล้ว

ระบบเบรก ทำตัวน่ารักมาก

คือ หน่วงความเร็วได้อย่างนุ่มนวล และมั่นใจว่า เบรกยังไงๆก็น่าจะอยู่

แต่พอจะรู้สึกได้ถึงโมเมนตัมของรถอยู่บ้างเหมือนกัน

ในบางช่วงขณะที่ต้องเบรกในระยะกระชั้นชิด

 

 

 สรุป….

ถ้าใจรักจะเล่นจริงๆ เบนซิน น่าจะเวิร์กกว่า?

ไม่เถียงเลยว่า เปอโยต์ยังคงรักษามาตรฐานการทำรถยนต์ของเขา ได้อย่างดีในเกือบจะทุกด้าน
โดยเฉพาะความพยายามในการยกระดับรถยนต์ของตัวเอง
ให้ไปในแนวทางของรถยนต์เพื่อการเดินทางอย่าง
สุนทรย์ หรือแนวที่ผมเรียกมันว่า Cruising Tourer Saloon

คือยังไปไม่ถึงระดับ Gran Turismo และเปอโยต์
มีรถไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะเป็นแบบนั้นได้

อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ผมต้องกลับมาทบทวนความคิดใหม่คือ
ความพยายามของเปอโยต์ที่จะยกระดับรถยนต์ตัวเอง
ให้ไปในทิศทางที่กำลังมุ่งไปอยู่อย่างนี้
ไม่แน่ใจว่า เป็นแนวคิดที่จะเหมาะสมกับเปอโยต์เอง
มากน้อยแค่ไหน ยิ่งเมื่อวัดจากผลประกอบการ
ของ PSA ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเหมือนมีสัญญาณเตือน
กันมาบ้างแล้ว ยิ่งชวนให้น่าคิดคำนึงยิ่งนัก

แม้กระทั่งน้องเจสัน อดีตดีลเลอร์ เปอโยต์ ประดิพัทธ์
ที่เคยมีโอกาสลองขับ 407 แล้ว
เจ้าตัวยังบอกว่า “นี่มันไม่ใช่เปอโยต์ ในแบบที่เคยเป็น”

(เขาหมายความว่า ฟีลลิงเดิมๆที่เขาคุ้นเคยมาแต่เด็กมันหายไป โดยมี กลิ่นแห่งความหรูหรา และความนุ่มนวล
ไม่ดิบมากนัก เข้ามาแทนที่ความรู้สึกเดิมๆที่น่าถวิลหา
เหล่านั้น)

 

 

แต่….ในเมื่อเขาจะมุ่งหน้าไปในแนวทางที่เป็นอยู่นี้แล้ว
นั่นคงเป็นเรื่องของฝรั่งเศสแล้ว คนที่จะตัดสินว่าพวกเขา
มาถูกทางหรอืไม่ คือลูกค้าอย่างเราๆท่านๆนั่นละครับ

สิ่งเดียวที่ผมไม่อาจยอมรับได้กับ 407 HDi Saloon คันนี้
คือ การเรียกพละกำลังของเครื่องยนต์ ด้วยเกียร์
อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่พยายามจะเรียนรู้การขับขี่
ของผู้ขับมากไปอย่างนี้
ทำให้ผมนึกถึงการทำงานของเกียร์อัตโนมัติของ
307 CC ที่ผมเพิ่งลองขับไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

นอกนั้น นอกเหนือจากเรื่องดีไซน์แล้ว
ผมยังเชื่อว่า เปอโยต์ยังคงทำรถได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องช่วงล่างและเบรกที่ผมชื่นชอบ

แถมด้วยฟีลลิงของพวงมาลัยที่หนักแน่น และพอมีระยะฟรี
ไม่ถึงกับคมชัดลึก แต่แม่นยำในการตอบสนองใช้ได้
ตามสไตล์ของรถแนวขับสบาย

ทว่า ค่าตัวระดับ 2.69 ล้านบาท ขึ้นไป ยังไม่นับรุ่น SW
ที่มีราคาแถวๆ 3 ล้านต้นๆ
ทำให้ลูกกค้าที่คิดจะซื้อรถระดับนี้ต้องคิดใหดี

จริงอยู่ว่าขนาดตัวถังถือว่า ยาวกว่า และใหญ่กว่า
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส บีเอ็มดับเบิลยู 3 ซีรีส์
วอลโวเอส 60 และซาบ 9-3
ถ้าเราจะนับกันแค่ระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน
407 คือรถที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อน แม้เพียงนิดเดียว

แต่ผมยังเชื่อว่า ถ้าจะต้องเลือกเล่นจริงๆ
อยากให้มองดูรุ่นเบนซิน ประกอบไปด้วย
เพราะพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ช่วงกลางๆขึ้นไปถึงปลายๆ
ถือว่าแย่มากๆ เร่งไม่ขึ้นเอาเสียเลย

ให้สรุปเป็นคำพูดง่ายๆคือ
ถ้าคิดจะซื้อ 407 คุณต้องเป็นคนรักจริงในแบรนด์เปอโยต์ เอาเรื่องทีเดียว
หรือไม่เช่นนั้น ก็จะต้องถูกตาต้องใจในรูปลักษณ์ที่
จงใจให้ล้ำยุค
(แต่มาตกม้าตายด้วยหูช้างแบบโบร๊าณโบราณ)
ของ 407 อยู่เป็นทุนเดิม

 

 

ท้ายนี้ ขอขอบคุณ
น้องก๊อฟ BIZZARE ที่ชวนให้ได้ลองในรถที่ผมตั้งใจ
อยากจะหาโอกาสลองอยู่แล้ว

และขอบคุณ พนักงานขาย ของ
ยนตรกิจ เซอร์วิส (สุขาภิบาล 3)
สำหรับความเอื้อเฟือในครั้งนี้