วันที่ 5 เดือน 5 นอกจากจะเป็นเลขมงคลสำหรับชนหลายชาติและชาว Online Shopping แล้ว ในปีนี้ ยังเป็นฤกษ์ดีของ Ferrari ในการเปิดตัวรถรุ่น “Limited Edition” จากตระกูล V12 ของทางค่าย ซึ่งก็คือ Ferrari 812 Competizione และ 812 Competizione A รุ่นแรก เป็นรถหลังคาแข็ง ผลิตขึ้นมา 999 คัน ราคาเริ่มต้นในอิตาลีอยู่ที่ 500,000 ยูโร ส่วนรุ่นหลังนั้น เป็นรถเปิดหลังคา (A ย่อมาจาก Aperta) ราคา 578,000 ยูโร แถมยังผลิตในจำนวนน้อยกว่า คือเพียง 599 คันเท่านั้น
รถ 812 Competizione นั้น ก็คือรถที่ปรับปรุงมาจาก 812 Superfast ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นพื้นฐานของรถ V12 สูบเจนเนอเรชั่นปัจจุบัน แต่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มเติม และมีการเปลี่ยนดีไซน์ของรถบางส่วนเพื่อความแตกต่างให้สมกับเป็นรถเวอร์ชั่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนน้อย
เครื่องยนต์ของ Competizione/Competizione A ต่างก็เป็นเครื่องยนต์ V12 65 องศา ความจุ 6.5 ลิตร 6,496 ซีซี. จากขนาดปากกระบอกสูบxช่วงชัก เท่ากับ 94.0×78.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.5:1 ให้พลังสูงสุด 830 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 692 นิวตันเมตรที่ 7,200 รอบต่อนาที เพิ่มจากรุ่น 812 Superfast 30 แรงม้า
พละกำลังที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากหลายองค์ประกอบ รวมถึงลูกสูบใหม่ สลักลูกสูบเคลือบสาร DLC-Diamond-Like Carbon ก้านสูบไทเทเนียมที่เบากว่าของ 812 Superfast อีก 40% เพลาข้อเหวี่ยงแบบใหม่ที่มีการปรับบาลานซ์จนทำให้เบาลงอีก 3% อีกทั้งยังใช้ฝาสูบแบบที่ไม่เหมือนกัน แคมชาฟท์ก็เคลือบสาร DLC ท่อไอดีใหม่ แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ 30 แรงม้า แต่อันที่จริงยังเพิ่มได้อีกมากถ้าไม่ใช่ว่า Ferrari ยังต้องปรับเครื่องยนต์ให้ผ่านมาตรฐานมลภาวะของนานาประเทศ
ในเครื่องยนต์ของ 812 Superfast รอบจะตัดที่ 8,900 แต่สำหรับ 812 Competizione จะย้ายไปตัดที่ 9,500 รอบต่อนาที เป็นตัวเลขซึ่งธรรมดาในเครื่องยนต์พิกัดด 4 สูบ แต่เมื่อเป็นเครื่อง 12 สูบความจุมากถึง 6.5 ลิตรทำให้ต้องปรับปรุงชิ้นส่วนท่อนล่างเพื่อรับกับแรงกระชากที่รอบสูง
ส่วนระบบส่งกำลังนั้น จะเป็น เกียร์คลัตช์คู่ F1 DCT 7 จังหวะ เหมือนกับรุ่น Superfast แต่ปรับจูนการเปลี่ยนเกียร์ให้ไวขึ้นอีก 5%
ทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับน้ำหนักตัวถังเปล่า ไม่รวมคนขับ/ของเหลว 1,487 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น 812 ประมาณ 35 กิโลกรัม) ยางและล้อขนาดใหญ่ คู่หน้า 275/35R20 กระทะล้อกว้าง 10 นิ้ว ด้านหลัง 315/35R20 กระทะล้อกว้าง 11.5 นิ้ว วัสดุที่ใช้ทำล้อ เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ผสม ทำให้น้ำหนักของล้อแต่ละข้าง เบากว่า Superfast ข้างละ 3.7 กิโลกรัม จานเบรกหน้า 398 มม. ด้านหลังขนาด 360 มม. ทำให้ 812 Competizione สามารถทำอัตราเร่ง 0-100kmh ได้ภายใน 2.85 วินาที แม้จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนอัตราเร่ง 0-200 kmh ก็ทำได้ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 340kmh
ช่วงล่างพื้นฐาน นำมาจากรุ่น Superfast และมีระบบเลี้ยว 4 ล้อ PCV 3.0 และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ก็คือระบบ Side Slip Control เวอร์ชั่น 7.0
ส่วนรูปทรงภายนอกนั้น มีลิ้นหน้าปรับระดับอัตโนมัติตามความเร็วเหมือน Superfast แต่ได้ช่องรับอากาศหน้าแบบใหม่ มีแถบทรงคล้ายบูมเมอแรงสีดำคาดบนฝากระโปรง แต่ส่วนที่แตกต่างมากที่สุดคือด้านหลังของรุ่น Competizione Coupe จะใช้ฝาปิดกระจกหลังอะลูมิเนียมเจาะช่อง ทำให้ดูคล้ายกับรถแข่งอย่าง Ferrari 330 P3/P4 แต่เนื่องจากฝาปิดนี้ ทำให้ทัศนวิสัยด้านหลังนั้น..แทบไม่มีเหลือ ทำให้ Ferrari ต้องติดตั้งกล้องเพื่อส่องข้างหลังรถ ให้คนขับใช้แทนกระจกมองหลัง
นอกจากนี้ ทั้งสปอยเลอร์หลัง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ก็ถูกปรับให้มีขนาดโตขึ้นอย่างชัดเจน ท่อไอเสีย ก็เปลี่ยนจากออกข้างละ 2 ท่อ เหลือข้างละ 1 แทน การเปลี่ยนแปลงทางด้านแอโร่ไดนามิกส์ ทำให้ที่ความเร็ว 250 kmh นั้น 812 Competizione จะสามารถสร้างแรงกดอากาศบนตัวถังได้มากกว่า Superfast ถึง 30%
ส่วนภายในของรถนั้น เกือบเหมือน Superfast แต่มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งและสีสันในบางจุด เพิ่มคาร์บอนไฟเบอร์บนพวงมาลัย เปลี่ยนลักษณะคอนโซลกลางตอนล่าง และได้แผงประตูแบบน้ำหนักเบากับเบาะใหม่
ถือเป็นรุ่นพิเศษ ราคาแรงที่สุดรุ่นหนึ่งของ Ferrari ในปัจจุบัน และอาจเป็นรถตระกูล V12 รุ่นสุดท้ายแล้วที่เค้นพลังมหาศาลโดยไม่ยุ่งกับเทอร์โบชาร์จ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะรวยจนสามารถซื้อได้ทั้งสองคันพร้อมกันก็หมดสิทธิ์ เพราะถ้าคุณยังไม่ได้จองมันไว้ก่อนบทความนี้ออก ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะรถรถ 1,598 คันนี้ ถูกจองไปหมดแล้ว เนื่องจากในธรรมเนียมของ Ferrari มีการเก็บประวัติลูกค้าชั้นดีทั่วโลก และเมื่อมีรถพิเศษออกมา ลูกค้าระดับอภิสิทธ์ชนที่เคยอุดหนุนรถค่ายม้าป่าไปแล้วหลายคัน หรือลูกค้าที่เคยได้รับสิทธิ์ซื้อรุ่นพิเศษในอดีตมาแล้ว จะได้รับการติดต่อก่อนเสมอ
ที่มา: Ferrari