ผลงานชิ้นเอกของ Ferrari ประจำปีนี้คงหนีไม่พ้น Ferrari F12tdf (Tour de France) หรือพูดง่าย ๆ มันคือ F12
เวอร์ชัน Hardcore เพราะมันแรงมากถึง 780 แรงม้า

2015_10_15_Ferrari_F12tdf_1 2015_10_15_Ferrari_F12tdf_2

หัวใจหลักความแรงก็ต้องมาจากเครื่องยนต์ V12 ความจุกระบอกสูบ 6,262 ซีซี จาก F12 แต่อัพความแรงขึ้นอีก 40
แรงม้า จนกลายเป็น 780 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดก็เพิ่มขึ้นอีก 15 นิวตันเมตรกลายเป็น 705 นิวตัน
เมตรที่ 6,750 รอบต่อนาทีจับคู่เกียร์ F1 DCT ที่มีอัตราทดสั้นลงกว่าเดิม 6% เปลี่ยนเกียร์สูงได้เร็วขึ้น 30% เปลี่ยนเกียร์
ต่ำได้เร็วอีก 40%

2015_10_15_Ferrari_F12tdf_3 2015_10_15_Ferrari_F12tdf_4

ผลลัพธ์คือ Ferrari F12tdf สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.9 วินาที ทำความเร็ว 0-200
กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำสถิติวิ่งรอบสนาม Fiorano
Circuit เพียง 1 นาที 21 วินาที ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเพิ่มวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้มีน้ำหนักตัวถังเบากว่าเดิม 110
กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ F12

2015_10_15_Ferrari_F12tdf_5

ระบบบังคับเลี้ยงสี่ล้อ ที่อนุญาตให้เพลาล้อหลังบิดองศาเลี้ยงสัมพันธ์กับเพลาคู่หน้า, ความเร็วและการหักพวงมาลัยได้ที่
พวกเขาเรียกกันว่า Virtual Short Wheelbase

2015_10_15_Ferrari_F12tdf_6

ทีมวิศวกรลงทุนปรับปรุงชิ้นส่วนตัวถัง Ferrari F12tdf ให้แตกต่างจาก F12 Berlinetta เกือบ 100% ในขณะที่วิ่งด้วย
ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง F12tdf มีแรงกดถึง 230 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดิม 107 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งก็น่าจะมา
จาก Diffuser ท้ายที่ยาวขึ้น 60 มิลลิเมตร สปอยเลอร์ท้ายสูงขึ้น 30 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังลงทุนออกแบบตัวถังบริเวณ
ห้องสัมภาระท้ายและปรับกระจกบังลมหลังชันขึ้น

Ferrari F12tdf มีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 799 คันเท่านั้น

ที่มา : Worldcarfans