ผลงานชิ้นเอกของ Ferrari ประจำปีนี้คงหนีไม่พ้น Ferrari F12tdf (Tour de France) หรือพูดง่าย ๆ มันคือ F12
เวอร์ชัน Hardcore เพราะมันแรงมากถึง 780 แรงม้า
หัวใจหลักความแรงก็ต้องมาจากเครื่องยนต์ V12 ความจุกระบอกสูบ 6,262 ซีซี จาก F12 แต่อัพความแรงขึ้นอีก 40
แรงม้า จนกลายเป็น 780 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดก็เพิ่มขึ้นอีก 15 นิวตันเมตรกลายเป็น 705 นิวตัน
เมตรที่ 6,750 รอบต่อนาทีจับคู่เกียร์ F1 DCT ที่มีอัตราทดสั้นลงกว่าเดิม 6% เปลี่ยนเกียร์สูงได้เร็วขึ้น 30% เปลี่ยนเกียร์
ต่ำได้เร็วอีก 40%
ผลลัพธ์คือ Ferrari F12tdf สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.9 วินาที ทำความเร็ว 0-200
กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำสถิติวิ่งรอบสนาม Fiorano
Circuit เพียง 1 นาที 21 วินาที ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเพิ่มวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้มีน้ำหนักตัวถังเบากว่าเดิม 110
กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ F12
ระบบบังคับเลี้ยงสี่ล้อ ที่อนุญาตให้เพลาล้อหลังบิดองศาเลี้ยงสัมพันธ์กับเพลาคู่หน้า, ความเร็วและการหักพวงมาลัยได้ที่
พวกเขาเรียกกันว่า Virtual Short Wheelbase
ทีมวิศวกรลงทุนปรับปรุงชิ้นส่วนตัวถัง Ferrari F12tdf ให้แตกต่างจาก F12 Berlinetta เกือบ 100% ในขณะที่วิ่งด้วย
ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง F12tdf มีแรงกดถึง 230 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดิม 107 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งก็น่าจะมา
จาก Diffuser ท้ายที่ยาวขึ้น 60 มิลลิเมตร สปอยเลอร์ท้ายสูงขึ้น 30 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังลงทุนออกแบบตัวถังบริเวณ
ห้องสัมภาระท้ายและปรับกระจกบังลมหลังชันขึ้น
Ferrari F12tdf มีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 799 คันเท่านั้น
ที่มา : Worldcarfans