ใกล้เวลาแล้ว ! สำหรับ Mazda 3 หรือ Axela ในประเทศญี่ปุ่น ที่จะทำการแต่งหน้า ทาปาก
อัพเดตความสดใหม่กัน หลังจากผ่านมาแล้ว 2 ปีกว่า กับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014
ตอนนี้โรงงานที่ ฮิโรชิม่า ผลิตรอการส่งมอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ยังได้ทยอย
ส่งรถคันจริง ไปลงดีลเลอร์ทั่วประเทศแล้วเช่นเดียวกัน
รายละเอียดภายนอกเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก เช่นเดียวกับ SUV รุ่นพี่อย่าง CX-5
เริ่มจากชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ที่แม้จะคล้ายเดิม แต่หากดูรายละเอียดจะพบว่า
ไฟ Daytime Running Lights จะเพิ่มความหนาของวงเส้น LED มากขึ้น
รับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ จากเดิมลากเส้นยาวเข้ามาบริเวณไฟหน้า จะถูก
ตัดปลายออกให้รับกับเหลี่ยมมุมของโคมไฟหน้า คล้ายกับที่อยู่ใน CX-3
ชุดไฟตัดหมอก เปลี่ยนมาเป็นแบบ LED แล้ว พร้อมเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่
ให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยยังคงเป็นขนาด 18 นิ้ว แต่มีการทำสีรมดำ
Hyper Metallic
กระจกมองข้างก็เป็นจุดเล็กๆที่เปลี่ยนเช่นกัน โดยมีการย้ายตำแหน่งของไฟเลี้ยวใหม่
ด้านหลังมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปไม่มาก มี 2 จุดหลักๆคือ ชุดไฟท้าย
เปลี่ยนรายละเอียดภายในตัวโคมใหม่ และ กันชนด้านหลังดีไซน์ใหม่ จากเดิม
มีแถบการ์ดกันชนด้านล่างเป็นสีดำ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับตัวรถทั้งหมดแทน
มาที่ภายในกันบ้าง มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร เริ่มตั้งแต่พวงมาลัย
ดีไซน์ใหม่ มีกลิ่นอายของพวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัดเล็กๆ ปุ่มควบคุมต่างๆ
ถูกออกแบบใหม่ ลองจินตนาการง่ายๆ ให้ดูภาพของ Mazda CX-9 ใหม่ เอาไว้
แผงคอนโซลกลางไล่มาตั้งแต่ชุดคันเกียร์ ปุ่มควบคุม MZD Connect ถูกจัดเรียง
และดีไซน์ใหม่ เพราะชุดเบรกมือถูกเปลี่ยนใหม่ เป็นแบบเบรกมือไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว
ยาวต่อเนื่องลงมาถึงที่วางแก้วพร้อมฝาแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้ และที่ท้าวแขนใหม่
ภาพรวมคล้ายกับคอนโซลกลางของ Mazda 6 Minorchange
นอกเหนือจากการปรับหน้าตาเล็กน้อยสำหรับภายนอก และปรับดีไซน์ภายในใหม่
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังน่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงเป็นเครื่องยนต์
เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G เหมือนเดิม ( เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี.
กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่
4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ) เพิ่มเติมระบบช่วยเหลือการขับขี่
และความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เข้ามาเหมือนอย่าง CX-3 และ CX-5
และ คาดว่าน่าจะมีการใส่ระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยควบคุมแรงบิด
ขณะเข้าโค้งมาด้วยเช่นกัน ( G-Vectoring Control คืออะไร ทำงานอย่างไร
สามารถอ่านได้ที่นี่ครับ )
ในประเทศญี่ปุ่นมีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 14 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
สำหรับประเทศไทยคาดว่าน่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายปี 2016 นี้
ก่อนงาน Bangkok International Motor Expo เล็กน้อย
ที่มาภาพ : twitter user kodama473 , carscoops , autohome
เพิ่มเติมข้อมูล : หลายท่านอาจจะเห็นข้อความในโบรชัวร์ที่หลุดออกมาจากญี่ปุ่น
ว่าทำไมมี Hybrid หรือ 2.2 XD ปรากฎอยู่ด้วย เรามีข้อมูลเพิ่มเติมมาฝาก
คุณผู้อ่านครับ Mazda 3 หรือ Mazda Axela ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้นจะมีทางเลือก
เครื่องยนต์ให้หลากหลายมากมาย ดังต่อไปนี้
– เบนซิน 1.5 Skyactiv-G ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 111 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ / 4 ล้อ
– เบนซิน 2.0 Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น
– เบนซิน 2.0 Skyactiv-Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังจากเครื่องยนต์ 99 แรงม้า
ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า
82 แรงม้า แรงบิด 207 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT
มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น
– ดีเซล 2.2 Skyactiv-D (เหมือนที่อยู่ใน Mazda CX-5) กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่
4,500 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา
6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้น
– ดีเซล 1.5 Skyactiv-D (เหมือนที่อยู่ใน Mazda CX-3 , Mazda 2) กำลังสูงสุด
105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,500
รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ