วันเวลาผ่านไป เร็วมากนะครับ…
เผลอแป๊บเดียว จากวันที่เราได้ทดลองขับ Teana J32 ก่อนการเปิดตัวในเมืองไทย
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงวันเปิดตัว ในเดือนมีนาคม 2009 อันเป็น
ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Headlihtmag.com เปิดดำเนินการสู่สายตาของคุณผู้อ่าน
เป็นครั้งแรก
ตอนนั้น ใครบางคน บอกกับผมว่า Teana รุ่นต่อไป ออกแบบใกล้เสร็จแล้ว และ
พวกเขาจะปรับแนวทางการออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นเดิม J32 ที่เพิ่งเปิดตัวไป
สดๆร้อนๆ ในตอนนั้น
เข็มนาฬิกาได้ทำหน้าที่ของมันมาจนครบ 4 ปีครึ่ง พอดี! ได้เวลาที่ เราจะได้เห็น
ได้สัมผัสกับ รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ Full Model Change ของ Nissan Teana อีกแล้ว
แต่คราวนี้ ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ ที่สวรรค์เขาจงใจจัดฉาก ผมมาอยู่ที่โชว์รูม
Nissan KrungThai รามอินทรา อีกครั้ง ด้วยความอนุเคราะห์ของคุณป๊อกกี้
เพื่อนเก่าของเรา ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยที่ Nissan Teana J31 เปิดตัวเมื่อ
เดือนกรกฎาคม 2004
ด้วยความกรุณาจาก Nissan KrungThai ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ทำให้การลองขับ
Teana ใหม่ครั้งนี้ เกิดขึ้นได้อย่างฉับไว เพียง 1 วัน หลังการเปิดตัวชนิดที่
ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่ Teana J31
จนถึง Sylphy เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2012
แน่ละครับ ความสนใจของผู้บริโภคใน Teana ใหม่ เริ่มทวีคูนขึ้นอย่าง
รวดเร็ว ภายหลังการเปิดตัวที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ (21 ตุลาคม 2013) งานนี้
Nissan เอง ก็คาดหวังกับ รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ของ Teana ไว้มาก ถึงกับ
ตั้งยอดขายไว้ 10,000 คัน ในปีแรกที่เปิดตัว แถมยังอัดสารพัดออพชัน
มา “เกินพิกัด” (ไม่ใช่แค่เต็มนะ แต่เกินหน้าเกินตาชาวบ้านชาวช่องเขา
กันไปเยอะเลยละ!) จนถึงขั้นตั้งสโลแกนโฆษณา อันสวยหรู ว่า
“Your Masterpiece” หรือ “ผลงานชิ้นเอกของคุณ”
ซึ่งก็ยังมิวาย คุณคฑาทอง ท่อนทอง คุณผู้อ่านของเรา ก็ดันแซวไว้ในหน้า
Fan Page ของ Headlightmag.com เอาไว้ซะสะดุ้งโหยงเลยว่า…
“ดีนะ ไม่ใช่ Masterbation”
น้ำเปล่าที่ผมกำลังดื่มเข้าไป พุ่งพรวดออกมาแบบไม่ต้องเซ็นเซอร์…..
คิดได้ไงวะครับ คุณผู้อ่านที่ร้ากกกกก!!!!??
เหนือกว่าเรื่องของสโลแกน คือเรื่องคุณงามความดีของรถ
เชื่อไหมว่า ตอนนี้ ลองไปถาม ตั้งแต่ผู้บริหาร พนักงาน ยันภารโรง ของ Nissan
Motor Thailand ดูได้ แทบจะทุกคน ล้วนมั่นใจในคุณภาพ และความโดดเด่นเด้งดึ๋ง
ของ Teana ใหม่กันมาก ถึงกับออกปากว่า
“นี่แหละ คือรถยนต์นั่งขนาดกลาง D-Segment ที่ สวยที่สุด ไฮเทคที่สุด ปลอดภัยที่สุด
เครื่องเสียงดีที่สุด และประหยัดน้ำมันที่สุด (ไม่นับ Hybrid นะ)”
เราในฐานะลูกค้า ผู้บริโภค สื่อมวลชน และคนธรรมดา ต่างสงสัยกันว่า…จริงเหรอ?
โดยเฉพาะ Highlights สำคัญ ที่หลายคนสนใจก็คือ ในเมื่อ ลูกค้าจำนวนไม่น้อย
ตัดสินใจรอการมาถึงของ Teana ใหม่แล้ว Nissan จะเตรียมข้าวของอุปกรณ์ให้
คุ้มค่าแก่การรอคอยมากน้อยแค่ไหน?
พูดกันง่ายๆก็คือ Option จัดเต็มหรือเปล่า?….
ขับดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน? แรงขึ้นไหม?
ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมหรือไม่?
และที่สำคัญ คุ้มค่าพอจะยอมเป็นเจ้าของหรือเปล่า?
มาดูกันเลยดีกว่า!
Teana ใหม่ มีความยาวตลอดคัน 4,875 มิลลิเมตร กว้าง 1,830 มิลลิเมตร สูง 1,490
มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร
เมื่อเปรียบเทียบกับ Teana J32 รุ่นเดิม ที่ยาว 4,850 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร
สูง 1,485 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร แล้ว จะพบว่า Teana ใหม่
จะยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 25 มิลลิเมตร สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร แต่มีระยะฐานล้อ
เท่ากันกับรุ่นเดิม
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda Accord G9 รุ่นล่าสุด ซึ่งมีความยาว
4,870 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,465 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาว
2,775 มิลลิเมตร แล้ว จะพบว่า Teana ใหม่ ยาวกว่า 5 มิลลิเมตร เท่านั้น แต่ยัง
แคบกว่า Accord G9 20 มิลลิเมตร สูงกว่า Accord 25 มิลลิเมตร แต่ระยะฐานล้อ
เท่ากันเป๊ะ ทั้งๆที่รูปทรงของรถเมื่อมองดูแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า Teana จะสูงกว่า
Accord ขนาดนั้น ถือว่าทีมออกแบบของ Nissan สร้างรูปทรง หลอกสายตาได้
เก่งเหมือนกัน
และถ้าเปรียบเทียบกับ Toyota Camry รุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีตัวถังยาว 4,825 มิลลิเมตร
กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร แล้ว จะ
ยิ่งพบว่า Teana ใหม่ ยาวกว่า Camry ถึง 50 มิลลิเมตร กว้างกว่ากันแค่ 5 มิลลิเมตร
สูงกว่า 20 มิลลิเมตร แต่ระยะฐานล้อ เท่ากันกับทั้ง Accord G9 และ Teana ใหม่
เท่ากับว่า ขนาดตัวถังของ 3 ผู้เล่นหลัก ในพิกัดรถยนต์กลุ่ม D-Segment เมืองไทย
ตอนนี้ ขนาดตัวถัง ไล่เลี่ยกันเลย ไม่ได้แตกต่างกันมากมายอย่างแต่ก่อน ถือว่า
ต่างกันแค่หลัก 2-5 เซ็นติเมตร ในแต่ละสัดส่วนเท่านั้น!
เส้นสายภายนอก ลดบุคลิกของการเป็นหนุ่มวัย 40 ปีจากรุ่นเดิมลงมาอีก จนเหลือ
วัยราวๆ 35 – 36 ปี (เมื่อเทียบด้วยความเห็นส่วนตัวของผม เวลานี้ Accord เหมือน
หนุ่มอายุ 30 – 35 ปี ส่วน Camry ตอนนี้ดูจะกลายเป็นชายวัยกลางคนอายุ 40 ปีแทน
เส้นสายสวยงาม ลงตัวขึ้นยิ่งกว่าเดิม และมีบุคลิกสปอร์ตแฝงอยู่ ภายใต้แนวทาง
การออกแบบ Suggestive Aura ที่เน้นความปราดเปรียว ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วยไม่ได้ที่หลายคนจะเข้าใจว่า มันคือ “Sylphy ชุบแป้งทอด”
เพราะ คนไทยเห็นการเปิดตัวของ Sylphy เกิดขึ้นก่อน Teana ใหม่ จะมาถึง
บ้านเรา ทำให้ลูกค้าในเมืองไทย จึงคุ้นชินกับเส้นสายตัวถังของ Sylphy ก่อน
ทั้งที่ตามกำหนดการเปิดตัวในตลาดโลก ช่วงที่ผ่านมา Altima ถูกเปิดตัวให้ชาวโลก
ได้เห็นรูปโฉมกันก่อน ดังนั้น ผู้คนในตลาดโลกจะเข้าใจในประเด็นจังหวะเวลา
การเปิดตัว ตรงกันข้ามกับบ้านเรา และพวกเขาจะมองว่า Sylphy เป็นรถยนต์รุ่นที่
นำ Altima/Teana มาย่อส่วน
รถยนต์ 2 รุ่น เปิดตัว ในแต่ละภูมิภาคของโลก สลับเวลากัน ผู้บริโภคในแต่ละตลาด
ก็จะมองและเข้าใจแตกต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดา
การเข้า – ออกจากบานประตู คู่หน้า ทำได้ดีเป็นปกติ เช่นเดียวกับ Teana J32 แต่
แอบพบว่า ถ้าปรับเบาะนั่งให้อยู่ในระดับต่ำสุดด้วยกันทั้ง 2 คัน L33 ใหม่ จะต้อง
หย่อนก้นลงไปลึกกว่า J32 เดิม นิดนึง ไม่เยอะนัก
ส่วนการเข้า – ออกจากเบาะหลัง มีช่องประตูที่ใกล้เคียงพอกันกับ Teana J32 เดิม
ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยหนังล้วนๆ ไม่มีเบาะผ้าให้เลือก อย่างที่ตลาดอเมริกา
เขามีกัน อย่างไรก็ตาม มีเรื่องต้องแจ้งให้คุณผู้อ่านทราบไว้สักหน่อย ป้องกันความ
เข้าใจผิด
ในช่วงเปิดตัว จนถึงสิ้นปี เดือนธันวาคม 2013
รุ่น 2.0 XE และ 2.5 XV ภายในจะเป็นสีดำ
ส่วนรุ่น 2.0 XL 2.0 XL Navi และ 2.5 XV Navi ภายในจะเป็นสีเบจ
เหตุผลก็เพราะ ในช่วงนี้ Nissan ต้องการทดลองตลาด เพื่อดูความต้องการของลูกค้า
รวมทั้งยอดสั่งซื้อเข้ามาที่โรงงาน ว่าอยากได้ภายในห้องโดยสาร สีอะไรเยอะกว่ากัน
ดังนั้น ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2014 เป็นต้นไป หลังเปิดทำการปีใหม่
2.0 XE และ 2.5 XV จะมีภายในสีเบจ
และ 2.0 XL 2.0 XL Navi และ 2.5 XV Navi ภายในจะเป็นสีดำ
ในช่วงเปิดตัวจนถึงเดือนธันวาคมนี้ สามารถเลือกสีเบาะได้ตามใจชอบ จนกว่าจะถึงต้นเดือนมกราคม
เบาะหน้าฝั่งคนขับ ในรุ่น 2.5 XV Navi ปรับด้วยสวิชต์ไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม
ระบบจำตำแหน่งคนขับ Memory Seat 2 หน่วย แถมด้วย ระบบ เลื่อนถอยหลัง
เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับ แบบ Welcome Seat มาให้ ถือเป็นออพชันที่เพิ่มความ
หกรูหราไฮโซให้ Teana ขึ้นได้อีก แต่สวิชต์จำตำแหน่งเบาะนั่ง ถูกมือจับประตู
ด้านใน พร้อมสวิชต์ปรับและพับกระจกมองข้างด้วยไฟฟ้า บดบัง จนไม่สะดวก
ต่อการใช้งานเอาเสียเลย
เบาะนั่งคู่หน้า โดยรวมยังนั่งสบายอยู่ เพียงแต่ ไม่ได้ทำให้การร่างกายของคุณ
รู้สึกจมลงไปกับเบาะ อย่างที่รุ่น J32 เป็นอยู่ เหมือนจงใจออกแบบให้มีการ
ดันหลัง และดันก้น ของพนักพิง และเบาะรองนั่งมากขึ้น ขณะเดียวกัน ตัว
เบาะรองนั่งคู่หน้า ก็ยังสั้นไปนิดนึง พอกันกับ รถรุ่นเดิมอยู่ดี
ตำแหน่งวางแขน ทั้งบนแผงประตูหน้า และแผงคอนโซลกลาง นั่งได้สบายพอดีๆ
หากปรับเบาะให้อยู่ในตำแหน่งเตี้ยสุด รับรู้ได้เลยว่า มีความพยายามออกแบบให้
ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
สวิชต์กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ยกมาจาก Sylphy และ Pulsar ทั้งดุ้นเลยทีเดียว
เบาะนั่งคู่หลัง แบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40 เพื่อเปิดกว้างไปยังห้องเก็บของด้านหลัง
มีสายดึงปลดล็อกสลักพับเบาะจากห้องเก็บของด้านหลัง มีสายดึงสำหรับให้คุณหนูๆ
เอาตัวรอดจากการถูกขังลืมไว้ในห้องสัมภาระ
เบาะหลัง มีพนักพิงที่ มีฟองน้ำดันกลางหลัง นูนขึ้นมา เล็กน้อย เพื่อให้รองรับแผ่นหลัง
ได้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่งพิงหลังได้สบายขึ้น แต่เบาะรองนั่งนั้น สั้นกว่าเดิม แถมยังปาดขอบ
เบาะทั้งฝั่งซ้าย และขวา เพื่อหวังช่วยให้การเข้า – ออก สะดวกขึ้น แต่นั่นก็ทำให้ภาพรวม
ของเบาะหลัง นั่งไม่ถึงกับนุ่มสบายเท่า Teana J32
สิ่งที่ผมเป็นห่วงจนถึงขั้นต้องพุ่งเข้าไปทดลองด้วยตัวเองให้หายสงสัยก่อนเป็นอันดับแรก
นั่นคือ พื้นที่เหนือศีรษะ ของผู้โดยสารด้านหลัง เพราะจากภาพที่ ตาแพน Commander
CHENG ของเรา ไปทดลองนั่ง Altima ซึ่งจอดโว์อยู่ ณ สำนักงานใหญ่ของ Nissan ที่
Yokohama แล้วพบว่า หัวของพี่ท่าน ติดหลังคาจนต้องเอียงคอกะเท่เร่ออกมานั่น
ปรากฎว่า สำหรับผม และคนทั่วไป สูงราวๆ 175 เซนติเมตร และไม่ได้มีสรีระร่างใหญ่
เท่ากับตาแพน ไม่มีปัญหาศีรษะชนเพดานแต่ประการใด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โล่งอกไปเยอะ
แต่กระนั้น พื้นที่เหนือศีรษะ ของรถรุ่นใหม่ ดูเหมือนจะลดลงจาก Teana J32 ซึ่งโปร่ง
และโล่งสบายกว่านี้ เพราะสำหรับคนตัวสูง 171 เซ็นติเมตร อย่างผมแล้ว Teana ใหม่
มีพื้นที่ Headroom ด้านหลังเหลืออีก ราวๆ 3 นิ้วมือในแนวนอน
การวางแขนบนแผงประตูด้านข้าง ทำได้ดี กระจกหน้าต่างบานประตูคู่หลัง เลื่อนลงมา
ได้ไม่สุดขอบล่าง อย่างที่ควรเป็น ส่วนพนักวางแขน แบบพับเก็บได้พร้อมช่องวางแก้ว
แบบมีฝาปิดพลาสติกธรรมดา (ไม่ใส่แปะฝาด้านบนด้วยลายไม้) ก็วางได้พอดีถ้าคุณเป็น
คนที่มีช่วงแขนยาวปานกลาง แต่สำหรับคนที่มีช่วงแขนสั้นแบบผม อาจจะวางแขนแล้ว
ข้อศอกลอยขึ้นมานิดนึง ขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคน
ส่วนพื้นที่วางขา แน่นอนครับ กว้างขวางเหลือเฟือ พอๆกันกับรถรุ่นก่อนเลยนั่นละ
แต่ใครที่ใช้ Almera หรือ Sylphy และ Pulsar ใหม่ ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไป เพราะ
ถ้าลองนั่งดู พื้นที่ Legroom ของ ทั้ง 3 รุ่น ในตระกูล Nissan ก็ใหญ่โตไม่แพ้กันเลย
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มีมาให้ครบทุกรุ่นย่อย กระแสลมกระจายทั่วถึง
และฉ่ำไม่แพ้ด้านหน้า
แผงหน้าปัด ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในจุดขายของ Teana ทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมา ถูกปรับปรุงให้ลดระดับ
ความสูงลงมาจากเดิม จนเพิ่มการมองเห็นทัศนวิสัยหน้ารถ ได้ดีขึ้น ยิ่งเมื่อมีการออกแบบเสา
หลังคาคู่หน้า A-Pillar ใหม่ ยิ่งช่วยเพิ่มการกะระยะขณะขับขี่ ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับ J32
รุ่นเดิม
ช่องแอร์คู่กลาง คือสิ่งเดียว ที่ลดทอนความสวยงามในภาพรวมของทั้งแผงหน้าปัดไปอย่าง
น่าเสียดาย ถ้าออกแบบให้กลับมาดูสวยงาม และสอดคล้องกับภาพรวมของแผงควบคุมกลาง
มากกว่านี้ ก็จะได้ แผงหน้าปัดที่ดูดี หรูหรา ผสมความสปอร์ต โดนใจลูกค้าได้มากกว่านี้
และจะช่วยรักษาเสน่ห์ของานออกแบบแผงหน้าปัด ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ Teana รุ่นแรก
ได้อย่างน่าประทับใจกว่านี้
พวงมาลัย ทรง 3 ก้าน แบบใหม่ หุ้มหนัง ออกแบบมาให้จับกระชับมือ และจัดเรียงตำแหน่ง
สวิชต์ Multi Function ควบคุมการทำงานของระบบ ล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ระบบ หน้าจอ ระบบแสดงข้อมูลอัจฉริยะ (Advanced Drive-Assist Display: ADAD)
ซึ่งเป็นหน้าจอ 3 มิติ เชื่อมต่อกับระบบควบคุมบนพวงมาลัย จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่
สามารถมองเห็นได้เด่นชัดจึงไม่ต้องละสายตาจากถนน
เครื่องปรับอากาศแบบ อัตโนมัติ Dual Zone แยกฝั่ง ซ้าย – ขวา มีมาให้ครบทุกรุ่น ตั้งแต่
รุ่นถูกสุด 2.0 XE ขอยืนยันว่า เย็นฉ่ำได้เร็วมากๆ แม้ในวันที่สภาพอากาศภายนอกร้อน
ถึง 34 องศาเซลเซียสก็ตาม
ในรุ่น 2.0 XL Navi และ 2.5 XV Navi จะเพิ่มติดตั้งระบบนำทาง Navigation System ที่ใช้
Software แผนที่นำทาง จาก BOSCH เหมือนเช่นใน Sylphy กับ Pulsar มาให้เป็นพิเศษ
แต่น่าเสียดายว่า ไม่สามารถเล่นภาพยนตร์จากแผ่น DVD ได้ ด้วยเหตุผลด้านการป้องกัน
ความปลอดภัยขณะขับขี่
จุดเด่นของ Teana ใหม่ อยู่ที่ รารายการอุปกรณ์ มาตรฐานที่อัดแน่นมาจน “เกินพิกัด”
ตั้งแต่รุ่นถูกสุด 2.0 XE กันเลยทีเดียว เพื่อให้คุณผู้อ่าน เข้าใจได้อย่างง่ายๆ ขอสรุปให้
แบบคร่าวๆ ดังนี้
รุ่น 2.5 XV และ 2.5 XV Navi จะได้ชุดเครื่องเสียง ประกอบด้วย วิทยุ AM/FM พร้อม
เครื่องเล่น CD / MP3 / WMA 1 แผ่น ช่องเสียบ USB และ AUX in อยู่ที่ใต้แผงสวิชต์
เครื่องปรับอากาศ ติดตั้ง ลำโพง 9 ชิ้น พร้อม Sub-Woofer จาก BOSE
ขอยืนยันด้วยหูตัวเอง ในการฟังครั้งแรก และแค่เบื้องต้น ว่า จงลืมชุดเครื่องเสียง
ติดรถยนต์ของ JBL จาก Toyota Camry Hybrid รุ่นล่าสุด อันแสนห่วยแตก ทิ้งไป
ได้เลย!
ยืนยันว่า คุณภาพเสียง สมการรอคอย เกินระดับราคารถไปนิดหน่อยด้วยซ้ำ
ให้รายละเอียดเสียง ที่ผ่านการปรุงแต่งจนสมจริง กระหึ่มดุจ Home Theatre
ติดล้อ กันเลยทีเดียว! ขอแนะนำ “อย่างยิ่ง” ว่า ไปลองฟังกันซะ!
ระบบช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (ITS system) ประกอบด้วย…
– ระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (Lane Departure Warning)
ทำงานที่ความเร็ว 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป
– ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning)
ทำงานที่ความเร็ว 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป
– ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบรถ (Moving Object Detection)
ทำงานที่ความเร็ว 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบ ITS เซ็ตนี้ มีมาให้ตั้งแต่รุ่น 2.0XL คันละ 1,330,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็น
ปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ที่รถยนต์ระดับราคานี้ จะอัดอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย
ล้ำยุคเหล่านี้มาให้ แถมยังใช้งานได้จริง ไม่ได้มีไว้แค่โฆษณา
กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) มีให้ตั้งแต่ 2.0XL เหมือนกัน
กล้องมองหลัง (Rear View Camera) มีให้ตั้งแต่ 2.0 XE เลยทีเดียว
สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Sensors)
มีตั้งแต่ 2.0XL Navi เป็นต้นไป ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใส่มาให้ตั้งแต่ XE เลย
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (Dual SRS Airbags) ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)
และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Curtain Airbags) มีมาให้ครบทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่
2.0XE กันเลยทีเดียว!
– ระบบช่วยควบคุมทิศทางขณะเลี้ยว ATC (Active Trace Control)
– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
– ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC (Vehicle Dynamic Control)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System)
ทั้ง 4 ระบบนี้ มีมาให้ตั้งแต่รุ่นถุกสุด 2.0XE กันเลยทีเดียว
ส่วนบรรดาคิ้วโครเมียม รอบคัน ที่เห็นในรถคันทดลองขับนี้ เป็นอุปกรณ์เสริม ต้องสั่งพิเศษกันเอาเอง
ด้านขุมพลังในเวอร์ชันไทยนั้น จะมีให้เลือก 2 ขนาด ตามเคย จริงอยู่ แต่มีการเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญอยู่ไม่น้อย
รุ่น 200 XE 200 XL และ 200 XL Navi ยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส MR20DE บล็อก 4 สูบ
DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 84.0 x 90.1 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1
หัวฉีด EGI กล่องสมองกล ECCS พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC 136 แรงม้า (PS) ที่
5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร (19.4 กก.-ม.) ที่ 4,400 รอบ/นาที เหมือน
รุ่นเดิม เป๊ะ!
แต่รุ่น 250XV และ 250XV Navi ขุมพลัง VQ25DE บล็อกเดิม ถูกปลดประจำการทิ้งไป
แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ QR25DE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,488 ซีซี กระบอกสูบ
x ช่วงชัก 89.0 x 100.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC
กำลังสูงสุด ลดลงพรวด จาก 182 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที เหลือ 173 แรงม้า (PS) ที่
6,000 รอบ/นาที แต่แรงบิดสูงสุด เพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียว จาก 228 นิวตันเมตร (23.2 กก.-ม.)
ที่ 4,000 รอบ/นาที เป็น 234 นิวตันเมตร (23.8 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
เชื่อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน XTRONIC CVT
เหมือนเดิม แต่เป็นเกียร์ลูกใหม่ ที่มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ จาก 2.349 – 0.394 : 1
ให้กว้างขึ้นอีกเป็น 2.631 – 0.378 : 1 ส่วนเกียร์ถอยหลังมีอัตราทดอยู่ที่ 1.9601 : 1
นอกจากนี้ อัตราทดเฟืองสุดท้าย ของทั้ง 2 รุ่น ก็ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย โดยรุ่น 2,000 ซีซี
ทดไว้ 5.694 : 1 ถือว่าทดเฟืองท้ายให้ยาวขึ้น แต่มาเล่นที่อัตราทดพูลเลย์เกียร์แทน ขณะที่รุ่น
2,500 ซีซี จะทดไว้ที่ 4.829 : 1
เห็นความปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้ว หลายคนอาจตีโพยตีพายว่า การเปลี่ยนจากเครื่องยนต์
V6 มาใช้ แบบ 4 สูบเรียง วางเครื่องยนตืแนวขวางเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา อัตราเร่ง
น่าจะแย่ลงกว่าเดิม เพราะเห็นแค่ตัวเลขแรงม้า บนสเป็ก หายไปตั้ง 10 ตัว
เแต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้จะลดลง แต่ผมว่า มันไม่น่าเป็นห่วง อย่างที่คิดมากนัก
อย่างไรก็ตาม การทดลองขับ ช่วงสั้นๆของเรา ระยะทาง จาก ถนนรามอินทรา ไปออกวงแหวน
ถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวกลับที่ถนนลำลูกกา แล้วเดินทางมากลับรถอีกครั้งที่ ถนนเสรีไทย
ก่อนจะกลับมายัง โชว์รูม Nissan KrungThai รามอินทรา
ทั้งหมดนี้ ก็เพียงพอที่ผมจะบอกให้คุณผู้อ่านได้ทราบว่า…
อัตราเร่ง จาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง วัดมาแบบคร่าวๆ อุณหภูมิขณะจับเวลา อยู่ที่
34 องศาเซลเซียส ผู้โดยสารนั่งกันเต็ม 4 คน เติมน้ำมัน แก็สโซฮอลล์ E20 ของ ปตท.
(ซึ่งปกติ ผมจะไม่ใช้น้ำมันชนิดนี้ และไม่บรรทุกหนักขนาดนี้ รวมทั้ง ไม่ใช่เวลา
ช่วงกลางวันค่อนข้างบ่ายอย่างนี้ ในการทำรีวิว)
หากเข้าเกียร์ D อย่างเดียว ตัวเลข จะอยู่ที่ 10.29 วินาที
แต่ถ้าเข้าเกียร์ Ds และกดปุ่ม Sport ข้างคันเกียร์ เสริมเข้าไปด้วย ตัวเลขจะเร็วขึ้่น
เป็น 9.97 วินาที
บอกได้เลยว่า อัตราเร่งในโหมด เกียร์ D ปกติ จะเน้นการออกตัวนุ่มนวลเล็กๆ ยังพอ
มีอาการ Slip ของ Torque Converter หลงเหลืออยู่นิดๆ แต่ถ้าออกตัว ด้วยเกียร์ Ds
พร้อมกับกดปุ่ม Sport Mode ทันทีที่กดคันเร่งลงไปจนจมมิดในฉับพลัน ล้อคู่หน้า
จะเกิดอาการฟรีทิ้งนิดๆ แล้วพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว….
นั่ง 4 คน ยังออกตัวล้อฟรีได้นี่….ไม่ธรรมดานะ
ดังนั้น ใครจะห่วงเรื่องอัตราเร่งละก็ บอกได้เลยว่า มีแนวโน้มสูง ว่า Teana 2.5 ลิตร
ใหม่ จะแรงกว่า Accord 2.4 ลิตร อย่างแน่นอน แถมยังออกตัวได้ดีกว่า Teana J32
V6 2.5 ลิตร เดิมๆ แน่ๆ แต่ อาจทำตัวเลขออกมาได้ใกล้เคียงกับ Camry 2.5 ลิตร
ด้อยกว่ากันอยู่สักหน่อย ยังไม่ถึงขั้นเทียบชั้นได้เต็มที่ แต่ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันนัก
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขที่ออกมา เป็นเพียงแค่ บอกให้เห็นแนวโน้มที่รถรุ่นนี้จะทำได้จริง
ยังไม่ใช่ตัวเลขที่เราใช้สรุปอย่างเป็นทางการแต่อย่างใดทั้งสิ้น
การเร่งแซง ในช่วง 80 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ดี ฉับไว พอๆกัน ในระดับใกล้เคียง
กับ Teana J32 รุ่น V6 2.5 ลิตรเดิม แต่เสียดายว่า ไม่มีจังหวะในการจับเวลาแบบคร่าวๆ
มาให้ได้เห็นกัน
บุคลิกขณะเร่งแซง ทั้งในช่วงครึ่งคันเร่ง หรือเหยียบเต็มมิด ทะยานขึ้นไปอย่างนุ่มนวล
ทันใจ แต่มีความเป็นผู้ดี ไม่กระโชกโฮกฮาก คันเร่งในเกียร์ D จะตอบสนองแบบ
ค่อยเป็นค่อยไป ไวกว่า โหมดเดียวกัน ของคันเร่งไฟฟ้าใน Mercedes-Benz (ซึ่งนั่น
ก็ Lag เกิน และช้าไป)
แต่ทันทีที่คุณกดปุ่ม Sport เกียร์จะลากรอบเครื่อยนต์ ไปอยู่ในระดับ 3,000 รอบ/นาที
พร้อมให้คุณเรียกอัตราเร่งตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเติมน้ำหนักเท้าลงไปบนคันเร่ง
แม้เพียงนิดเดียว หรือเต็มตีน คันเร่งจะตอบสนองฉับไวอย่างยิ่ง ดุจคันเร่งไฟฟ้า
ของ Lexus IS ใหม่ หรือคันเร่งในโหมด Sport ของ Mercedes-Benz A-250
(ย้ำว่า เหมือนกัน เฉพาะ โหมด Sport ด้วยกันเท่านั้นครับ)
การเก็บเสียงในห้องโดยสาร เงียบสนิทมากๆ จนกล้าพูดได้เลยว่า เงียบชนิดที่ใกล้เคียง
กับ Mercedes-Benz S-Class ใหม่ล่าสุด ที่ผมไปลองขับมา ณ Toronto Canada ด้วยซ้ำ!!!
มันเงียบพอกันกับ Lexus LS เงียบกว่า Lexus GS ใหม่ และแน่นอน เงียบกว่า Accord
กับ Camry ใหม่ ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องวัดค่าเดซิเบล แค่เพียงลองนั่ง ในระยะทาง
เท่าๆกัน คุณก็รับรู้ได้ทันที ที่สำคัญ ต่อให้ใช้ความเร็วถึงระดับ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ก็ยังเงียบสนิทอยู่ เท่าๆกับ ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยนั่นละ!!!
ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า HEPS (Hydraulic
Electric Power Steering System) ซึ่งใช้กลไกผ่อนแรงด้วยน้ำมันไฮโดรลิก แต่ยังมีมอเตอร์
ไฟฟ้าช่วยควบคุมอีกแรงหนึ่ง ตอบสนองได้ ดีเกินความคาดหมาย
ลืมน้ำหนักพวงมาลัยของรถยนต์นั่ง Nissan ทุกรุ่นที่ขายในเมืองไทย ในช่วง 5 ปีมานี้ให้หมด!
นี่คือพวงมาลัยที่ผมชื่นชอบในน้ำหนักและการตอบสนองมาก ชนิดที่ไม่คาดคิดเลยว่า Nissan
จะยอมเซ็ตพวงมาลัยแบบนี้มาให้กับเขาเสียที
บอกไว้ก่อนว่า น้ำหนักพวงมาลัย หนืดและหนักแน่นกว่า Teana J32 เดิม นั่นแปลว่า มันยัง
หนืดและหนักกว่า พวงมาลัยของทั้ง Camry และ Accord ใหม่ (ที่พร้อมใจกันเบาโหวงแต่
คล่องแคล่วในการหมุนมากกว่ากันชัดเจน) ถ้าคุณเป็นคนชอบขับรถ และอยากได้พวงมาลัย
ที่ให้การบังคับเลี้ยวที่มั่นคง ไม่ไวเกินไป ไม่หน่วง และ ไม่ช้าเกินไป สมกับที่พวงมาลัย
ของรถยนต์นั่งขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ สมควรจะเป็น คุณจะชอบพวงมาลัย Teana ใหม่
แน่นอน!
ยิ่งในช่วงเดินทางด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง พวงมาลัย นิ่งใช้ได้ มั่นใจมาก
ปล่อยมือจากพวงมาลัยในช่วงความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ยังนิ่ง ไม่วอกแวก
หนักแน่น และไม่เบาหวิวแต่อย่างใด
แค่ว่า พวงมาลัยในรถคันที่เราทดลองขับ อาจเบี้ยวออกขวานิดนึง ซึ่งก็ปรับตั้งได้ไม่ยาก
ระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบ MacPherson Strut ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ Multi-Link
มีเหล็กกันโคลงมาให้ครบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มาในแนวนุ่มนวล แต่หนักแน่น
ซับแรงสะเทือนได้ดี แต่ยังคงให้สัมผัสที่รู้ว่า เรากำลังขับรถยนต์อยู่ ยังไม่ได้ลอยไป
บนพรมวิเศษของ Aladdin เพราะขณะขับขี่ บนรอยต่อพื้นปูนซีเมนท์ ยังพอสัมผัส
ได้ถึงการสะเทือนเล็กๆ น้อยๆ นิดหน่อย เท่านั้น แต่ในช่วงเดินทางไกล บนทางหลวง
พื้นผิวยางมะตอย ระบบกันสะเทือนยังถือว่า นุ่มกว่า Teana J32 นิดนึง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมมองว่า ช่วงล่าง ของ Teana ใหม่ ขณะขับขี่ทางตรงๆ ไม่ได้แตกต่าง
ไปจาก Camry กับ Accord มากนัก แต่ความหนักแน่นของพวงมาลัย และการซับ
แรงสะเทือนอย่างดีของช่วงล่าง ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง ได้มากกว่า
คู่แข่งทั้ง 2 ซึ่ง เน้นบุคลิก การเข้าโค้ง อย่างรวดเร็ว และฉับไวกว่า จนแอบเสียว
ว่า จะไวกันไปหน่อยหรือเปล่า?
ระบบห้ามล้อ เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ คู่หน้า มีรูระบายความร้อนมาให้ ติดตั้งระบบ
ป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD
(Electronic Brakeforce Distribution) และระบบเสริมแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน Brake
Assist มาให้ “ครบทุกรุ่น”
แป้นเบรกนุ่มนวล และมีน้ำหนักดี เหยียบได้อย่างต่อเนือง Linear หน่วงความเร็วได้ดี
มั่นใจมาก ทั้งในช่วงความเร็วต่ำ และความเร็วสูง แต่รถใหม่ๆ เพิ่งลงมาจากเทรลเลอร์
ก็ยังไม่อาจตัดสินอะไรได้มากนัก แปะโป้งไว้ก่อน
********** สรุป (เบื้องต้น) **********
Acoord มีปาดเหงื่อ แต่ Camry ถึงขั้นตาเหลือก!
ผมไม่แปลกใจที่ Nissan กล้าเลือกใช้วลีที่ว่า Your Masterpiece มาเป็นสโลแกน
ในงานโฆษณาของ Teana ใหม่ L33 คันนี้ เลยจริงๆ
เพราะสิ่งที่ตัวรถพยายามแสดงศักยภาพออกมาให้ผมได้สัมผัสในเบื้องต้น บอกได้เลย
ว่า มันมีหลายความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น มากมาย และแสดงให้เห็นเลยว่า งานนี้
Nissan ทำการบ้านมาดีมากกว่าที่ทุกนจะคาดคิดกันเสียอีก
ตั้งแต่การกระหน่ำอัดออพชัน มาให้ชนิดที่หลายคนตั้งคำถามเลยว่า จะเหลือกำไร
ต่อคัน เข้าบริษัทกันสักเท่าไหร่เชียว แล้วคู่แข่งที่เหลือ จะงัดกลยุทธ์อะไร มาแย่งชิง
ใจลูกค้า ไปจาก Teana ใหม่กันบ้าง?
การเปลี่ยนมาใช้ขุมพลัง 4 สูบ กลับกลายเป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะมีแนวโน้มว่า
การออกตัว อาจจะทำตัวเลขได้ดีกว่า Teana J32 V6 2.5 ลิตร เหมือนเดิม หนำซ้ำ ยังมี
แนวโน้มว่า อาจประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
ดูแล้ว งานนี้ Honda Accord อาจจะมีเหงื่อตกเหงื่อแตกกันบ้าง เพราะอุตส่าห์ท่องตำรา
เตรียมตัวมาดี แต่สุดท้ายต้องมาเจอไม้ตาย ของอดีตลูกหม้อ Honda ที่ย้ายค่ายข้ามฟาก
ไปทำงานที่ Nissan กันจนได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
แต่เจ้าตลาดอย่าง Toyota อาจถึงขั้นจะต้องเรียกประชุมสุมหัวกันยกใหญ่เลยทีเดียวว่า
รุ่นปรับโฉม Minorchange ของ Camry และ Camry Hybrid ในปี 2014 จะเอาอะไรมา
พะบู๊สู้กับเขา (นอกจากเรื่องความแพร่หลายของศูนย์บริการ และความแข็งแกร่งของ
แบรนด์ Toyota ที่ตนยังมีอยู่)
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางเรื่องที่น่าจะปรับปรุงกันได้อยู่ต่อไป ทั้งเรื่องจิปาถะ เช่น
งานออกแบบช่องแอร์ ที่ลดเสน่ห์ในงานออกแบบแผงหน้าปัด ไปอย่างน่าเสียดาย
หรือจะเป็น ตำแหน่งสวิชต์ Memoy Seat ที่ต้องถามคนออกแบบเลยว่า หมดปัญญา
หาตำแหน่งติดตั้งกันแล้วหรือยังไง?
แต่นอกนั้น ระยะเวลาที่ได้สัมผัสกับรถ แค่เพียง 1 ชั่วโมง ยังไม่มากพอที่จะค้นหา
ข้อควรปรับปรุงของ Teana ใหม่ได้ทั้งหมด เราต้องการเวลาเพื่อพิสูจน์ให้มากกว่านี้
เจอกันอีกที แบบถึงน้ำถึงเนื้อ ใน Full Review…ซึ่งยังไม่ต้องมาถามนะ ว่าเมื่อไหร่
เพราะตั้งใจว่า Full Review ของ Camry จะต้องคลอดออกมาก่อน Teana แน่ๆ
แหงละ…อุตส่าห์ดองมาตั้งหนึ่งปี รอเพื่อให้ 2 รีวิวนี้ คลอดออกมาชนกันนี่หว่า!
—————————–///—————————
ขอขอบคุณ
คุณพิสิทธิ จันเสรีกุล
กรรมการบริหาร
บริษัท สยาม นิสสัน กรุงไทย จำกัด
www.facebook.com/nissankrungthai
เอื้อเฟื้อรถทดลองขับ และอำนวยความสะดวกในทุกด้านอย่างดียิ่ง
—————————————
J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
22 ตุลาคม 2013
Copyright (c) 2013 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
October 22nd,2013
แสดงความคิดเห็นเชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome CLICK HERE!