วันอังคาร ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013
ลานทดลองรถ รูปวงกลม สนาม Twin Ring Motegi
จังหวัด Tochigi ประเทศญี่ปุ่น
10.45 น.
สายลมหนาวในวันฟ้าใส พัดโบกมาให้ผิวกายหนาวสั่นสะท้านไปถึงทรวง อุณหภูมิในวันนั้น
มีตั้งแต่ -1 จนถึง 5 องศาเซลเซียส เพียงแค่ช่วงเช้า 2 ชั่วโมง เปลี่ยนแปลง แปรผันได้ขนาดนั้น
ญี่ปุ่น ประเทศนี้ ผมเดินทางมาเยือน…เอ่อ กี่ครั้งแล้ววะ..ได้ข่าวว่าเยอะครั้งอยู่นะ
แต่ไม่เคยเจอครั้งไหนที่หนาวขนาดนี้ ทั้งที่ยังไม่ต้องขึ้นไปถึง ฮอกไกโด
นอกเต๊นท์ชั่วคราว สำหรับต้อนรับสื่อมวลชนกว่า 20 ชีวิตจากเมืองไทย ริมขอบสนามทดลองขับ
ผมเอ่ยคำถาม กับ พี่ชายอีกคนหนึ่ง ที่ยืนหนาวอยู่ข้าง…..
“พี่พิทักษ์ ครับ ลองขับมาแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ก่อนหน้านี้ ผมลองขับเปรียบเทียบกันทั้งกับรถรุ่นเดิม และคู่แข่งนะ..ผมรักมันเลยละ!”
ถึงขั้นนั้นกันเลยเหรอ!
ก่อนบินมาถึงญี่ปุ่น ใครบางคนบอกกับผมว่า รถรุ่นนี้ คือรถที่คนใน Honda หมายมั่นปั้นมือ
ว่าจะออกมารับมือกับทั้ง Toyota Camry ใหม่ และ Nissan Teana ใหม่ ได้อย่างดี ถือ
เป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่พวกเขาตั้งความหวังกับมันไว้มาก โดยเฉพาะ ด้านยอดขาย
ตอนนี้ รถยนต์คันที่พวกเขาคาดหวังไว้นั้น จอดอยู่ตรงหน้าผมแล้วละ จอดห่างจากตัวผมไป
ไม่เท่าไหร่ แค่เดินไปไม่เกิน 20 ก้าว ก็ถึง
ผมเองก็รอโอกาสนี้มานานแล้วเหมือนกัน โอกาสที่จะได้ทดลองขับรถรุ่นนี้ก่อนใคร เพียงแต่
ไม่นึกว่า จะต้องนั่งเครื่องบิน A380 ของสายการบินไทย 6 ชั่วโมง มาลงที่สนามบิน นาริตะ
แล้วต้องนั่งรถบัส มายังเมืองในหุบเขา Motegi จนถึงสนามแห่งนี้ นอนค้างในโรงแรมของ
ทางสนามอีก 1 คืน เพื่อที่จะตื่นเช้ามา ได้ลองขับกันร่วมกับสื่อมวลชนไทยอีกกว่า 20 ชีวิต
ที่กำลังยืนรับไออุ่นจากเครื่องทำความร้อน ในเต๊นท์ชั่วคราวที่สร้างขึ้นเพื่อต้อนรับเราในคราวนี้
โดยเฉพาะ กันอย่างนี้
แปลกสถานที่ไปสักหน่อย แต่ประสาทสัมผัสในร่างกายผม พร้อมจะใช้ทุกเสี้ยววินาทีที่มี
ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เก็บอาการของตัวรถ ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อสรุป
เป็นภาพรวมเบื้องต้น ว่า Accord ใหม่ มีแนวโน้มจะมอบอะไรให้คุณได้ประสบพบเจอ
บนหลังพวงมาลัยกันบ้าง
บอกกล่าวกันไว้ตรงนี้ก่อนว่า ภาพถ่ายทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ฝีมือของผม หากแต่เป็นของช่างภาพ
ชาวญี่ปุ่น ร่างสันทัดผอมเกร็ง วัย น่าจะอยู่แถวๆ 50 ปี ซึ่งน่าจะมีฝีมือดีพอสมควร ที่ถูกจ้าง
มาช่วยบันทึกภาพให้พวกเราในครั้งนี้ ดังนั้น ภาพในช็อตปกติ จึงอาจจะมีไม่ครบ และผม
“จำเป็น” ต้องใช้ภาพถ่าย Studio Shot สำหรับการทำ Catalog รวม 3 ภาพ ทั้งห้องโดยสาร
แผงหน้าปัด และ เครื่องยนต์ เพื่อทดแทนภาพถ่าย ที่ทาง Honda ไม่ได้จัดเตรียมส่งมาให้
ดังนั้น จำนวนภาพถ่ายจะน้อยกว่า ที่คุณมักพบในรีวิวฉบับ First Impression ในมาตรฐาน
ที่ผมจะต้องบันทึกภาพเองตามปกติ
จึงเรียนมาเพื่อทราบไว้ล่วงหน้า ป้องกันการเข้าใจผิดกัน
แต่ถึง ผมจะไม่ได้ถ่ายภาพด้วยตัวเอง กระนั้น ก็ไว้ใจได้ว่า คุณลุงช่างภาพ จะบรรจงเก็บ
บันทึกภาพของ Accord มาให้ในมุมที่สวยงามของตัวรถ อย่างที่เห็นอยูนี้ ได้อย่างสบายๆ
นับตั้งแต่คลอดออกสู่ตลาดครั้งแรก เมื่อปี 1976 จนถึงวันนี้ Honda พัฒนา Accord ออกขาย
มาแล้วรวมกัน 8 เจเนอเรชัน รวมยอดขายเมื่อสิ้นปี 2012 สิริรวมแล้ว มากถึง 19.14 ล้านคัน!
ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า Accord คือ หนึ่ในรถยนต์รุ่นสำคัญ รุ่นหลักของ Honda ที่พวกเขา
ต้องใส่ใจ มากเป็นพิเศษ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องพัฒนารุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่กันในแต่ละครั้ง
ความสำคัญที่ว่า ถึงขั้นติด 1 ใน 4 รถยนต์รุ่นสำคัญของบริษัท (Fit/Jazz , Civic , Accord ,
CR-V) กันเลยทีเดียว!
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เจเนอเรชันที่ 9 ของ Accord ใหม่ ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นภายใต้
แนวคิด “Excel in all Areas” นั่นคือ การนำรถรุ่นเดิม มาปรับปรุงในจุดด้อยต่างๆให้ดีขึ้น
ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ และต้องเหนือชั้นยิ่งกว่าคู่แข่งสำคัญ อย่าง Toyota Camry ให้จงได้
แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ Honda บอกว่า พวกเขามุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพมากเป็นพิเศษ
ไม่เว้นแม้แต่การเลือกใช้วัสดุในห้องโดยสาร ที่มีพื้นผิวสัมผัสต่างๆ ดีขึ้น ไปจนถึงการ
ใส่ใจในรายละเอียการประกอบมากขึ้นยิ่งกว่าทุกรุ่นที่มีมา
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากใครเห็นรูปลักษณ์ของ Accord ใหม่ แล้วบอกว่า มันก็
ไม่ได้ต่างไปจากรุ่นเดิมมากนัก ทั้งที่จริงๆแล้ว ก็ต่างกันเยอะอยู่แทบทั้งคัน เพียงแต่มีการ
ปรับเส้นสาย ให้ดูลงตัวขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดยเฉพาะด้านหน้า และบั้นท้าย
ในรุ่นท็อปของบ้านเรา 2.4 TECH ซึ่งอัดแน่นด้วยสารพัดออพชันมากที่สุด คันที่เห็นอยู่นี้
จะมาพร้อมกับ กระจังหน้าที่ดูดีกว่าเดิม ชุดไฟหน้า ติดตั้ง ไฟส่องส่วางสำหรับการขับขี่
เวลากลางวัน Daytime Running Light เป็น LED ขอบเสาประตูกลางรถสีดำหรูแบบใหม่
Piano Black ชุดไฟท้ายแบบ LED และระบบควบคุมประตูที่ Honda บอกว่า “อัจฉริยะ”
แถมด้วยไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ Active Cornering Light (ACL) เพิ่มความสว่าง
ขณะเลี้ยวรถในเวลากลางคืน
ขณะที่ผมเอง แอบเล็งว่า ชุดไฟท้ายขอฝง Accord ใหม่นั้น แม้จะสวยกว่าเดิมมาก แบบ
ไม่ต้องเถียงอะไรกันอีก กระนั้น บางมุม มันกลับดูคล้าย ชุดไฟท้ายของ Hyundai Genesis
อยู่บ้างเหมือนกันนะเออ!
พี่พิทักษ์ ฟังผมพูดเรื่องนี้ แล้วขำก๊าก “เฮ้ย แต่ผมพูดแบบ ไม่เข้าข้างนะ ยังไงๆ ไฟท้าย
Accord ใหม่ ก็สวยกว่าอยู่ดีวะ!”
ผมโอเคนะ แต่เรื่องงานออกแบบ มันเป็นเรื่องที่ “แล้วแต่ผู้คนเขาจะมองกันเลยจริงๆ”
รายละเอียดวิศวกรรม คร่าวๆ ที่คุณควรทราบกันไว้ก่อนก็คือ เนื่องจากทีมวิศวกรมองว่า รถรุ่น
ก่อนหน้านี้ มีขนาดตัวถังยาว และใหญ่โตเกินความจำเป็น จนส่งผลต่อการบังคับควบคุมรถที่
ขาดความคล่องแคล่ว ไปสักหน่อย
ทำให้พวกเขาเลือกจะหั่นความยาวตัวถังของ Accord ใหม่ ให้สั้นลงกว่ารุ่นเดิม มากถึง ราวๆ
90 มิลลิเมตร เหลือ 4,860 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร มาอยู่ที่ 1,850 มิลลิเมตร ความสูง
จะลดลงมา 10 มิลลิเมตร เหลือ 1,455 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ ก็จะสั้นลงอีก 25 มิลลิเมตร เหลือ
2,775 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นครั้งแรกในการพัฒนา Accord ใหม่ ที่ทีมวิศวกรตั้งใจทำรถออกมา
ให้เล็กลงกว่ารุ่นเดิม แต่ยังคงรักษาขนาดห้องโดยสารให้ยาวขึ้น เพิ่มพื้นที่วางขา ยาวขึ้นอีก
15 มิลลิเมตร เพิ่มระยะวางขา 35 มิลลิเมตร แต่มีพื้นที่ห้องเก็บของ เท่าเดิม ได้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบขึ้นภายใต้แนว Luxurious Modern Interior คือทำอย่างไรก็ตาม
ให้ดูหรูและมีระดับเพิ่มมากขึ้น แต่ยังต้องรักษาขนาดให้เท่าๆรุ่นเดิม หรือถ้าเพิ่มขึ้นได้ก็ยิ่งดี
เบาะนั่ง คู่หน้า ปรับด้วยสวิชต์ไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง มีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง
ของผู้ขับขี่ (Memory Seat) มาให้ ขณะที่เบาะฝั่งผู้โดยสารจะปรับได้ 4 ทิศทาง โครงสร้างของเบาะ
ถูกออกแบบให้ รองรับสรีระได้ดีขึ้น ขณะที่เบาะรองนั่ง ก็มีความยาวในระดับกำลังดี พนักศีรษะ
และพื้นที่ซัพพอร์ตไหล่ ปรับปรุงมาดีขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน เบาะนั่งด้านหลัง ผมยังคง ผุดลุกผุดนั่ง ได้ดีเท่ารุ่นเดิม เบาะรองนั่ง ยาวพอดีกับ
ช่วงขาของผมเป๊ะ แต่อาจสั้นไปนิดหน่อย สำหรับคนที่มีช่วงขายาว ส่วนหนังที่หุ้มเบาะ แม้ว่า
Honda จะยังคงเลือกใช้ SAB (Summit Auto Body) รับผิดชอบการทำเบาะนั่งตามเดิม
แต่วัสดุ ที่เลือกใช้ ก็ดีขึ้น ให้สัมผัสที่ละมุนขึ้นกว่าเดิมนิดนึง และมีฟองน้ำที่นั่งสบายขึ้น ไม่รู้สึกว่า
แข็งปั๋งอย่างแต่ก่อน พื้นที่วางขา สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ยังคงมีมากมายเหลือเฟือ แบบ
ไม่ต้องห่วงกันตามเดิม ขณะที่ พื้นที่เหนือศีรษะ ก็ยังมีเหลือให้สอดนิ้วมือแทรกตรงกลาง
ได้อีก 2-3 นิ้วในแนวนอน
ทันทีที่ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ ผมแอบคิดเหมือนกันว่า แผงควบคุมตรงกลาง ที่เคยอุดม
ไปด้วยสารพัดปุ่มกดใช้งานยากเย็นนั้น วันนี้ถูกแทนที่ด้วย งานออกแบบที่ช่วยให้ใช้งานง่าย
กว่าเดิมนิดหน่อย กรอบช่องแอร์กลาง ชวนให้นึกถึง บรรยากาศใน Volkswagen ระดับ Premium
รุ่นใหม่ๆ จำพวก Passat อยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่ Honda ก็ยังคงนำ สารพัดจอมอนิเตอร์มาให้
เราได้ดูกันขณะขับขี่ เยอะอีกตามเคย เฉพาะรุ่น 2.4 TECH นี่ก็ปาเข้าไป 3 จอแล้วเถอะ เป็นรอง
แค่ Civic ใหม่ เท่านั้นเลย
Honda บอกว่า พวงมาลัย คือสิ่งที่ผู้ขับขี่สัมผัสบ่อยที่สุด ดังนั้น ในรถรุ่นใหม่ พวกเขาจึงเน้น
ความประณีตในการตัดเย็บและสอยด้ายเชื่อมติดกัน (New Chain Stritch) ให้มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งเอาเข้าจริง ผมไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเลยแหะ
แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ พวงมาลัย มีปุ่มควบคุมเยอะขึ้นมาก และมีสารพัดเทคโนโลยีติดตั้งมาเพียบ
ทั้งระบบ Collision Mitigation Brake System (CMBS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์
พร้อมระบบช่วยเบรก ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว เมื่อรถคันหน้าอยู่ใกล้เกินไป และถ้า
หน้ารถ ชิดกับบั้นท้ายรถคันข้างหน้ามากไป ระบบ CMBS จะสั่งเบรกอย่างเต็มที่เพื่อลดความ
รุนแรงในการชน
ใต้กระจกมองข้าง มีกล้อง Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ขึ้นบน
จอมอนิเตอร์ 8 นิ้ว ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย แต่ไม่ยักมีสัญญาณ
ไฟเตือน เหมือนอย่างระบบ BLIS ใน Volvo ซึ่งนั่นน่าจะช่วยเตือนผู้ขับขี่ได้ดีกว่า
นอกจากนี้ยังมี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
ให้เรดาห์ตรวจจับความเร็วของรถคันหน้าและควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม ระบบ ACC จะ
ลดความเร็วของรถยนต์ลงโดยอัตโนมัติ เมื่อรถคันหน้า เริ่มชะลอความเร็ว เพื่อรักษาระยะห่าง
ในระดับที่ปลอดภัย และจะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นกลับสู่ระดับปกติโดยอัตโนมัติเมื่อรถคันหน้า
เคลื่อนที่รวดเร็วขึ้น คุณสามารถเลือกปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติของรถให้แปรผันตามระยะห่าง
จากรถคันหน้าได้ 4 ระดับ โดยเรดาห์มีรัศมีการตรวจจับความเร็วที่ระยะทางราว 91.44 เมตร
หรือ 100 หลา
ส่วนจอ มอนิเตอร์สี TFT 8 นิ้ว นั้น ยังแสดงผลทั้งระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation
System พร้อม ชุดเครื่องเสียง ประกอบด้วย วิทยุ AM/FM กับ เครื่องเล่น CD ที่สามารถรองรับ
แผ่น CD-R ซึ่งบันทึกไฟล์ MP3 พร้อมฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง (HDD Audio) และ
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth จากโรงงาน ในรุ่นท็อปจะมี ลำโพงทวีตเตอร์
ติดตั้งที่เสาประตูคู่หน้ามาให้อีก 2 ชิ้น
รวมทั้งยังแสดงผลให้กับกล้องส่องภาพด้านหลัง Multi-angle Rearview Camera ปรับมุมมอง
ได้ถึง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย สามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ
130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน อีกทั้งยังมีเครื่องปรับอากาศแบบแยกฝั่งซ้าย-ขวา
Dual Zone มาให้ พร้อมทั้งระบบกุยแจแบบ รีโมท Smart Keyless Entry ติดเครืองยนต์ด้วยปุ่ม
Push Start “ทุกรุ่น” กับเขาซะที!
ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยนั้น คราวนี้ จัดเต็มมาให้ครบ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual i-SRS
ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า i-Side Airbag พร้อมม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA ระบบ
กุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS แบบใน
รถยุโรป ก็มีมาให้แล้ว!
เห็นออพชันแล้ว จัดเต็มกันไม่ให้น้อยหน้าคู่แข่งเลยทีเดียว!
ขุมพลังของ Accord ใหม่ เวอร์ชันไทย จะถูกลดลงเหลือเพียง 2 แบบ โดยรุ่น V6 3.5 ลิตร
ถูกตัดออกไป เพราะไม่คุ้มต่อการทำตลาด เนื่องจากยอดขาย น้อยมากๆ โดยจะมีให้เลือก
ดังนี้
รุ่น 2.4EL, 2.4EL (Navi) และ 2.4 TECH จะวางเครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,356 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 87 x 99.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.1 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว
i-VTEC 174 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร (23.0 กก.-ม.ที่ 4,000
รอบ/นาที
ถึงแม้เป็นเครื่องยนต์ใหม่ แต่ก็เป็นการนำเครื่องยนต์เดิมมาปรับปรุง ให้สอดรับกับแนวการ
พัฒนากลุ่มเทคโนโลยี เพื่อสิ่งแวดล้อม EARTH DREAM เน้นความประหยัดน้ำมันมากขึ้น
อาทิ ลดน้ำหนักเครื่องเดิมลง 4.5 เปอร์เซนต์ ลดแรงเสียดทานในระบบเครื่องยนต์ ฯลฯ (แต่
กลับไม่ติดตั้งระบบหัวฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้แบบ Direct Injection มาให้เหมือนเวอร์ชัน
อเมริกาเหนือด้วยเลย เนี่ยสิ!)
ส่วนรุ่น 2.0EL และ 2.0EL (Navi) จะยังคงใช้เครื่องยนต์ R20A บล็อก 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว
1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 81.0 x 96.9 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 พร้อมระบบ
แปรผันวาล์ว i-VTEC เวอร์ชันเดียวกับ CR-V 2.0 ลิตรใหม่ 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด ถูกปรับแต่งมาให้เติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้แทบทุกประเภทในตระกูลเบนซิน
จนถึง Gasohol E85 กันเลยทีเดียว และแน่นอนครับ ทั้งคู่ ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ผ่าน
เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ…
เฮ้! เดี๋ยวนะ จนป่านนี้ Honda ยังไม่มีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มาให้กันอีกเหรอ? มัวไปทำอะไร
กันอยู่เนี่ย? จริงอยู่ละว่า ถ้าสมรรถนะมันยังดี การทำงานมันยังดี ก็ยังไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลง
และคิดถูกแล้วที่ไม่เอา เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT จากเวอร์ชันอเมริกา เข้ามาติดตั้ง
ให้ในเวอร์ชันไทย แต่ในเมื่อตอนนี้ โลกเขาก้าวไปอีกสเต็ปแล้ว ในกรณีของ Accord ถ้าเซ็ต
อัตราทดเกียร์กันดีๆ คุณยังจะเรียกความประหยัดจากเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ได้เพิ่มอีกด้วย!
จะรอไว้ เจเนอเรชันต่อไปหรือยังไงละเนี่ย? นั่นมันก็อีกตั้ง 5 ปีข้างหน้าเลยเชียวนะ!
ในการทดลองขับนั้น Honda ใช้วิธีจัดลำดับตามคิว โดยผมได้รับเลือกให้ขับเป็นคนสุดท้ายในรอบเช้า
ขับคนละ 3 รอบ สนามวง (เกือบจะ) กลม แต่เมื่อเวลาเหลือมากพอ ทาง Honda ก็ถามว่า มีใครสนใจ
จะลองขับอีกไหม ผมก็รีบแจ้งทันทีว่า ขอขับต่ออีกครั้ง ก็เลยได้ลองขับอีก 3 รอบ รวมทั้งสิ้น 6 รอบ
เป็น 6 รอบที่ ยังไม่มากพอให้เรียนรู้อาการของรถทั้งคัน แต่มันก็มากพอให้ผมได้รับรู้ว่า อัตราเร่งนั้น
มีแนวโน้มว่า จะเท่าๆกันกับ Accord 2.4 รุ่นเดิม (G8) ขณะที่การตอบสนองของคันเร่งนั้น ทำได้
ไวกำลังดี พอกันกับ Honda Civic FB และ CR-V ใหม่ คือ แตะคันเร่งปุ๊บ รอไม่เกิน เสี้ยววินาที
รอไม่นาน เครื่องยนต์ก็เริ่มเรียกพละกำลังส่งออกมาเร่งความเร็วให้ทันใจดี อย่างว่าครับ ระบบ
ลิ้นคันเร่งไฟฟ้า Drive By Wire มันก็ต้องมีช่วงจังหวะ Lag ของมันนิดนึงเสมอ แต่ คันเร่งของ
Accord นี่ถือว่า เหลือน้อยมากๆแล้ว ทำได้ดีในจุดนี้
สิ่งที่ผมอยากให้คุณๆ สังเกตกัน เมื่อยามได้ลองขับ Accord ใหม่คือ การตอบสนองของพวงมาลัย
แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมผ่อนแรงด้วยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า และระบบควบคุมการบังคับทิศทางของ
พวงมาลัย (Motion Adaptive Electric Power Steering System หรือ MA-EPS) มาให้ด้วย
เหมือนใน CR-V ใหม่ กับ Civic FB ใหม่อีกนั่นแหละ
งิธีการทำงานของระบบนี้ ก็เข้าใจไม่ยาก ระบบจะช่วยเพิ่มอาการ ขืนพวงมาลัย ให้ผู้ขับขี่มากขึ้น
ถ้าเลี้ยวเข้าโค้งขวา พวงมาลัยจะพยายามขืนตัวมาทางซ้ายให้มากขึ้นนิดๆ ให้พอดีกับการหักเลี้ยว
ของผู้ขับขี่ และยิ่งถ้า ติดตั้งกับรุ่น 2.0 ลิตร ซึ่งมีระบบสารพัดตัวช่วย ระบบ EPS ก็จะประสาน
การทำงานเข้ากับระบบ VSA ทั้งหมด เพื่อคำนวน หาการหมุนพวงมาลัยที่เกิดขึ้น กับความเร็ว
ของรถ แถมยังเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ของ ABS เพื่อดูว่าจะต้องช่วยส่งแรงต้าน ไปขืนพวงมาลัย
ขณะรถเสียหลัก แค่ไหน
พวงมาลัยมีน้ำหนักในช่วงความเร็วต่ำ เบาแต่แอบดึงมือนิดๆ ไม่มากนัก เบากำลังดีแล้ว ถ้าจะต้อง
หักหลบกรวยไพลอน ซิกแซกไปมา ที่ความเร็ว 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง บอกเลยว่า ทันทีที่สั่งให้เลี้ยว
ไปในทิศทางไหน รถจะเลี้ยวไปทางนั้นทันที ไม่มีอิดออด และการเลี้ยวจากซ้ายไปขวานั้น เกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่องแบบ Real Time ตามใจสั่งของคนขับมากกว่ารถรุ่นก่อนๆ และการตอบสนองคล้ายกับ
พวงมาลัยของ CR-V มากๆ อีกทั้งยังบังคับเข้าโค้งในความเร็วไม่เกิน 70-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ดี
ระบบกันสะเทือนหน้าเปลี่ยนมาใช้แบบ แม็คเฟอร์สันสตรัต ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ มัลติลิงค์ ถูก
ออกแบบให้มีน้ำหนักลดลงถึง 15.2 กิโลกรัม มีการเปลี่ยนมาใช้ บุชยางแบบ Hydro Compliance
bushing ลดแรงสั่นสะเทือนลงได้เยอะ ฯลฯ
เสียดายว่า ในตอนขับขี่จริง พื้นผิวสนามที่เราทดลองขับนั้น เรียบมาก ยางมะตอยค่อนข้างดี ดังนั้น
เราจึงยังไม่เห็นการตอบสนองของช่วงล่างมากมายไปกว่าอาการ “เอาอยู่” ขณะที่หักเลี้ยวเข้าโค้งซ้าย
แบบตวัดฉับ ที่ความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง สัมผัสด้เลยว่า ด้วยการทำงานร่วมกันที่ดีระหว่างช่วงล่าง
และพวงมาลัย ช่วยให้ Handling ของรถดีขึ้นนิดหน่อย แต่เพิมความคล่องแคล่ว ฉับไวในการควบคุม
เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ยิ่งในช่วงขับซิกแซก หลบกรวยไพลอนไปมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่า การทำงาน
ของช่วงล่าง เกิดขึ้นอย่างฉับไว และซับอาการเอียงตัวของรถไว้ได้ดีกว่าที่คาดนิดหน่อย ทั้งที่เป็นรถ
ขนาดใหญ่ และมีระยะฐานล้อกว้างด้วยซ้ำ
ระบบห้ามล้อ เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ คู่หน้า มีรูระบายความร้อน มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS
(Anti-Lock Braking System) และระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนักบรรทุก EBD (Electronic Brake
Force Distribution)ยังคงให้การหยุดรถที่นุ่มนวล แป้นเบรก มีน้ำหนักกำลังดี และไม่ตื้น ไม่ลึก จน
เกินไป แต่อย่างว่าครับ รถคันนี้ เป็นรถใหม่มากๆ และเป็นรถทดลองขับ แบบ Final Prototype ดังนั้น
เรื่องการตอบสนองของระบบเบรก และช่วงล่าง ไว้รอขับจริง ยาวๆ ที่เมืองไทยกันอีกทีจะดีกว่า
********** สรุป (เบื้องต้น) **********
Accord คันเดิม แต่เพิ่มความคล่องแคล่ว มากขึ้น
ระยะทางทั้งหมด 6 รอบสนามวงกลม ขนาดพอกันกับ สนามซ้อมฟุตบอล ของโรงเรียนใจกลาง
กรุงเทพมหานคร นั้น มันสั้นจนพอจะบอกสัมผัสที่ผมได้รับจาก Accord ใหม่ ได้ไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่ง ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปตามที่ผมคาดหมาย
Accord ใหม่ ถูกสร้างขึ้นโดยเน้นการปรับปรุงรถยนต์รุ่นเดิม ให้ดีขึ้นในจุดที่มันยังบกพร่องอยู่
แนวทางนี้ ก็ดูจะไม่ต่างอะไรกันกับ Honda Civic FB และ Honda CR-V ใหม่ ที่มีบุคลิกคล่องตัว
มากขึ้น ขับง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นก่อนของ ทั้งคู่
Accord ใหม่ ก็มาในแนวทางนี้เช่นเดียวกัน การบังคับเลี้ยวคล่องขึ้นนิดหน่อย ฉับไวขึ้นชัดเจน
น้ำหนักพวงมาลัยที่เหมาะสมดีแล้วในย่านความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมความนิ่ง
กำลังดี ทุกอย่างดูเหมือนว่าผสมผสานกันลงตัวยิ่งขึ้น การเก็บเสียงที่ฟังดูราวกับว่าน่าจะเงียบขึ้น
และบรรยากาศในห้องโดยสาร ที่โปร่งสบาย ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ดูสับสนอลหม่านเหมือนรุ่นเดิม
แต่ผมยังชื่นชอบน้ำหนักพวงมาลัยของ Accord รุ่นปัจจุบันอยู่ จนทำให้แอบคิดสงสัยแต่เพียง
ลำพังว่า แล้วการตอบสนองของพวงมาลัยในย่านความเร็วสูงละ? จะเป็นอย่างไร มันจะยังคง
นิ่งสนิทขณะขับขี่อยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป หรือไม่?
อีกทั้งการปรับลดแรงม้าลงมาจากเดิม จะส่งผลต่ออัตราเร่ง มากน้อยแค่ไหน ตัวเลขที่จับเวลา
จะยังคงเหมือนเดิม ดีขึ้นหรือด้อยลงกว่าเดิมอย่างไร? ประสิทธิภาพของรถในภาพรวม จะ
ดีขึ้น ดังที่ผู้คนมากมายกำลังคาดหวังอยู่ในเวลานี้หรือไม่
หลังจากนี้ อีกไม่นาน เมื่อถึงเวลาที่ Accord ทั้ง 2.4 ลิตร และ 2.0 ลิตร มาอยู่ในมือผม เราจะ
เริ่มต้นค้นหาความจริงกัน อีกครั้ง
เพราะแค่ 6 รอบสนามหนะ มันสั้นไป…อาจต้องใช้เวลากันสัก 6-7 วัน…..!
——————————————///—————————————
ขอขอบคุณ / Special Thanks to :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท Honda Automobile (Thailand ) จำกัด
เอื้อเฟื้อการเดินทางในครั้งนี้
————————————————
J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ภาพถ่ายทั้งหมด เป็นลิขสิทธิ์ของ Honda Automobile (Thailand) Co.,ltd
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
12 มีนาคม 2013
Copyright (c) 2013 Text (All Picture is own by Honda Automobile (Thailand) Co.,ltd)
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
March 12th,2013
แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome! CLICK HERE!