เช้าวันพุธที่ 14 มีนาคม 2012
หนึ่งวัน ก่อนงานเปิดตัว Toyota Camry
ณ บ้านพักชานเมืองอัน…สงบบ้าง ไม่สงบบ้าง ย่านบางนา

“พี่ป๊อกกี้ สะดวกคุยไหมครับ?”
“ได้เลย ว่าไงคุณจิมมี่?”

“พอจะทราบไหมครับว่า รถทดลองขับ Camry ใหม่ จะส่งมาถึงโชว์รูมของ Toyota กรุงไทย เมื่อใด?”
“ได้ๆ เดี๋ยวผมจะเช็คให้ แล้วเดี๋ยวจะโทรบอกนะครับ”

สิ้นสุดการติดต่อ…

สารภาพว่า ผมไม่ได้นึกมาก่อนหรอก ว่าท้ายที่สุดแล้ว จู่ๆ ในฉับพลัน ผมพลิกการตัดสินใจ จากเดิม
ที่ไม่ได้คิดจะทำบทความทดลองขับ Toyota Camry แบบสั้นๆ First Impression กันอย่างนี้ เพราะ
จากที่นั่งดูกระแสในอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการพูดถึงของผู้คนในวงกว้างแล้ว ผมถือว่า ยังไม่มีการ
กล่าวถึงมากมายนัก

ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะ รายละเอียดทางเทคนิค และคู่มืการขาย ที่หลุดเล็ดรอดออกไปก่อนหน้านี้
ทำให้ผู้คนเริ่มไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร และต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันในระดับปกติ ว่า รุ่น 2.0 ลิตร
ตัดออพชัน เพิ่มราคาบ้างละ ราคารุ่นท็อป 2.5 ลิตร HYBRID 1,890,000 บาท แพงไปบ้างละ ฯลฯ

แต่จู่ๆ เช้าวันพฤหสบดีที่ 15 มีนาคม 2012 ขณะกำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้าน ไปร่วมงานเปิดตัว
Toyota Camry ใหม่ ที่ Royal Paragon Hall , Siam Paragon พี่ป็อกกี้ พี่ชายสุดแสนจะใจดี แห่ง
ในฐานะ หนึ่งในเจ้าของกิจการรถเช่า KrungThai Car Rent รวมทั้ง ดีลเลอร์ Toyota กรุงไทย และ
(Nissan กรุงไทย) ก็โทรกลับเข้ามา….

“รถมาถึงโชว์รูมแล้วนะครับ”

ผมเลยตัดสินใจ เปลี่ยนแผน เปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางในวันนี้ จาก สยามพารากอน เป็น
โชว์รูม Toyota กรุงไทย ริมถนน รามอินทรา แทน….

ก็เพื่อจะมาลองขับรถคันนี้ แล้วเล่าบรรยายสัมผัสแรกที่ผมได้พบมา ให้คุณๆได้อ่านกัน เป็น
รีวิวแรกในเมืองไทย นั่นแหละ…

Toyota Camry ใหม่ ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 7 นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 1982
และถือเป็น เจเนอเรชันที่ 5 ของตลาดเมืองไทย  หากนับการเปิดตัวตั้งแต่ปี 1993  Camry นั้น
ถือเป็นขุนพลสำคัญในการบุกตลาดรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือ และเอเซีย ของ Toyota
ดังนั้น พัฒนาการแต่ละครั้งในทุกรุ่นที่เปิดตัวสู่ตลาด จึงถูกจับตามองทั้งจากลูกค้าที่แสวงหา
มาตรฐานของรถยนต์นั่งขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ ในพิกัด D-Segment และจากคู่แข่ง ที่เร่ง
พยายามปรับปรุงรถยนต์ของตน ให้เหนือกว่า Camry ขึ้นไป

เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดของ Camry ที่เห็นอยู่นี้  เปิดตัวในญี่ปุ่น ครั้งแรก เมื่อปลายปีที่แล้ว และ
แม้จะดูเหมือนว่า เงียบสนิท ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่ในความจริงแล้ว Toyota เอง
ก็ถึงกับอึ้งไปเลย เมื่อรับรู้ความจริงว่า เฉพาะในตลาดญี่ปุ่นอย่างเดียว มียอดขาย นับตั้งแต่เดือน
สิงหาคม 2011 – มกราคม 2012 รวมแล้วมากถึง 13,000 คัน!! ซึ่งถือว่า มียอดขายสูงกว่า
เป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละเดือน และจากความนิยมที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่น
ที่สั่งจอง Camry ใหม่ ต้องรอถึง 2 – 3 เดือน กว่าที่จะได้รับรถ!!!

เหรอ? ทำไม เดือนธันวาคม 2012 ที่ผมบินไปดู Tokyo Motor Show ทำไมผมเห็นแต่ Camry
รุ่นใหม่นี้ จอดอยู่ในศูนย์ Mega Web ของ Toyota ที่ Odaiba ใกล้สถานที่จัดงานฯ และแทบ
ไม่เห็น Camry ใหม่ บนท้องถนนในกรุงโตเกียว เลยแม้แต่คันเดียวละเนี่ย? งงจริงๆ…

Camry ใหม่ มีความยาว 4,825 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร ระบยะฐานล้อ
2,775 มิลลิเมตร ระยะสูงจากพื้นถนน ถึงพื้นตัวถัง 160 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถโดยประมาณ อยู่ที่
1,470 กิโลกรัม

ในเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ที่ Toyota แจกให้กับสื่อมวลชน เขียนว่า “Mr. Michihiko Sato หัวหน้า
วิศวกร หรือ Chief Engineer ของโครงการพัฒนา Camry ใหม่ บริษัท Toyota Motor Corporation แห่ง
ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “Camry ใหม่ มีแนวทางในการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปท์ “New ERA Sedan”
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานของ Camry ใหม่ ให้เป็นรถยนต์นั่งระดับหรูที่ให้ความรู้สึก
แห่งความภาคภูมิ ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่หรูหรา ล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน ในขณะเดียวกันก็
เปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังเพิ่มขึ้น 10%
พร้อมประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น 24% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่
กว้างขวางสะดวกสบาย เงียบสงบ มีสุนทรียภาพในการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมด้วยการติดตั้งอุปกรณ์
อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลกที่ครบครัน”

เอ่อ…สารภาพตามตรงนะครับคุณผู้อ่าน วินาทีแรก ที่ผมเห็น Camry ใหม่ ก็คือ ที่ศูนย์ Mega Web
ในญี่ปุ่นนั่นละ เท่าที่ขึ้นไปลองนั่ง ก็ถือว่า ห้องโดยสารหนะพอรับได้ แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจกับ
เส้นสายตัวถังเท่าไหร่

จนพอมาวันนี้ Camry ใหม่ คันสีเงิน ถูกจอดซุกซ่อนอยู่ในชั้นใต้ดินของโชว์รูม Toyota กรุงไทย
ที่รามอินทรา และโชคร้ายของมัน ที่ดันจอดอยู่ข้างๆ กับ Camry รุ่นเดิม 2 คัน…ให้เทียบกันเห็นๆ!

คือ ถึงแม้ว่ารุ่นใหม่ จะมีเส้นสายที่ดูเป็น ซีด๊านนนน….ซีดานนนน ขนาดไหน แต่ด้านหน้าก็ยัง
พยายามเอากลิ่นของ Lexus ES ฝาแฝดร่วม Platform มาแปะเข้าไป จนมันทำให้เกิดวามไม่ลงตัว
ของพื้นที่ด้านหน้ามากไปนิดนึง ขณะที่บั้นท้าย มีไฟท้ายที่สวยงาม และมี Air Defuser บริเวณ
ใต้ท้องรถด้านหลังด้วย เพื่อช่วยจัดการด้านอากาศที่ไหลผ่านพื้นที่ใต้ท้องรถแต่ด้วยเหตุที่พยายาม
เล่นกับการจัดการด้านอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamic มากเกินไป ผลลัพธ์ ก็เลยทำให้ท้าย
ของรถดูสั้นกุดไปหน่อย

สายตา และรสนิยมทางศิลปะส่วนตัวของผม ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่อง บอกว่า “รุ่นเก่า สวยกว่ารุ่นใหม่!”

ชัดเจน จบข่าวกรมประชาสัมพันธ์ เช้าวันจันทร์ตอน 8 โมง กันเลยทีเดียว!!

แต่ การตัดสินรถเพียงแค่มองรูปลักษณ์ภายนอก แล้วสะบัดหน้าเชิดใส่ 90 องศา นั่นไม่ใช่สไตล์
ของ Headlightmag.com ของเราแน่ๆ ต่อให้ภายนอกจะเป็นอย่างไร ภายใน คือสิ่งที่ผู้ซื้อรถจะ
ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วย มากกว่าภายนอก และนี่คือสิ่งที่จะเป็นจุดขายของ Camry ใหม่ ต่อจากนี้
ไปอีกราวๆ 1 ปี

ลองเข้ามานั่งดูในห้องโดยสาร ของ Camry ใหม่ กันก่อนดีกว่า

เบาะนั่งในรุ่น 2.5 G ปรับด้วยสวิชต์ไฟฟ้า ทั้ง 2 ฝั่ง ตัวเบาะมีขนาดเล็กลง ปีกข้างก็เล็กลง
กว่าเดิมนิดนึง แต่ ยังพอจะให้ความสบายได้ เหมือนๆกับรุ่นเดิม ผิดกันแต่ว่า ในรุ่นเดิม
คุณอาจจะสัมผัสว่า เบาะนั่ง เหมือนโซฟาดูดวิญญาณ คือแอบดูดร่างคุณ จมลงไปนิดๆ
ให้ความรู้สึกสบายๆ แต่ในรุ่นใหม่ วัสดุหนังที่ละมุนยามเอาหลังมือสัมผัสมากขึ้น ขณะ
ที่เบาะรองนั่ง ยังคงสั้นไปนิดนึง ถึงจะเทียบกับรุ่นเก่าแล้ว ยาวกว่ากันขึ้นนิดเดียวก็ตาม

พื้นที่การวางแขนทั้งบนแผงประตูคู่หน้า และฝากล่องเก็บของข้างลำตัวผู้โดยสารด้านหน้า
และผู้ขับขี่ (รุ่น 2.5 G หุ้มด้วยหนัง) รวมทั้งตำแหน่งการนั่งขับต่างๆ บอกได้เลยว่า มันก็
เหมือนกับ Camry รุ่นเดิมที่เพิ่งตกรุ่นไปนั่นละครับ ไม่ได้แตกต่างกันนัก ยกเว้นตำแหน่ง
ของคันเกียร์ ที่ดูผ่านๆ นึกว่า น่าจะมีการปรับลดตำแหน่งติดตั้ง ให้ต่ำลงไปนิดเดียว แต่
ในภาพรวมแล้ว ตำแหน่งนั่งขับของ Camry ใหม่ ก็ยังคงทำได้ดี เหมือนกับรุ่นเดิม ก็
เพราะว่ารุ่นเดิม ดีอยู่แล้ว จนผมมองว่า ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องแก้ไขอะไรมากนัก

การเข้าออกจากบานประตูคู่หลัง ทำได้ดีกว่าเดิมนิดนึง  ผมไม่ต้องเจอปัญหา หัวชนกับขอบของ
ช่องทางเข้าประตู พื้นที่การวางแขน บนแผงประตู ถูกปรับปรุง จากที่ผมเคยด่าไว้ ว่าวางแขน
ไม่ได้เรื่องเลย ในรุ่นก่อน มาคราวนี้พวกเขาปรับปรุงจนทำให้ วางแขนได้สบาย ทำให้การ
โดยสารบนเบาะหลัง อภิรมย์ขึ้น น่าเสียดายว่า ในรุ่น 2.5 G ที่ถูกสงวนเอาไว้โดยเน้นขาย
ในตลาด Fleet เป็นหลัก นั้น ไม่มีม่านสำหรับกระจกหน้าต่าง บานประตูคู่หลังมาให้ แต่
ยังดีที่มีม่านไฟฟ้า สำหรับกระจกมองหลังมาให้

เบาะหลัง คือ พื้นที่ซึ่งมีการปรับปรุงให้ดีกว่ารุ่นเดิมขึ้นอย่างชัดเจน จำได้เลยว่า การนั่ง
โดยสารบนเบาะหลังของ Camry รุ่นเดิมนั้น ผมรู้สึกสบายจากเบาะนั่ง แต่เบาะรองนั่ง
ก็ยังสั้นไปหน่อย แถมยังพบความอึดอัด จากพื้นที่ของกระจกหน้าต่าง ที่บีบแคบเกินไป
เพราะต้องเล่นกับเส้นสายตัวรถภายนอกให้ดูสวยงามลงตัว ไหนจะแผงประตูด้านข้าง
ที่แทบจะวางแขนไม่ได้เลย ต้องใช้วิธีสอดแขนเข้าไปวาง อย่างอึดอัดน่ารำคาญมากๆ

แต่ในรถรุ่นใหม่ ทีมวิศวกร ได้พยายามแก้ปัญหานี้ออกไป จนทำให้ พื้นที่การวางแขน
บนแผงประตู ทำได้ดีขึ้นมาก และมีเบาะรองนั่งที่ยาวขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความสบายในการ
เดินทางมากขึ้น พื้นที่ห้องโดยสาร ชวนให้รู้สึกถึงความโปร่งสบายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแอีก
นิดหน่อย เพราะ การทำแนวหลังคา ไม่ให้ถึงกับสอบลงไปจรดกระจกบังลมหลัง เร็วนัก
ช่วยเพิ่มพืนที่เหนือศีรษะ ให้ผมสอดนิ้วตัวเองเข้าไปได้ 3 นิ้ว พอดี ส่วนพื้นที่วางขา
คราวนี้ ใหญ่โต สะใจ 2 ฝ่ามือครึ่ง คิดว่า นักบริหาร ที่ต้องนั่งบนเบาะหลัง Camry ใหม่
น่าจะนั่งไชว่ห้างได้สบายขึ้นเยอะ

กระะนั้น ผมก็ยังเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง เพิ่มเติมอีก 3 จุด

1. ถ้าตำแหน่งของ วัสดุหนัง ที่จะสัมผัสกับพื้นผิวของมนุษย์ บนประตูทั้ง 4 บาน จะเพิ่ม
ความยาว ไปจรด มือจับประตู เพื่อให้ทุกคน ได้สัมผัสกับพื้นผิวของหนัง มากกว่านี้ จะ
เพิ่มความลงตัวมากขึ้น (แต่ก็พอเข้าใจว่า นั่นจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกเหมือนกัน)

2. ฟองน้ำที่เสริมบริเวณ ขอบของเบาะรองนั่ง น้อยเกินไปมาก ต่อให้ Toyota จะอ้างว่า
เป็นการ เพิ่มความยาวเบาะรองนั่ง ให้มากขึ้น แต่นั่นก็ดูเป็นคำตอบแนวกำปั้นทุบดินมาก
เพราะว่า เบาะรองนั่งที่ยาวขึ้น มันไม่เกี่ยวกับการเสริมความแน่นของฟองน้ำที่ซ่อนอยู่
ข้างในเลยแต่อย่างใด เชื่อได้ว่า อนาคต หากมีการใช้เบาะหลังกันบ่อยๆ Camry รุ่นนี้
น่าจะมีปัญหาเรื่อง การทรุดตัวของฟองน้ำ เฉกเช่นกับที่รถยนต์ในยุคสมัยก่อนๆ เคยมี
และเหมือนกันกับ Camry รุ่นเดิม ที่ดูเหมือนจะมีสภาพขอบเบาะรองนั่งไม่ต่างกันเลย
(แหงละ ก่อนจะขึ้นไปลองขับรถรุ่นใหม่ ผมขึ้นไปลองนั่งในรถรุ่นเดิม บนโชว์รูม
มาแล้ว เพื่อย้อนระลึกถึงความทรงจำของตัวเอง เรียบร้อย)

แผงหน้าปัด ชวนให้ผมนึกถึง แผงหน้าปัดของ ซีดานขับล้อหลัง รุ่นพี่อย่าง Toyota Mark-X
ใหม่ และ Toyota Crown ใหม่ ขึ้นมาบ้าง การจัดวาง Layout อยู่ในระดับที่เหมาะสม ต่อการ
ใช้งาน และควบคุมแผงเครื่องเสียง และสวิชต์เครื่องปรับอากาศแบบแยกฝั่ง

มีการตัดเย็บ บริเวณ ด้านบนของแผงหน้าปัด ด้วยด้ายจริง แบบเดียวกับรถยนต์ระดับหรู
เพื่อช่วยเพิ่มความหรู ให้สอดคล้อง ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่มีราคาแพงกว่า ไปได้อีกเยอะ
และแน่นอน มันดูดีใช้ได้เลยทีเดียว

ชุดมาตรวัด อ่านง่าย แต่ดูแพรวพราว ไปพร้อมกัน พวงมาลัยทรงใหม่ Grip อ้วนขึ้น จับได้
กระชับมือยิ่งขึ้น แต่ขนาดวงพวงมาลัย ก็ใหญ่ ใกล้เคียงกับ พวงมาลัยของทั้ง Lexus LS
ใหม่ และ Mercedes-Benz C-Class W204 รุ่นก่อนปรับโฉม Minorchange และ E-Class
รุ่นปัจจุบันอยู่ไม่น้อย ในรุ่น 2.5 G ที่เราทดลองขับ มีการประดับด้วยลายไม้ และหุ้มด้วย
หนังแบบเดียวกับ เบาะนั่งทุกตำแหน่ง มีสวิชต์ ควบคุมชุดเครื่องเสียง บนพวงมาลัย และ
มีระบบควบคุมความเร็วคงที่อัตโนมัติ Cruise Control แอบซ่อนมาให้ เป็นก้านโยกสหกรณ์
ตามเคย

ชุดเครื่องเสียง คือสิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงสักหน่อย เพราะคุณภาพเสียงที่ออกมานั้น แทบจะ
ให้คะแนนกันได้ 8.5 เต็ม 10 เลยทีเดียว ฟังแล้ว ไส กังวาน กำลังดี มีมิติ และ Sound Stage
ก็ดีใช้ได้เลย ถ้ามองในฐานะ เครื่องเสียงติดรถยนต์ประกอบในประเทศ ชวนให้นึกว่า ถ้า
เป็นเครื่องเสียงในรุ่นท็อป 2.5 HYBRID NAVI ซึ่งจะเป็นแบบ Hi-end 10 ลำโพง จาก JBL
มันจะกระชากอารมณืได้มากน้อยแค่ไหน?

ขอแนะนำเซลส์ขาย Toyota ทุกคนว่า ถ้าจะขาย Camry ควรลงทุน ซื้อ CD คุณภาพดีๆ
เพื่อให้ลูกค้าได้ลองฟังเสียงกันไปเลย อย่าใช้แค่ไฟล์ MP3 อัดมาห่วยๆ Bit rate ต่ำๆ
ให้ลูกค้าทดลองฟังเด็ดขาด! จัดทั้งที จัดแผ่นดีๆ ไปเลย ลูกค้าจะได้ กรี๊ด จนน้ำ(ตา)แตก
กันคาเบาะรถ และเซ็นใบจองง่ายขึ้น!

มาถึงตอนนี้ ผมอยากจะขอข้ามอุปกรณ์อื่นๆ ที่ติดตั้งไว้ในรถไปก่อน เพราะรายละเอียด
ต่างๆเหล่านั้น ผมขอเก็บเอาไว้ พูดถึง โครมเดียว ทีเดียว รวดเดียวทั้งหมด เมื่อถึงวันที่
Full Review จะต้องออกโรง

แม้ว่า Camry ใหม่ เวอร์ชันไทย จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก มาถึง 3 ขนาด แต่ ในรถยนต์ Demo
ที่ส่งให้กับโชว์รูม Toyota กรุงไทย นั้น เป็นรุ่น 2.5 G ซึ่งวางเครื่องยนต์ ที่อาจจะเรียกได้ว่า
ใหม่ทั้งหมด ได้ไม่เต็มปากนัก เพราะ เป็นการนำเครื่องยนต์เดิม มาปรับปรุงใหม่ พอสมควร
เรียกรหัสว่า 2AR-FE เป็นบล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,494 ซีซี หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ EFI
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-i กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด
สูงสุด 231 นิวตันเมตร ( 21.7 กก.-ม.) ที่ 4,100 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ
ลูกใหม่ 6 จังหวะ Sequential พร้อมโหมด บวก/ลบ ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัต
พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ Dual-Link สตรัต

หลังจากที่เราได้เห็นตัวรถคันจริงๆคร่าวๆแล้ว ก็ได้เวลาลองขับกันละ…

คุณเชาว์ แห่ง Toyota กรุงไทย ยื่นกุญแจให้ผม ไปสตาร์ตเครื่องยนต์ ด้วยวิธีดั้งเดิม คือ บิดกุญแจ
(ก็แหงละครับ รุ่น 2.5 G กับ 2.0 G ยังคงใช้กุญแจพร้อมรีโมทคอนโทรล แบบมือบิดอยู่) เสียงของ
เครื่องยนต์ในห้องโดยสาร แทบไม่ค่อยจะเล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารเลย และในตลอดการขับ
ของผม พบว่า เสียงที่เราใช้พูดคุยนั้น มันให้ Pitch ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับเสียง ที่พูดคุยใน
รถยนต์ซีดานที่หรูกว่านี้ และแทบไม่ค่อยมีเสียงรบกวนเข้ามาเลย ในช่วงความเร็วต่ำกว่าระดับ
100 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ ในช่วงที่คุณ กดคันเร่งเพื่อลากเครื่องยนต์ขี้นไป
ยังรอบสงๆ ที่หวานขึ้น ไพเราะขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น

แต่ ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่หวานหูขึ้น พละกำลังในช่วงเร่งแซงขณะขับขี่ในเมืองก็ทันใจขึ้น
การตอบสนองของคันเร่ง ไวขึ้นจากรุ่นเดิมนิดนึง และตัวรถ ก็พุ่งจากจุดหยุดนิ่ง หรือแม้แต่
จากความเร็วระดับ 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ไวใช้การได้

เพียงแต่ ผมคงไม่อาจจะทดลองเหยียบเต็มมิด ได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะสภาพการจราจร
ในช่วงบ่าย 3 โมง บนถนนย่านรามอินทรา ค่อนข้างหนาแน่น อีกทั้ง รถคันสีเงินคันนี้ ก็
เพิ่งจะถูกส่งลงจากเทรลเลอร์ ก่อนที่ผมจะไปถึงโชว์รูม แค่ไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้น
รถจึงยังสดใหม่มาก และผมไม่ควรที่จะกระแทกคันเร่งอะไรมากมาย เพราะลูกค้า ที่จะมา
ทดลองขับ ต่อจากผม ย่อมสมควรอย่างยิ่ง ที่จะได้ลองขับ Camry ใหม่ ในสภาพที่สดใหม่
ไม่ได้ผ่านการปู้ยี่ปู้ยำมากนัก

ประเด็นต่อไปคือ เรื่องการตอบสนองของระบบกันสะเทือน บอกได้เลยว่า ดีขึ้นกว่า Camry
รุ่นปัจจุบัน จริง แต่ไม่ได้มากนัก การเข้าโค้งที่ความเร็ว ราวๆ 60 – 70 กิโลเมตร/ชั่วโมงยังคง
ทำได้โอเค เหมือนรุ่นเดิม การขับขี่ บนถนนที่เรียบสนิท แทบจะรื่นรมณ์ใช้ได้ นิ่งสนิท แต่
การซับแรงสะเทือน ขณะเจอคอสะพาน หรือรอยต่อถนน ทำได้ดีขึ้น คือยุบตัวครั้งเดียว แล้ว
อยู่หมัด ไม่มีเด้งไปเด้งมา ก็จริง แต่ก็ยังมีความตึงตังเล็กๆ ปรากฎให้เห็นกันอยู่บ้าง

พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า EPS มีการปรับปรุง ให้มีการ
ตอบสนองได้ ใกล้เคียงกับพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮโดรลิก มากขึ้น แต่ยังคงต้องรักษา
ให้น้ำหนักในการหมุนพวงมาลัย สำหรับลูกค้า ต้องเบาพอสมควร และต้องเพิ่มความหนืด
ให้มากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น และพวกเขาก็ทำได้ดีพอประมาณ การตอบสนองของ
พวงมาลัยในภาพรวม อยู่ตรงกลางระหว่าง Honda Accord และ Nissan Teana อยู่ดี แต่
มีความเบาคล่องมือ ในช่วงความเร็วต่ำมากขึ้น แต่การขับขี่ในช่วงความเร็วไม่เกินระดับ
100 กิโลเมตร/ชั่วโมง พวงมาลัยยังนิ่ง และมั่นใจได้ สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป และ
เชื่อว่า หลายๆคนจะชอบการตอบสนองของพวงมาลัย Camry ใหม่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม

ส่วนการตอบสนองของระบบดิส์กเบรก 4 ล้อ พร้อม ABS และ EBD นั้น ไม่ได้ลองเต็มที่
เพียงแต่ได้ลองสัมผัสกับแป้นเบรกในช่วงชะลอความเร็ว และขณะคืบคลานไปตามสภาพ
การจราจรติดขัดตามสี่แยกไฟแดง  พบว่า แป้นเบรกให้สัมผัสที่ต่อเนื่อง Linear ดี และ
นุ่มเท้ากำลังดี ในแบบที่คนไทยชื่นชอบแน่ๆ

********** “ความคิดเห็นจากผู้ใช้จริง…ที่ไม่ขอเอ่ยนาม” **********

First Impression ครั้งนี้นอกจากผมจะได้มีโอกาสสัมผัส Toyota Camry เป็นรายแรกแบบ
ไม่ได้ตั้งใจแล้ว ยังมีผู้ใช้ Toyota Camry รหัส ACV40/41 รุ่นที่กำลังจะตกรุ่นไปแล้วมา
แอ๊กท่าเป็นผู้บริหารให้ผมเป็นคนขับรถซะอย่างงั้น มาช่วยสร้างสีสันในการลองขับสั้นๆ
ครั้งนี้ด้วย เพียงแต่ เจ้าตัว ไม่ขอเปิดเผยนาม เพื่อสงวนความเป็นส่วนตัว เลยขอพิมพ์
ความคิดเห็นในฐานะของผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง ในช่วงที่ผมใช้เวลาหมดไปบนเบาะ
คนขับของ Camry ใหม่ สีเงินคันนี้ ลองมาฟังความคิดเห็นของผู้ใช้จริงท่านนี้กันแบบ
ถอดเทปออกมาเลยว่าจะคิดเห็นยังไงกับรุ่นใหม่คันนี้

“มาว่ากันทีละส่วนเลยแล้วกัน เริ่มจากภายนอกผมกลับชอบเส้นสายของรุ่นเดิมมากกว่า
ด้านหน้าของรุ่นนี้ออกแบบให้ขอบฝากระโปรงหนามาก แถมมีแถบโครเมียมหนาเตอะ
มาเสริมตรงขอบฝากระโปรงชิ้นนี้ ดูแล้วเหมือนเอาของแต่งจากไต้หวันมาติดเพิ่มมากกว่า
แล้วกระจังหน้าเรียวๆของรุ่นเก่ากลายมาเป็นกระจังหน้าที่หนาขึ้น มีซี่บานเกล็ดเยอะขึ้น
นี่กลับทำให้รถดูตัวสูงมากขึ้นและแก่ขึ้น อีกส่วนที่ไม่โดนใจคือด้านท้าย บั่นท้ายรุ่นเดิม
ดูมีขอบสันได้รูปมากกว่ารุ่นใหม่ที่เป็นแนวเรียบๆทื่อๆ แถมรายละเอียดในโคมไฟก็สวย
สู้รุ่นเก่าไม่ได้ รุ่นเก่าดูล้ำอนาคตมากกว่า แล้วจริงๆน่าจะให้ท่อไอเสียคู่มาได้ซะทีแล้ว จะ
ได้สู้คู่แข่งได้ซะที จะมีที่โอเคคือเส้นสายด้านข้างที่ดูเรียบง่ายเส้นสายไม่รกตา แต่พอดู
ไปนานๆ น่าจะเบื่อได้ง่ายๆ

พอเข้ามาข้างในแล้ว ถึงแม้จะไม่ชอบการออกแบบที่ดูเหลี่ยมๆทื่อๆคล้าย Toyota Crown
รุ่นเก่าๆ ออกแนวรถยากูซ่าหัวหน้าแก๊งค์ แต่วัสดุรุ่นใหม่หรูขึ้นเลยนะ ดีขึ้นชัดเจนเลย
โดยเฉพาะหนังหุ้มที่วางแขนบนคอนโซลกลางนุ่มเนียนจนใกล้เคียง Lexus LS460/600h
มากๆ โครเมียมที่ใช้ตัดขอบต่างๆ ดูไม่ปลอมๆเป็นสีด้านๆแบบรุ่นเก่า ลายไม้สีเข้มขึ้น
ยิ่งทำให้ดูมีclassกว่ารุ่นเก่า แต่ผมก็ยังชอบลายไม้ด้านแบบของ Nissan Teana มากกว่า
ที่เด็ดมากคือบนคอนโซลหน้ามีหุ้มนุ่มๆแถมมีด้ายเย็บเหมือนรถหรูๆอย่าง Benz BMW
นี่ผมชอบมากเลย อยากได้รุ่นใหม่ก็ตรงนี้แหละ แต่ในภาพรวมในความคิดผมนะ…ดีขึ้น
แต่วัสดุหลายๆจุดยังสู้ Teana ไม่ได้ ยังเจอพลาสติกแข็งๆในหลายจุด ยังแอบเจอส่วน
ที่ลดต้นทุนได้หลายๆที่

อีกจุดที่เด่นมากคือเครื่องเสียง นี่ขนาดรุ่นนี้ให้มาเป็นจอธรรมดา ไม่ได้มีลำโพง JBL 10 ชิ้น
10 ชิ้น อลังการแบบตัว Hybrid Navigator แต่คุณภาพเสียงดีกว่า 6CD ที่ผมใช้อยู่ใน
ปัจจุบัน โดยเฉพาะมิติของเสียง มีเวทีเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนมีนักดนตรีมาอ้อมล้อม
เล่นให้เราฟัง หน้าจอก็ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน กราฟฟิคสวย นี่ขนาดตัวธรรมดายังเจ๋ง อย่างงี้
อยากจะลองเจ้า 10ลำโพงขึ้นมาเลยทีเดียว

เกือบลืมพูดถึงเบาะนั่งเลยครับจิมมี่ คือ เบาะหลังนั่งสบายขึ้นเพราะที่รองขาดีขึ้น แต่
เบาะหน้ามันโอบน้อยลงไม่กระชับเท่าตัวเก่า เหมือนจะเอาใจคนนั่งหลังมากขึ้น ถือว่า
แก้ลำจากรุ่นที่แล้วที่เบาะหลังสู้ชาวบ้านไม่ค่อยได้

ช่วงที่ไปลองนั่งบนเบาะหลังแล้วคุณจิมมี่ขับให้ ผมนี่ชอบช่วงล่างเลยนะ ดีขึ้นชัดเจน
ที่เด่นสุดขึ้นคือเก็บเสียงตรงซุ้มล้อได้แบบหน้ามือเป็นหลังตี_เลย ใกล้เคียงกับรถยุโรป
ที่ผมเคยนั่งมากขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าเขา อีกส่วนที่ชัดเจนคือเก็บอาการโยนตัวซ้ายขวาและ
การกระเด็งกระดอน (rebound)ได้ดีขึ้นชัดเจน ตัวถังก็ไม่ค่อยบิดตัวมากเท่ากับรุ่นก่อน
ที่เข้าโค้งแรงๆทีรู้สึกได้เลย ดีขึ้นจนน่าแปลกใจ ไม่รู้ว่าพอเทียบกับ Teana แล้วมันจะ
ดีกว่าหรือยัง

โดยรวมเลยนะคุณจิม ผมว่ามันหน้าไม่หล่อแต่หล่อข้างในมัน…หล่อใช่เล่นเลยแหละ
นึกถึงที่ตาเป้Slur มันพูดในหนังเลย…55555 อยากให้เอาไปแก้หน้าตาด้านนอกซะใหม่
ให้ดูกระชับกระเฉงกว่านี้หน่อย ภายในดูอ่อนโยนมีเส้นสายพริ้วๆกว่านี้อีกนิดพอเลย
วัสดุถึงจะยังไม่เด่น แต่สำหรับผมดีพอแล้วนะ ขับดีขึ้นนั่งสบายขึ้นอีกตะหาก ถือว่า
ไม่เลวแล้วล่ะคุณจิมมี่”

(มานั่งดูรปตัวเองอีกที ทำไมตูอ้วนอย่างงี้ฟะ?)

********** สรุป (เบื้องต้น) **********
ดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง แต่ไม่ถึงกับดีเด่นเด้งจนกรี๊ดกร๊าด

เพียงสัมผัสแรก แบบคร่าวๆ ก็พอจะทำให้ผมรับรู้ว่า Toyota พยายามจะปรับปรุง Camry ใหม่ ให้ดีขึ้น
กว่าเก่า ในทุกๆด้าน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องหาทางยืนหยัดกับพื้นฐานงานวิศวกรรมดั้งเดิม จาก Camry
รุ่นเดิม ให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกัน

มันเป็นเรื่องยากที่จะผสมผสาน 2 แนวทาง อันสุดขั้วนี้ไว้ด้วยกัน จนออกมาเป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบ
และลงตัวมากที่สุด อย่างที่ Toyota พยายาม คาดหวัง และต้องการจะให้รถยนต์แต่ละรุ่นของตน เป็นมา
โดยตลอด

เพราะ มันเป็น แนวทางคู่ขนาน ที่ยากจะบังเกิดขึ้นได้จริง ในโลกแห่งการพัฒนารถยนต์ ที่เต็มไปด้วย
การแข่งขันอันดุเดือด ทั้งการแข่งขันกับเวลา การแข่งขัน กับคู่แข่ง ทั้งร่วมชาติ และต่างเผ่าพันธ์

แต่ Toyota ก็พยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะหาจุดลงตัว ระหว่างแนวทางอันสุดขั้ว จนออกมาเป็น Camry ใหม่
ได้อย่างดี แต่อาจจะไม่ถึงขั้นโดนใจ กลุ่มลูกค้าที่มองหาความแตกต่าง เพราะยังไงๆ Camry ใหม่ ก็ยังคงมี
บุคลิกความเป็น Camry เอาไว้ ซึ่งมันอาจจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่มากกว่า

คราวนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็นลูกค้าประเภทไหน

ถ้าคุณเป็นลูกค้าทั่วๆไป มองหาความมั่นใจได้ เป็นหลัก ราคาขายต่อ คือเรื่องสำคัญอันดับแรก ตามด้วย
ความสบายในห้องโดยสาร กับการกินน้ำมัน รวมทั้ง กลุ่มลูกค้าประเภท แฟนพันธุ์แท้ ตระกูล Camry
และซื้อหาแต่ Camry เท่านั้น เปลี่ยนตัวถังใหม่ทีไร ก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนรถคันใหม่ทุกที ผมอยากจะบอกว่า
คุณจะไม่ผิดหวังกับ Camry รุ่นนี้

เพราะ ความพยายามในการออกแบบห้องโดยสาร ที่มุ่งเน้นแก้ไขความไม่ลงตัวในรถรุ่นก่อน ทำได้
ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะเรื่องความยาวของเบาะนั่งด้านหลัง การออกแบบแผงหน้าปัดที่เอาใจลูกค้ากลุ่ม
ผู้ใหญ่มากขึ้น พวงมาลัยที่อ้วนอูมกระขับมือ Grip กำลังดี แถมขนาดก็ใหญ่พอกันกับ พวงมาลัยของ
Mercedes-Benz C-Class อันตราเร่งทันเท้า ใช้ได้ ช่วงล่างตอบสนองดีขึ้นนิดนึง เก็บแรงสะเทือน
ดีขึ้นนิดนึง ส่วนระบบห้ามล้อก็ยังไม่พบประเด็นที่ต้องปรับปรุงอะไรในตอนนี้ อีกทั้ง เครื่องเสียง
ในรุ่น 2.5 G ก็ เจ๋งพอ ที่จะทำให้คุณ ไม่ต้องถึงขั้นอัพเกรดไปเล่นรุ่น 2.5 HYBRID NAVI ที่จะมี
เครื่องเสียง 10 ลำโพง โดย JBL มาให้เปลืองเงินเล่นๆ เพียงแค่ว่า ทำใจกับกุญแจพร้อมรีโมทในตัว
ที่มีหน้าตา เมหือนกุยแจของ Vios , Yaris , Vigo , Corolla Altis และ Camry 2.0 รุ่นเดิม ก็พอ

แต่ถ้าคุณ ไม่ได้ยึดติดกับ แบรนด์ Toyota มากนัก และมองหาความแปลกใหม่ อันแตกต่าง ผมมองว่า
Nissan Teana และ Honda Accord ไปจนถึงรถยนต์ นอกกระแส อย่าง  Hyundai Sonata และ Saloon
อย่าง Skoda Superb 1.8 TSI ก็ยังคงเป็นรถยนต์ที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการอันแตกต่างไปของ
แต่ละบุคคล แต่ละครอบครัวได้มากกว่า

กระนั้น Camry ใหม่ ก็ไม่ใช่รถที่แย่ มันยังคงเป็น Toyota Camry ในแบบที่หลายๆคน คุ้นเคยกับ
ความสะดวกสบายในการโดยสาร ง่ายดายในทุกการบังคับควบคุม ดูแลไม่ยากเย็นนัก (ถ้าไม่ได้
เกี่ยวข้องอะไรกับระบบอีเล็กโทรนิคส์ ที่เริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทุกที)

แต่สิ่งที่ยังต้องเป็นคำถามสำหรับหลายๆคนอยู่ก็คือ อัตราเร่งจะเป็นอย่างไร การลองขับในระยะทาง
ยาวๆ จะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเป็นอย่างไร รุ่น 2.0 ลิตร และ 2.5 HYBRID
จะมีบุคลิกอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่ที่จะซื้อหามาเป็นเจ้าของ

รอ FULL REVIEW สถานเดียวครับ ….เมื่อไหร่? ณ วันนี้ ยังไม่รู้จริงๆ!

ถ้ารู้แล้ว จะรีบบอก!

——————————-///—————————–

ขอขอบคุณ 
คุณ Pocky คุณเก่ง คุณนก และ คุณเชาว์
โชว์รูม ศูนย์บริการ และอู่ซ่อมสี มาตรฐาน Toyota KrungThai
ถนนรามอินทรา กิโลเมตรที่ 9
สำหรับ รถทดลองขับ และการต้อนรับอย่างดียิ่ง

รายละเอียดของตัวรถเพิ่มเติม เชิญได้ที่นี่ CLICK Here!

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
15 มีนาคม 2012

Copyright (c) 2012 Text and Pictures
Use of such content either in part
or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
March 15th,2011

แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome! Click Here!