ชื่อของ DHL ทุกคนทั่วโลกย่อมรู้จักกันในนามของแบรนด์บริการรับส่องไปรษณีย์
และพัสุดภัณฑ์ด่วนทันใจทั่วโลกจากประเทศเยอรมนีถ้าสมมติว่า DHL อยากจะ
ขยายไลน์ธุรกิจของตนเองก็น่าจะต้องเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร
, การเดินทางหรือการคมนาคมแน่นอน

2016_08_19_DHL_StreetScooter_1

เรื่องของเรื่องคือ DHL เคยร่วมมือกับบริษัท Start-Up ‘StreetScooter’ เพื่อช่วย
กันพัฒนารถแวนพลังไฟฟ้าสำหรับตลาดฟลีตเมื่อปี 2012 หลังจากนั้นในปี 2014
DHL ก็จัดซื้อบริษัท StreetScooter เพื่อขอสั่งซื้อรถแวนเหมาฟลีตสำหรับแทนที่
รถตู้ปัจจุบันประมาณ 30,000 คันเพื่อเป็นการลดต้นทุนไปในตัว

2016_08_19_DHL_StreetScooter_2

ในช่วงต้นปี 2016 DHL ก็จัดขึ้นการสายการผลิตรถแวน StreetScooter จำนวน
2,000 คันที่โรงงาน Waggonfabrik Talbot ประเทศเยอรมนี เพื่อทดลองนำรถมา
แทนที่รถขนส่งเครื่องยนต์ธรรมดาและถือเป็นการลองเชิงว่าจะมีบริษัทใดสนใจซื้อ
รถแวนเพื่อการพาณิชย์คันนี้เพิ่มเติมหรือไม่?

โฆษกประจำ DHL ยืนยันกับนิตยสาร Der Spiegel ว่า DHL จะเปิดจำหน่ายรถแวน
ไฟฟ้าให้แก่บริษัทภายนอก (Third Party) และสามารถปรับแต่งตามสเปคที่ต้องการได้
ภายในปี 2017

2016_08_19_DHL_StreetScooter_3

สเปคของรถแวนไฟฟ้า StreetScooter เบื้องต้นจะติดตั้งแบตเตอรี่แพ๊ค 20.4 กิโลวัตต์
ชั่วโมงรองรับการวิ่งระยะทางสูงสุด 50-80 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จประจุให้เต็มจริง ๆ
ภายใน 7 ชั่วโมงแต่ถ้ารีบร้อนก็สามารถชาร์จทิ้งไว้แค่ 4 ชั่วโมงครึ่งก็จะได้รับพลังงาน
ไฟฟ้า 80% ของประจุแบตเตอรี่

ตัวรถขับเคลื่อนล้อหน้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 40 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง รองรับน้ำหนักบรรทุก 650 กิโลกรัม ถือว่าเพียงพอที่จะส่งของในเมือง

2016_08_19_DHL_StreetScooter_4

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ DHL หันมาใช้รถแวนไฟฟ้าสำหรับการขนส่งเพราะรถไฟฟ้า
พวกนี้สามารถหั่นค่าบำรุงรักษาได้ลงถึง 50% และลดค่าซ่อมแซมลงถึง 80% เมื่อ
เปรียบเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์ปกติ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม DHL สมควรจะ
ต้องซื้อบริษัท StreetScooter

ที่มา : Spiegel.de