North American International Auto Show 2018 (NAIAS) หรือที่เรียกกันติดปากคุ้นเคยกันดีคือ Detroit Autoshow 2018 เพราะมันถูกจัดในศูนย์การแสดงสินค้าและมหกรรม Cobo Center ใน Detroit อย่างต่อเนื่องนั่นเอง บรรยากาศภายในงานของปีนี้จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง คือไม่คึกคักหรือฮือฮามากนัก เพราะรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดโลกมีไม่เยอะมากนัก

ไฮไลต์สำคัญของงานปีนี้คือ ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันระดับ Big 3 ได้แก่ Ford, GM และ Fiat-Chrysler ก็พร้อมใจนัดกันเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ตั้งแต่ขนาด Mid-Size อย่าง Ford Ranger ไปจนถึงขนาด Full-Size อย่าง Chevrolet Silverado และ RAM 1500 ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่า รถกระบะ neverdie ในตลาดสหรัฐอเมริกาจริง ๆ

และด้วยความแรงของตลาดรถกระบะและ SUV ที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วอาณาจักรขนาดนี้ แต่ก็มีค่ายรถบางค่ายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาก็ยังเปิดตัวรถแนว Sedan และ Coupe ออกมาต้านกัน เพราะเชื่อว่าลูกค้าคงไม่หันมาซื้อ SUV กันหมดประเทศแน่ ๆ

งานนี้เรียกได้ว่ารถยนต์ระดับ World Premier มีน้อย แต่ทุกค่ายก็งัดของดีมาสู้สุดฤทธิ์ทำให้รู้สึกความ “โชว์น้อย แต่ได้มาก” ของจริง


Acura

Acura RDX Prototype : Compact SUV ระดับหรู เผยโฉมที่งานนี้มาพร้อมกับความสวยงามที่ก้าวกระโดดไปอีกขั้นด้วย Design Theme แบบใหม่ มีเส้นสายที่เฉียบคมและจะดูลงตัวกว่า Acura ที่ได้รับดีไซน์ใหม่ก่อนหน้านั้นพอสมควร

จุดเด่นของรถคือการออกแบบฝากระโปรงหน้าแบบมัดกล้าม, ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวพร้อมกับ DRL LED ดีไซน์แปลก และเส้นสายด้านข้างดูมีมิติ

Acura RDX Prototype ถูกสร้างขึ้นบน All NEW Platform ที่มีการขยายระยะฐานล้อ 64 มิลลิเมตร ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Turbo เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ SH-AWD

Chevrolet

 

ไฮไลต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานนี้ กลับไม่ใช่ SUV , รถ Sport หรือรถยนต์นั่งทั่ว ๆ ไป แต่มันคือรถกระบะ All NEW Chevrolet Silverado ที่สามารถทำยอดขายรถกระบะ Full-Size เป็นรองแค่ Ford F-150 เท่านั้น และดูเหมือนว่า GM ก็พยายามเร่งศักยภาพของตนเองด้วยการกล้าลงทุนปรับโฉม Silverado ให้กลายเป็นรถกระบะสุดทันสมัยตาม Ford F-150 แต่เพิ่มดีกรีความหล่อและทันสมัยไปอีกระดับเพื่อฉีกห่างคู่แข่งให้ได้มากที่สุด

GM ได้สร้างความมหัศจรรย์ให้แก่วงการรถกระบะ Full-Size ด้วยการกล้าปรับโฉม Silverado บนพื้นฐานของรถรุ่นเดิม จนมีความเปลี่ยนแปลงชนิดที่ลืมของเก่าไม่ได้เลย แต่ทุกคนจะจดจำมันด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยดีไซน์ด้านหน้าใหม่ หมดจด แปลกตาด้วยไฟหน้า LED ที่มีขนาดเล็กลงมาก

การออกแบบที่เห็นอยู่นี้เป็นการสืบทอดตำนานรถกระบะ GM ร่วม 100 ปี โดยยังรักษาสิ่งดั้งเดิมบางอย่างไว้อยู่ อาทิ การปั๊มตรา C H E V R O L E T แบบนูนต่ำ ลงบนฝากระบะท้ายยาวตลอดแนว ซึ่งนั่นเป็นเอกลักษณ์ของกระบะจากค่ายนี้ในยุค 1950 – 1960 เป็นต้น

ภายในห้องโดยสารนั้น GM ระบุว่ามันเป็นการฟังเสียงความต้องการของลูกค้าล้วน ๆ จนทำให้มีการออกแบบภายในที่ดูดีร่วมสมัย และมีความสะดวกสบายมากยิ่งกว่าเดิม และมีการขยายพื้นที่ Leg Room ห้องโดยสารตอนหลังในตัวถัง Crew Cab ถึง 3 นิ้ว, เพิ่มที่เก็บของภายในห้องโดยสารอีก 10 ลิตรและมีลิ้นชักเก็บของใต้เบาะนั่งด้านหลังอีก 24 ลิตร

All NEW Chevrolet Silverado จะมีความยาวกว่ารุ่นเดิมเพียง 41 มิลลิเมตร แต่ระยะฐานล้อกลับถูกขยายเพิ่มขึ้นอีก 100 มิลลิเมตร แต่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 40 กิโลกรัม เนื่องจากมีการใช้วัสดุหลายชนิดแต่แข็งแรงกว่าเดิม 10% ตัวกระบะยังมีหูยึดสำหรับยึดสัมภาระ รวมกัน 21 ตัว แบ่งเป็นแบบตายตัว 12 ตัว และแบบปรับตำแหน่งได้ 9 ตัว โดยอย่างแรกสามารถรับแรงดึงต่อตัว ได้สูงถึง 226 กิโลกรัม ก่อนที่จะเสียรูป

ขุมพลังและระบบส่งกำลังของ Chevrolet Silverado มีให้เลือก 6 แบบด้วยกัน แต่มีการเปิดเผยรายละเอียดโดยสรุป เพียงแค่ 4 อย่างเท่านั้น ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 5.3 ลิตร
  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 6.2 ลิตร
  • เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ
  • เกียร์อัตโนมัติ Hydra-Matic 10 จังหวะ สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 6.2 และ 3.0 ลิตร

GM ยืนยันว่ารุ่นเครื่องยนต์ V8 6.2 ลิตรและดีเซล Duramax 3.0 ลิตร จะได้เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมระบบ idle Stop สำหรับเครื่องยนต์ V8 จะมาพร้อมเทคโนโลยี Dynamic Fuel Management พักการทำงานของลูกสูบบางส่วนเพื่อประหยัดน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.headlightmag.com/news-all-new-chevrolet-silverado-launched/

Ford

การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งกับตระกูล Ford Ranger ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรถกระบะยอดนิยมในสมัย 80s-90s ด้วยข้อดีคือมันเป็นรถกระบะราคาไม่แพงนัก เมื่อเทียบกับ F-150 แต่ด้วยวันเวลาที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ Ford Ranger เริ่มเสื่อมความนิยมด้วยเหตุผลด้านราคาที่ไม่แตกต่างจาก F-150 มากนัก ทำให้ Ford ต้องถอด Ranger ออกจากตลาดสหรัฐอเมริกา ในเดือนธันวาคม 2011

Ford Motor ใช้เวลาครุ่นคิดนานถึง 6 ปีนับตั้งแต่ Ford Ranger T6 เผยโฉมครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ว่าการจะนำ Ranger รุ่นใหม่ล่าสุดกลับมาทำตลาดในสหรัฐอเมริกา จะเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าดีไซน์ของมันน่าจะโดนใจลูกค้า แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าลูกค้าจะไม่เปลี่ยนใจไปซื้อ F-150 กันจน Ranger ใหม่ขายไม่ออก

สุดท้าย Ford ก็ต้องนำ Ranger T6 กลับมาขายในสหรัฐอเมริกาจนได้ แต่คราวนี้เปลี่ยนบทบาทใหม่จากรถกระบะราคาประหยัดเมื่อเทียบกับ F-150 กลายเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ทางเลือกใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอรรถประโยชน์ใช้สอย และสามารถลุยทางค่อนข้างโหดได้เพราะมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก

Ford Ranger US Version จะเป็น Global Model เหมือนกันทั่วโลกแต่แตกต่างที่ดีไซน์บางจุด พร้อมกันนี้ยังใช้บริการเพลาล้อคู่หน้า-หลังโดย Dana พร้อม Differential แบบอิเล็กทรอนิคส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

แต่ที่เด่นสุด ๆ ก็คืองานวิศวกรรมใหม่เพื่อเอาใจลูกค้าชาวอเมริกันด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost 2.3 ลิตร พร้อมระบบ Direct Injection และ เทอร์โบแบบ twin-scroll ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แต่ยังไม่ได้ระบุตัวเลขสมรรถนะ คาดว่าน่าจะไม่ต่างจาก Ford Mustang EcoBoost ที่มีสเป็คเครื่องยนต์คล้ายกัน (Mustang เบนซิน 2.3 EcoBoost Turbo ให้กำลังสูงสุด 314 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 434 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที)

หน้าที่หลักของเครื่องยนต์เบนซิน Ecoboost 2.3 ลิตรก็คือการมาแข่งกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 มาตรฐาน ในด้านพละกำลัง แต่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่า เพราะมันคือเครื่อง 4 สูบ แต่ใช่ว่าเป็นเครื่อง Hi-Tech มันจะต้องเปราะ Ford ก็ลงทุนอัพเกรดเพลาข้อเหวี่ยง, ก้านต่อในเครื่องยนต์และเพลาลูกเบี้ยวให้ทนทานยิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ มีมาให้หลายรายการทั้ง ระบบเบรกอัตโนมัติพร้อมตรวจจับคนเดินถนน, ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และ ระบบ Trail Control ที่ทำหน้าที่เหมือน Cruise Control ทั่วไป สามารถเร่ง และ ลดความเร็วเองได้ แต่ระบบนี้ออกแบบมาไว้สำหรับทางวิบากโดยเฉพาะ โดยจะควบคุมความเร็วในแต่ละล้อด้วยตัวเอง เพื่อให้คนขับสามารถเพ่งสมาธิไปที่พวงมาลัย

Ford Ranger US Version จะคลอดจากโรงงาน Michigan พร้อมจำหน่ายช่วงต้นปี 2019

อ่านรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ http://www.headlightmag.com/news-ford-ranger-us-spec-launched/

GAC

มาไกลจากประเทศจีนมากสำหรับ GAC Motors ที่มีชื่อย่อมาจาก Guangzhou Automotive Company ที่คิดอยากจะสร้างอาณาจักรแห่งความยิ่งใหญ่ในอนาคตที่ตลาดสหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่ารถยนต์ที่นำมาจัดแสดงจะต้องเป็นรถ Concept เพราะรถในปัจจุบันมันยังไม่เข้าตาชาวมะกันแน่นอน

GAC Enverge Concept เป็นต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า EV SUV ที่ดูดีมีชาติตระกูลทีเดียว ถึงแม้ว่าดีไซน์ด้านหน้าอาจจะดูโหล Generic ไปนิด แต่ทว่าเมื่อดูสัดส่วนตัวถังของมันก็พบกับความน่าสนใจ เพราะมันดูปราดเปรียวเป็นสากลยิ่งนัก ความพิเศษของมันคือ สามารถเปิดประตูแบบปีกนก Gullwing ราวกับรถหรูได้

GAC ยืนยันว่า Enverge Concept เป็นรถยนต์ที่ถูกออกแบบเอาใจลูกค้าวัยรุ่นชาวอเมริกัน และเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะโดนใจลูกค้าจริง ภายในห้องโดยสารก็ได้รับแรงบันดาลใจจากภายในของรถแข่ง F1 อีกทอดหนึ่ง

ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 240 แรงม้า ทำความเร็ว 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง แค่เพียง 4.5 วินาที แต่ทำความเร็วสูงสุดได้แค่เพียง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่ขนาด 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 595 กิโลเมตร รองรับการชาร์จประจุไฟฟ้าด่วนภายใน 10 นาที จะมีระยะทางวิ่งสูงสุด 386 กิโลเมตร

GAC ระบุว่า Enverge Concept จะเปิดตัวขายจริงภายในปี 2019 นี้

Honda

Honda ยังไม่เข็ดกับการเปิดตัว Standalone Hybrid คงเพราะ Honda เชื่อมั่นว่าถ้าหากทำการบ้านมาดีจริง ๆ มันก็ไม่น่าจะแป้กอีกรอบ

All NEW Honda Insight คือคำตอบของการบ้านล่าสุดที่ Honda ยังทำไม่สำเร็จเสียที กับตลาด Standalone Hybrid ดังนั้น Honda จึงจับยุบรวม Insight และ Civic Hybrid ไว้เป็นรถรุ่นเดียวกันเสียเลย ทำให้ Honda ไม่ต้องทำรถออกมาซ้ำซ้อนให้เปลืองต้นทุนโดยใช่เหตุ

Honda พลิกวิธีคิดการพัฒนาใหม่ด้วยการนำพื้นฐานของ Civic FC มาพัฒนาต่อยอดใหม่จนกลายเป็นรถยนต์ C-Segment Hybrid ที่มีขุมพลัง Hybrid จับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Atkinson Cycle และ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พ่วงกับแบตเตอรี่ Li-ion ที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะหลัง ทำให้สามารถพับเบาะหลัง 60 : 40 ได้ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 50 MPG (ประมาณ 21.25 km/l)

ดีไซน์รอบคันจะพลิกโฉมให้ดูมีหรูหราและดูแพงกว่า Honda Civic เนื่องจาก Honda ได้วางภาพลักษณ์ Insight ให้กลายเป็น Premium Compact ไปโดยปริยาย

ก็นับว่าการเปิดตัว All NEW Honda Insight ในครั้งนี้ดูไม่เสียเที่ยวมากนัก และแสดงออกให้เห็นเลยว่า Honda คงจะคิดแผนการพัฒนาอย่างรัดกุมสุด ๆ

Hyundai

การเปิดตัว All NEW Hyundai Veloster อาจใช้พื้นที่ผิดเวลาไปหน่อย เพราะตอนนี้คงไม่มีใครคิดอยากจะได้รถแนว Compact Coupe กันอีกแล้ว มีแต่คนบ้าคลั่งอยากจะได้รถอเนกประสงค์ดีไซน์เจ๋ง ๆ เสียมากกว่า แต่ถ้าวัดจาก ‘ศักดิ์ศรีและหน้าตา’ ก็นับว่า Hyundai ต้องยอมเปิดตัวเจ้า Veloster ใหม่ เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า Hyundai ก็ทำรถขับสนุกเป็นนะ

All NEW Hyundai Veloster ยังคงถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างตัวถังและงานวิศวกรรมพื้นฐานจากรถรุ่นเดิม PB Platform ร่วมกับ i20 Generation ที่ผ่านมา แต่มีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ทั้งคัน ดังนั้น โดยรวมทั้งคันของมันจะดูไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก

สิ่งที่แตกต่างออกไปจากรถรุ่นเดิมคือการขัดเกลากรอบกระจกหน้าต่างด้านหน้าให้มีมุมมนขึ้น, กรอบกระจกหน้าต่างสำหรับผู้โดยสารตอนหลังดูปราดเปรียวคมชัดขึ้น, สาดสีหลังคาทูโทนตลอดทั้งคัน, เส้นสายตัวถังที่ดูเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยลวดลายพื้นผิวตัวถังที่สะท้อนมิติตัวรถ, ลงทุนออกแบบเสา D ใหม่ที่สอดรับกับไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งดูดุดันและลงตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ All NEW Hyundai Veloster ดูคล้ายกับรถแนว Shooting Brake ที่เคยได้รับความนิยมในอดีต

ส่วนดีไซน์ด้านหน้าหากไม่สังเกตให้ดี ๆ บางคนอาจคิดว่ามันคือ Veloster รุ่นเดิม แท้ที่จริงมันถูกออกแบบใหม่หมดจด ด้วยชุดกระจังหน้า Cascade Grille ทรงแปลกที่สุดเท่าที่ Hyundai ผลิตมา

ภายในห้องโดยสารเป็นการออกแบบก้าวกระโดดไปอีกขั้นด้วยรูปทรงที่ดูคล้ายกับรถยุโรปมากยิ่งขึ้น ใส่ในในรายละเอียดการออกแบบมากกว่ารถยนต์ระดับ B-Segment และ C-Segment ค่อนข้างมาก เนื่องจาก Veloster ถือว่าเป็นรถยนต์ที่เชิดหน้าชูตาให้แก่ Hyundai อยู่

All NEW Hyundai Veloster รุ่นล่างสุดติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 147 แรงม้า แรงบิด 178 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ 6 จังหวะ หากอยากแรงก็ต้องเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร Turbo 201 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตันเมตร และหากใช้ฟังก์ชัน Overboost จะมีแรงบิดถึง 273 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ

รุ่น Turbo จะมีการจูนช่วงล่างด้วยการเพิ่มขนาดเหล็กกันโคลงหน้าเป็น 24 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมช่วงล่างหลัง Multi-Link พร้อมเหล็กกันโคลงหนา 19 มิลลิเมตร

พิเศษสุด Hyundai ยังแนะนำ Veloster N ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Turbo 275 แรงม้า แรงบิด 374 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะพร้อมทั้งมีการปรับจูนช่วงล่างให้พิเศษอีกระดับจนราวกับเป็นรถคนละรุ่น

All NEW Hyundai Veloster น่าจะยังทำตลาดในโฉมนี้ไปสักพักใหญ่จนกว่า Hyundai จะตัดสินใจว่าจะให้รถคันนี้อยู่หรือไป? และถ้าอยู่จะให้รถรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ตามกระแสโลกหรือไม่?

Infiniti

นับตั้งแต่ Infiniti ร่วมมือกับ Daimler AG ในหลาย ๆ ด้าน ก็ดูเหมือนว่าความโดดเด่นของแบรนด์ Infiniti จะดูลดน้อยถอยลง เพราะดูเหมือนบริษัทแม่ทุ่มสรรพกำลังไปยัง Renault Nissan และ Mitsubishi ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงกว่ามากแทน แต่ใช่ว่าพวกเขาจะทอดทิ้งให้ Infiniti เดียวดาย

Nissan Motor เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่ให้แก่ Infiniti ถึง 2 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์การออกแบบที่จะมุ่งหน้าไปสู่ความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์เย้ายวน Sexy ฉบับละติน ที่หาได้ยากจากแบรนด์รถหรูอื่น ๆ และกลยุทธ์การวางภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีแต่รถยนต์ขุมพลังไฟฟ้า

Infiniti Q Inspiration Concept คือตัวอย่างล่าสุดที่พยายามฉีกรูปแบบการออกแบบใหม่ เพื่อค้นหาเอกลักษณ์ใหม่ที่ตราตรึงผู้คนมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนภายในจะเน้นความล้ำสมัยแบบเรียบง่าย

ไฮไลต์เด่นคือ เทคโนโลยี VC-Turbo เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ กำลังอัดแปรผัน ครั้งแรกของโลก มีจุดเด่นในเรื่องของสมรรถนะตามสไตล์ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แต่ประหยัดเทียบเท่าเครื่องยนต์ดีเซล หรือเครื่องยนต์ Hybrid

Jeep

เป็นเรื่องที่น่าฉงนไม่น้อยเลยว่าถ้าในเมื่อ Jeep Cherokee รุ่นปัจจุบันมียอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา แล้วทำไม Fiat Chrysler Automobiles จึงต้องปรับโฉมหน้า NEW Jeep Cherokee ให้มีใบหน้าที่ดูสามัญเหมือนกับรถ Jeep ทั่ว ๆ ไป แทนที่จะเป็นใบหน้าแปลกตาล้ำสมัยเหมือนรุ่นปัจจุบัน

NEW Jeep Cherokee มีการปรับดีไซน์ไฟหน้าใหม่จากเดิมเป็นแบบไฟหน้า 3 ชั้นก็ยุบเหลือเพียงแค่ชุดไฟหน้า Bi-LED และไฟตัดหมอก, ปรับดีไซน์ซี่กระจังหน้าให้ดูกว้างใหญ่ขึ้นและดีไซน์กันชนหน้าที่ดูทันสมัยขึ้นอีกระดับ บั้นท้ายมาพร้อมกับดีไซน์ไฟท้ายใหม่ที่มีไฟ Signature ‘Feature Light’ , เปลี่ยนกระโปรงท้าย, กระจกบังลมท้ายใหม่และกันชนท้ายใหม่

NEW Jeep Cherokee มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 2.0 ลิตร Turbo ให้กำลัง 270 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร แทนที่เครื่องยนต์เบนซิน Pentastar V6 3.2 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 180 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร

Kia

All NEW Kia Forte Sedan ยังคงยึดมั่นการออกแบบที่ดูสปอร์ตและดูวัยรุ่น ภายใต้เส้นสายที่ไม่น่าปวดหัวเหมือนกับรถบางแบรนด์ และในคราวนี้ Kia พยายามนำบุคลิกของสุดยอดรถ Sport Sedan อย่าง Kia Stinger มาประยุกต์ลงในรถ C-Segment คันนี้

All NEW Kia Forte Sedan ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถังร่วมกับ Hyundai i30 รุ่นปัจจุบัน นั่นก็ทำให้ Kia Forte รุ่นใหม่มีบุคลิกที่ดูสง่างามยิ่งขึ้น ลดสัดส่วนที่ดูหน้าทิ่มท้ายโด่งลงไป ดีไซน์ครึ่งคันหน้าจะแลดูคล้ายกับ Kia Stinger ย่อส่วนเป็นอย่างมาก ส่วนครึ่งคันท้ายดูเหมือนจะเน้นพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลัง ออกแนวเรียบง่ายเสียมากกว่า

แต่ ๆ ๆ All NEW Kia Forte Sedan จะมาพร้อมกับความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่เหนือกว่า Forte รุ่นเดิม เน้นความปลอดโปร่งและใช้งานง่าย เพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยชุดเครื่องเสียง Harman Kardon 320 วัตต์

เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Atkinson Cycle พร้อมวาล์วแปรผัน IVT 147 แรงม้า แรงบิด 178 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลือง 35 MPG หรือ 14.8 กิโลเมตร/ลิตร

All NEW Kia Forte Sedan เตรียมทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปี 2018 นี้

Lexus

น่าคิดไม่น้อยเลยว่า หาก Lexus จะก้าวเข้าสู่ตลาด High-End พวกเขาจะทำได้ดีขนาดไหน เพราะทุกวันนี้แบรนด์หรูค่ายหลักจากเยอรมนีก็ยังไม่สามารถก่อร่างสร้างตัวนี้ได้สำเร็จ ผิดกับ Range Rover ที่สามารถอัพเกรดตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับ High-End กว่าแบรนด์รถหรู Mainstream ได้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นอานิสงค์ของตัวแบรนด์ที่มุ่งเน้น SUV ระดับหรูมาก ๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ครั้นจะขยายหรือขยับไปสู่สิ่งที่สูงค่าขึ้นไปย่อมทำได้ง่าย

Lexus LF-1 Limitless Concept เป็นต้นแบบที่ออกมายั่วน้ำลายให้เศรษฐีทั่วโลก ต่างพากันเก็บเงินจับจองกัน เพราะเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราคงจะได้เห็น Lexus Flagship Luxury SUV กัน

Kevin Hunter ผู้บริหารศูนย์การออกแบบเปิดวิสัยทัศน์ว่า พวกเขาต้องการสร้างสมรรถนะและความหรูหราให้แก่รถยนต์ Flagship Crossover โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นความหรูหราและความแรงให้เฉพาะรถ Sedan ในแบบเดิม ๆ

จุดขายของงานดีไซน์ก็คือการกำหนดสัดส่วนตัวถัง ที่สังเกตเห็นได้ว่าล้อคู่หน้าจะขยับไปข้างหน้าเพราะตัวรถถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่ง Lexus เองยืนยันว่าสัดส่วน Lexus LF-1 Limitless Concept มันคือสัดส่วนแบบรถ Sport มากกว่ารถยนต์ Wagon ทั่ว ๆ ไป ขณะเดียวกันแนวหลังคาก็มีแนวลาดที่กำลังพอดีไม่ลาดเอียงมากจนสูญเสียพื้นที่ห้องโดยสาร

Mercedes-Benz

All NEW Mercedes-Benz G-Class รถเจ้าคุณปู่ที่ผ่านการศัลยกรรม Let me in จนได้ใบหน้าที่เต่งตึงกระชับ แต่ก็ยังสะท้อนถึงความเก่าแก่ด้วยงานวิศวกรรมพื้นฐานของรถรุ่นเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้นตามยุคสมัย เมื่อเปรียบเทียบหน้าตารถระหว่างรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จะพบว่าหาความแตกต่างได้ยาก แต่ถ้าหากสังเกตดี ๆ จะพบว่า มันจะได้ดีไซน์ใบหน้าใหม่ที่มีความสดใหม่ขึ้น และลดความสูงของเสาหลังคาลงซึ่งจะทำให้ตัวรถดูสมส่วนยิ่งขึ้น ตัวรถยาวขึ้น 53 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 121 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสารเป็นการยกเครื่องใหม่ราวกับเข้าไปอีกคนละโลก โดยนำลูกเล่นอุปกรณ์ดิจิตอลและปุ่มกดต่าง ๆ จาก S-Class และ E-Class มาผสมผสานกับความเป็น G-Class ดั้งเดิม

ดูเหมือนว่า Mercedes-Benz จะพยายามเอาใจลูกค้าด้วยการประเคนความสะดวกสบายของภายในห้องโดยสารเป็นอย่างมาก คงเพราะทุกคนรู้ดีว่า G-Class เป็นรถลุยทรงคุณค่าที่ทนทรหดอยู่แล้ว ถ้าหากมีภายในที่ดูน่าใช้ขึ้น มันก็จะกลายเป็นรถยนต์อุดมคติที่หลายคนอยากได้และซื้อสะสม

เพิ่มความบันเทิงด้วยชุดเครื่องเสียง Burmester ลำโพง 16 จุด, ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นทุกมิติ โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังจะมีพื้นที่ Leg Room เพิ่มขึ้น 150 มิลลิเมตร

ถึงภายในจะดูสำอางขึ้นแต่ G-Class โฉมใหม่กลับมีความสามารถในการบุกตะลุยดียิ่งกว่ารุ่นเก่าเสียอีก ด้วยเพลาล้อคู่หลังที่ถูกออกแบบให้สามารถลุยทางโหดได้ถึงใจมากขึ้น ลุยน้ำได้ลึกสุด 70 เซนติเมตร มีมุมเงยด้านหน้า 31 องศาและมุมเงยท้าย 30 องศา

พิเศษสุดแผนกรถแรง AMG ได้รับสิทธิ์ช่วยในการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ให้แก่ G-Class โฉมใหม่และน้ำหนักรถเบาลง 170 กิโลกรัม เนื่องจากใช้วัสดุน้ำหนักเบามากขึ้น

MINI

เล่นเปิดตัว MINI Hatchback และ Convertible LCI ที่งานนี้กันเลยทีเดียว ทั้งที่มันมีการปรับโฉมให้ดูเป็นรถสไตล์อังกฤษมากยิ่งขึ้น อันนี้ผู้เขียนก็น่าแปลกใจไม่น้อยเลยเหมือนกันว่าทำไมจะต้องเปิดตัวที่งาน Detroit Autoshow 2018 นี้

ที่เห็นกันชัด ๆ ก็คือโลโก้ MINI แบบใหม่, ไฟหน้า LED พร้อมระบบ Matrix ปรับระดับไฟสูงอัตโนมัติ, ไฟท้าย LED พร้อมกราฟฟิกธง Union Jack, ล้อลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ส่วนภายในก็มีการเพิ่มวัสดุตกแต่งสีใหม่: หนัง Chester Leather สีน้ำตาล Malt Brown, พวงมาลัย 3 ก้าน Multi-function แบบใหม่, หน้าจอแสดงผลขนาด 5 นิ้ว พร้อมระบบ Bluetooth

อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่ http://www.headlightmag.com/news-mini-hatch3-hatch5-convertible-lci-launched/

Nissan

บางคนก็รอลุ้นว่า All NEW Nissan Altima/Teana จะทำได้ดีแค่ไหน แต่ไหงในงานนี้ Nissan กลับเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ Xmotion Concept ที่ใบ้อย่างแรงกล้าว่า Design Element ที่เห็นจากรถคันนี้จะไปปรากฏใน Nissan SUV-Crossover รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2020 ก็คือรถคันขายจริงจะไม่เหมือนต้นแบบ แต่ดีไซน์บางส่วนของรถต้นแบบจะเห็นในรถ Production หลาย ๆ รุ่น

ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญคือการพยายามฉีกภาพลักษณ์ให้เป็น SUV ที่มีความบึกบึน สวนทางกับคู่แข่งที่พยายามจะทำให้ดูชดช้อยมากที่สุด ตัวรถจะเน้นสัดส่วนเหลี่ยมกล่อง แต่จะเน้นดีไซน์ด้านหน้า V-Motion ใหม่สำหรับรถตระกูล SUV ที่ดูมีมิติขึ้น , เน้นดีไซน์เหลี่ยมสันของซุ้มโป่งล้อ กับดีไซน์ด้านท้ายที่ดูคลีน ๆ

ภายในห้องโดยสารได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมของญี่ปุ่น ก็เรียกได้ว่าสวนทางกับการออกแบบภายนอก พร้อมอุปกรณ์ไฮเทค และระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPilot

RAM

เวทีนี้จะเป็นเวทีเปิดตัวรถกระบะเต็มรูปแบบไปแล้ว เพราะ Big3 ค่ายรถยนต์อเมริกันอย่าง Ford, GM และ Fiat-Chrysler ก็ยังเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ All NEW RAM 1500 กับเขาด้วย

All NEW RAM 1500 รถกระบะ Full-Size ที่ยังคงยึดมั่นแนวทางการออกแบบอนุรักษ์นิยมในแบบฉบับของ RAM อยู่ อาจจะไม่ก้าวข้ามความล้ำสมัยเหมือนกับ Chevrolet Silverado แม้ว่าตัวรถยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังจากรถรุ่นเดิม แต่ก็ปรับดีไซน์ให้ดูมีความหรูหราราคาแพงยิ่งกว่าเดิม

ด้านหน้าถูกออกแบบอย่างสวยงามและสลับซับซ้อนขึ้น พร้อมเพิ่มเส้นสายคมสันตั้งแต่ฝากระโปรงจรด เส้นสายด้านข้างรถ

นับตั้งแต่ Ford F-150 ปฏิวัติวงการด้วยการเริ่มใช้วัสดุอลูมิเนียมมาลดน้ำหนักตัวถังก็ทำให้คู่แข่งก็ต้องพัฒนางานวิศวกรรมให้มีน้ำหนักเบาลงตามเช่นกัน ไม่แพ้ RAM 1500 โฉมใหม่ที่จะมีน้ำหนักเบาลง 102 กิโลกรัม พร้อมกันนี้ตัวรถยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งจะมีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างยิ่ง

ไม้ตายสำคัญที่ทำให้ทุกคนต้องหันมามองก็คือ ขุมพลังใหม่ Mild Hybrid 48 โวลต์ จับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 3.6 ลิตร Pentastar 305 แรงม้า แรงบิด 364 พร้อมระบบ eTorque ช่วยเพิ่มแรงบิดอีก 122 นิวตันเมตรในยามจำเป็น

Mild Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน HEMI V8 5.7 ลิตร 395 แรงม้า แรงบิด 555 นิวตันเมตร พร้อมระบบ eTorque ช่วยเพิ่มแรงบิดอีก 176 นิวตันเมตร ทั้งหมดนี้จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความแรงแล้วมันก็จะทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นด้วย

Toyota

เป้าหมายของ All NEW Toyota Avalon คงไม่ได้กะจะมาปลุกกระแสตลาด E-Segment ในสหรัฐอเมริกาให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่ว่ามันต้องมาเพราะมันยังมีกลุ่มลูกค้าที่จงรักภักดีกับรถประเภทนี้อย่างเหนียวแน่น มาคราวนี้ Toyota Avalon ก็ยังคงรักษาความหรูหรา กว้างขวางเอาไว้อยู่เช่นเคย

All NEW Toyota Avalon เปรียบเสมือนกับเป็น Toyota Camry ขยายร่างเพราะว่ามันใช้พื้นตัวถัง TNGA เหมือนกันและใช้ดีไซน์ครึ่งคันหน้าเหมือนกัน โดยมีจุดเด่นสำคัญคือดีไซน์ที่สลัดภาพความหรูหราแบบอนุรักษ์นิยมทิ้งไป และนำความหรูหราในแบบฉบับ Lexus มาประยุกต์ให้เข้ากับ Toyota Theme มากที่สุด

ดังนั้นเราจึงได้เห็นเส้นสายที่ลึกลับซับซ้อน และแปลกตาใกล้เคียงกับรถยนต์ Lexus จุดเด่นสำคัญน่าจะอยู่ที่การออกแบบใบหน้าที่ควบรวมกระจังหน้าและช่องดักลมกันชนหน้าขนาดยักษ์ใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ตัวรถดูมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ, สัดส่วนครึ่งคันหลัง ดูยาวสง่างาม

มิติตัวรถจะมีความยาว 4,978 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,849 มิลลิเมตร ความสูง 1,435 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสารประเคนความหรูหราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมชุดเครื่องเสียง JBL 7.1 Channel กำลังขับ 1,200 วัตต์

พิเศษสุด All NEW Toyota Avalon มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแปรผันตามความแข็งของโช๊คได้ พร้อม Solenoid Control Valve ช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่เข้าโค้ง

 

ขุมพลังของ All NEW Toyota Avalon มีการเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนเท่านั้น ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบ THS II (Toyota Hybrid System II) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 650 โวลต์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT
  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.5 ลิตร รหัส 2GR-FKS กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 93.9 x 83.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

All NEW Toyota Avalon พร้อมออกจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือระหว่างเดือนมีนาคม – มิถุนายน โดยรุ่นที่ใช้ขุมพลัง V6 จะมี 4 รุ่นย่อยให้เลือก ประกอบด้วย XSE, Touring, XLE และ Limited ส่วนรุ่นที่ใช้ขุมพลัง Hybrid จะมีให้เลือกเพียง 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย XLE, Limited และ XSE
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.headlightmag.com/news-all-new-toyota-avalon-launched/

Volkswagen


แม้ว่า Volkswagen Jetta เป็นรถยนต์ที่มียอดขายไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ถ้าเทียบกับ Volkswagen ในสหรัฐอเมริกาก็บอกได้เลยว่า Jetta มีความสำคัญมากแน่นอน

All NEW Volkswagen Jetta ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง MQB ทำให้ตัวรถดูเพรียวบางขึ้น แต่ทว่าดีไซน์โดยรวมกลับไม่ได้ดูฉีกจากรุ่นเดิมเท่าไรนัก ทำให้แอบคิดว่าดีไซน์ในลักษณะนี้จะอยู่ได้ยืนยาวตามที่ Volkswagen กล่าวอ้างหรือไม่

ภายในห้องโดยสารพยายามยกระดับความหรูหราด้วยการเพิ่มวัสดุบุนิ่มในจุดที่ร่างกายสัมผัสบ่อย พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพการประกอบให้มีคุณภาพ ถึงขั้นคัดสรรวัสดุผ้าหุ้มเบาะและแผงข้างประตูอย่างมาก สร้างบรรยากาศใหม่ด้วยไฟ Ambient เปลี่ยนได้ 10 สี สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจด้วยมาตรวัดจอสีและหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่

Volkswagen กล้าตั้งราคา Jetta โฉมใหม่ให้ต่ำกว่ารุ่นเก่าเพียงเล็กน้อยทั้ง ๆ ที่มันเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานใหม่ใจป้ำมิใช่น้อย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.headlightmag.com/all-new-volkswagen-jetta/