ปี 2017 ถือเป็นแห่งความเปลี่ยนแปลงในระดับโลกาภิวัตน์สูง ทั้งภาวะน้ำมันดิบ
ที่มีแนวโน้มผันผวนสูงมาก, ความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศที่เริ่มก้าวเข้าสู่
Big Data หรือข้อมูลขนาดใหญ่ที่วิ่งวนอยู่รอบตัวเราจนน่าจะกำเนิดนวัตกรรมใหม่
ที่ทำให้ความเป็นอยู่ของคนดีขึ้น หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสหรัฐอเมริกา
ที่มีผลต่อทั่วโลก
เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีพันล้าน (ที่บางคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าเขาเคยซื้อกิจการ
และบริหารงานองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization) ในปี 1996 มาแล้ว!)
ได้ก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 90%
ไม่ทันไรก็ร่างแผนให้อเมริกาคือดินแดนแห่งพันธมิตร ไม่ปิดโอกาสให้ใคร ๆ อีกต่อไป
นโยบายเด็ดที่สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวโลกเป็นอย่างมากคือนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน”
(America First) วิสัยทัศน์ใหม่ที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจอเมริกาให้แข็งแกร่งและมั่นคง และนั่นทำ
ให้ความฝันของการค้าเสรีอาจต้องจบลงเมื่อ ทรัมป์ ประกาศกร้าวแล้วว่าหากบริษัทรถยนต์รายใด
กล้าผลิตและนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกมาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาแล้วล่ะก็ บริษัทรายนั้นจะต้อง
เสียภาษีในอัตราที่สูงกว่ารถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาพอสมควร และดูเหมือนว่าบริษัทรถยนต์
ส่วนใหญ่ก็ขานรับนโยบายนี้เสียด้วย
และผู้เขียนไม่แน่ใจว่าบริษัทรถยนต์พร้อมใจกันใช้นโยบาย America First ในงานมหกรรม
รถยนต์ Detroit Autoshow 2017 นี้กันหรือไม่? เพราะภาพรวมของการจัดงานในปีนี้
ถือว่าเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่บริษัทรถยนต์ไม่ค่อยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานนี้
เสียเท่าไร
อีกทั้งรถยนต์รุ่นใหม่และรถยนต์ต้นแบบที่เปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ล้วนเป็นรถที่ถูกพัฒนาและ
ผลิตขึ้นเพื่อเอาใจความต้องการของตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลักมากกว่า เอาเป็นว่าคงจะยก
ให้งาน Detroit Autoshow 2017 ปีนี้เป็นปีขานรับ America First อย่างสมศักดิ์ศรีไปครอง
Audi
แค่บูธแรกก็ปั่นป่วนวงการเสียแล้วเพราะ Audi ได้โชว์ Q8 Concept ที่น่าจะทำให้
Mercedes-Benz GLE Coupe และ BMW X6 เดือดร้อนแน่ ๆ เพราะมันเป็นสปอร์ต
เอสยูวีที่มีบั้นท้ายลาดแบบรถคูเป้ ถามว่ามาช้าไปไหม? ก็แล้วแต่ใจของแต่ละผู้อ่านคิด
แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่รถ EV อย่างที่พวกเราคิด
ไม้เด็ดของ Audi Q8 Concept คือรูปลักษณ์ที่ดูคล่องแคล่วกะทัดรัดกว่าเวอร์ชัน
รถต้นแบบในชื่อ Audi e-Tron Quattro Concept มีการปรับสัดส่วนตัวถังให้ออก
สไตล์รถลุยมากขึ้น มีไฮไลต์สำคัญคือการออกแบบเสา C ที่เอนลาดและกระจก
โอเปร่าหลังที่มีขนาดเล็กลงและมีแนวหลังคาที่เอนลาดลง โดยรวมดูสัดส่วนคล้ายกับ
Range Rover Evoque มากกว่าที่จะทำให้ดูคล้ายกับ BMW X6
แม้ภายในห้องโดยสารจะดูล้ำสมัยจนคิดว่ามันไกลเกินตัวพวกเราแต่ แต่เอาเข้าจริง
เลย์เอาท์ภายในทุกสิ่งอย่างกลับดูเป็นงานที่พร้อมจะผลิตจริงได้ทุกเมื่อ หากปรับ
เปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างให้ดูเรียบง่ายขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า Audi Q8 เวอร์ชัน
ขึ้นสายการผลิตจริงจะมีภายในที่ไม่แตกต่างจากรถต้นแบบมากนัก
Audi ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้เอาไว้คือการลดปุ่มกดบนแผงแดชบอร์ดให้เหลือ
น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เมื่อดูจากในภาพแล้วก็บอกเลยว่ามันเหลือแค่หน้าจอสัมผัส
infotainment และหน้าจอปฏิบัติการตรงคอนโซลกลางที่คาดว่าน่าจะรองรับ
ฟังก์ชันภายในรถ อาทิ เครื่องปรับอากาศและการสั่งงานต่าง ๆ เป็นต้น
มิติตัวรถยาวถึง 5.02 เมตร กว้าง 2.04 เมตร สูงแค่ 1.70 เมตร ถือว่าใหญ่กว่า
คู่แข่งเพียงเล็กน้อย
สิ่งที่ผิดคาดและผิดความหวังไปมากคือ Audi Q8 Concept กลับอวดขุมพลัง
Plug-in Hybrid จับคู่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร TFSI ให้กำลัง 333 แรงม้า (PS) แรงบิด
330 นิวตันเมตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 448 แรงม้า (PS) แรงบิดมหาศาล 700
นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.4 วินาที
สามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้า มีระยะทางวิ่งสูงสุด 60 กิโลเมตร
โดยสรุป Audi Q8 เวอร์ชันผลิตไม่น่าจะเป็น Dedicated EV ตามที่ข่าวเคยปรากฏ
ก่อนหน้านั้น ทำให้น่าสงสัยว่า Audi จะเก็บไม้ตายนี้ไปยังรถรุ่นใดกันแน่?
Chevrolet
ปีนี้อาจไม่มีรุ่นใหม่ในแบบ Global Model แต่เอาแค่ America Domestic Market
Car ก็น่าจะทำให้คนทั้งผืนแผ่นดินอเมริกาใจเต้นตุ๊มต่อมได้ เพราะนี่คือเวทีแรกที่
อวดโฉม All New Chevrolet Traverse สุดยอดเอสยูวีขนาดใหญ่ที่มีที่นั่ง 3 แถว 8
ที่นั่งที่อลังการที่สุด
แรกเริ่มเดิมที Chevrolet Traverse โฉมแรกรุ่นระหว่างปี 2009 – 2016 เคย
เป็นครอสโอเวอร์ระดับ Full Size ที่มีเบาะนั่ง 3 แถวที่สื่อและลูกค้าคอนเฟิร์มเลย
ว่าสบายทุกที่นั่งเพราะมีความยาวตัวถัง 5,207 มิลลิเมตร (แต่รุ่นปี 2013 เป็นต้นไป
จะหดเหลือ 5,174 มิลลิเมตร) มีความกว้างตัวถังจะแตะระดับ 2 เมตร
ถึงแม้ Traverse รุ่นแรกมีดีไซน์จืดชืดแต่ด้วยจุดเด่นที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง
แบบสุด ๆ นั้นก็ทำให้รถรุ่นนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
All New Chevrolet Traverse จึงกลายเป็นรถรุ่นใหม่ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์
เบาะนั่ง 3 แถว 8 ที่นั่งที่กว้างสบายสุด ๆ แต่เพิ่มเติมสิ่งดี ๆ ที่รุ่นที่แล้วขาด คือ ดีไซน์
ดีไซน์ภายนอกคงหนีไม่พ้นใบหน้าที่ลอกเลียนมาจาก All New Chevrolet Equinox
: Global SUV ที่มีแนวโน้มว่าจะทำตลาดแทนที่ Chevrolet Captiva ในหลายตลาด
ทั่วโลก แต่สัดส่วนอื่น ๆ จะไม่เหมือนกับเอสยูวีรุ่นน้องแต่อย่างใดเพราะมันถูกออกแบบ
เอาใจคนอเมริกันเป็นหลัก
ภายในห้องโดยสารคือสิ่งที่ถูกปรับปรุงมากที่สุดจากรถขนคนที่เน้นแต่ความใหญ่
ก็กลายเป็นทั้งใหญ่ทั้งหรูขึ้น มีดีไซน์ไม่ฉีกหนี Global Design หลักในแบบปัจจุบัน
GM จัดเต็มทั้งรุ่นสปอร์ต RS และรุ่นออพชั่นเยอะ High Country มีราคาเริ่มต้น
ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์
Ford
คิดว่าเวลานี้จะมีอะไรมาโค่น Ford F-150 ลง? ทุกวันนี้ F-150 เป็นสุดยอดรถกระบะและ
เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดตลอดกาลในสหรัฐอเมริกาชนิดที่ไม่รู้ว่าจะมีคู่แข่งที่สามารถต่อกร
กับ Ford F-150 ได้อีกนานได้แค่ไหน?
เอาเป็นว่า Ford F-150 รุ่นปัจจุบันก็เคยสร้างความฮือฮาด้วยการนำวัสดุอลูมิเนียม
คุณภาพระดับเดียวกับวัสดุทางการทหารมาเป็นส่วนประกอบ F-150 โดยหวังเพิ่มความ
แข็งแกร่งของตัวถังและลดน้ำหนักหวังทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ผลลัพธ์ก็ไม่ต้องบอกว่าคู่แข่งคงต้องกระอักเลือดเป็นธรรมดา
เวลาผ่านล่วงเลยไป 3 ปีก็ถึงเวลาของ 2018 Ford F-150 Minorchange เสียที
มาพร้อมกับกันชนหน้า-หลัง พร้อมกระจังหน้า และ ไฟหน้าทรงใหม่ ซึ่งช่วยให้ด้าน
หน้ารถดูกว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม ในขณะที่ด้านด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลง ไฟท้าย
และฝากระบะท้ายเช่นกัน ล้อมีลายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 6 ลาย มีขนาดตั้งแต่ 17 – 22 นิ้ว
อุปกรณ์ภายในที่สามารถติดตั้งเพิ่มได้ และมีเป็นครั้งแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน
ประกอบไปด้วย 4G LTE Modem ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันสูงสุด 10
เครื่อง และเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen
ไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มเครื่องยนต์บล็อกใหม่ ทางเลือกใหม่
– เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.3 ลิตร Direct Injection ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 34.97 กก-ม. (343 นิวตันเมตร)
– เครื่องยนต์ดีเซล Power Stroke 3.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
ซึ่งนี่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลตัวแรกของ Ford F-150
ถือเป็นปฏิบัติการรักษาความเป็นเจ้าตลาดแห่งอเมริกาให้เหนียวแน่นที่สุด
GMC
ถ้า All New Chevrolet Equinox ใหม่มาแล้ว แล้วทำไม GMC จะไม่มาเล่า? ก็เพราะ
GMC ต้องเอาเจ้า Traverse มาขัดเกลาใหม่จนกลายเป็น GMC Terrain ใหม่
แต่ยอมรับความเซอร์ไพร์ซประการหนึ่งคือ การออกแบบด้านหน้าที่ดูสวยล้ำสมัย
พร้อมไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่, กระจังหน้าใหม่ทรงทันสมัย และไฟท้ายดีไซน์เอกลักษณ์
มีเส้นสายรอบคันให้ความแตกต่างจาก Equinox มากมายเพราะเน้นความทนทานที่
เข้ายุคสมัย
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารอาจไม่ได้ถูกออกแบบให้ดูหรูล้ำเหมือนกับฝั่ง Chevrolet
แต่ GM ก็พยายามนำโทนสีอันหรูหราและใช้อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารหลายชิ้นร่วมกัน
2018 GMC Terrain มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ ทั้ง กล้องรอบคัน
Surround Vision, ระบบเตือนก่อนการชน พร้อมระบุระยะห่างที่เว้นจากคันหน้า
Forward Collision Alert with Following Distance Indicator, ระบบเบรก
อัตโนมัติทั้งในย่านความเร็วสูงถึงความเร็วต่ำ Low and High Speed Forward
Automatic Braking และ ไฟเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารตอนหลัง
เครื่องยนต์มีขุมพลังให้เลือก 3 แบบ ได้แก่
– เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 172 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 28.04 กก-ม. (275 นิวตันเมตร) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ
– เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 256 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 35.99 กก-ม. (353 นิวตันเมตร) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ
– เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 139 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 33.14 กก-ม. (325 นิวตันเมตร) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
Honda
ต้นปีนี้อาจไม่มีรถใหม่ในลักษณะ Global Model แต่ทว่า Honda ก็ยังส่ง Odyssey
โฉมใหม่มาทำตลาดในอเมริกาเหนือ ดูเผิน ๆ Odyssey เวอร์ชันอเมริกาเหนือจะคล้าย
คลึงกับ Odyssey เวอร์ชันญี่ปุ่น แต่ถ้าหากสังเกตดี ๆ จะพบว่า Odyssey เวอร์ชัน
อเมริกาเหนือ จะมีความแตกต่างกันหลายจุดมาก
All New Honda Odyssey นอกจากจะชูจุดขายด้านความใหญ่โตของขนาดรถยนต์
และพื้นที่ภายในห้องโดยสาร Honda ยังชูนวัตกรรมใหม่สำหรับรถครอบครัวหลายประการ ได้แก่
-CabinWatch ระบบถ่ายทอดภาพจากกล้องที่ติดตั้งอยู่ บริเวณเพดานของเบาะ
แถวที่ 2 เพื่อดูว่าผู้โดยสารด้านหลังทำอะไรอยู่ และสามารถแสดงภาพในเวลากลางคืน
หรือ Night Vision ได้ด้วย
– CabinTalk ระบบถ่ายทอดเสียงของคนขับผ่านลำโพงรอบคัน หรือหูฟังเพื่อติดต่อ
สื่อสารกับผู้โดยสารแถวหลังได้ง่ายขึ้น
– CabinControl ระบบควบคุมเครื่องเสียง และ ปรับอุณหภูมิของผู้โดยสารตอนหลัง
สามารถ download มาติดตั้งใน smart phone ได้
– Connected Rear Entertainment System หน้าจอบนหลังคาขนาด 10.2 นิ้ว
สามารถเล่นวีดีโอผ่าน streaming ได้ และยังมีภาพ graphic จำลองการเดินทาง
ให้เด็กๆ ทราบด้วยว่าตอนนี้ อยู่ห่างจากปลายทางแค่ไหน
– Social Play List ระบบความบันเทิงที่ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Playlist ส่วนตัวขึ้น
มาเองได้ รองรับผู้ใช้งานสูงสุด 8 คน
นอกจากนี้ Honda ยังพยายามทิ้งภาพลักษณ์รถมินิแวนงานหยาบ ๆ ในอดีตทิ้งไป
ด้วยการเพิ่มคุณภาพวัสดุบุนุ่มภายในห้องโดยสารที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ
Infiniti
ทันทีที่ Infiniti พยายามปัดกวาดเช็ดถูกชื่อรุ่นของตนเองใหม่ (ที่ดูเหมือนว่าจะงงหนัก
กว่าเดิม!!) นับตั้งแต่นั้นมา Infiniti กลับมียอดขายดีวันดีขึ้นเนื่องจากมีรถรุ่นใหม่จำหน่าย
บ่อยขึ้นและก็เริ่มเน้นทำตลาดในยุโรปที่ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เลวร้ายนัก (โปรดอย่าเทียบยอด
ขายกับ Big Name อย่าง Mercedes-Benz, BMW, Audi, Lexus, Volvo เป็นอันขาด)
ล่าสุด Infiniti ก็เตรียมส่งรถรุ่นใหม่สานต่อช่วงขาขึ้นอย่างทันท่วงทีด้วยการเผยโฉม
Infiniti QX50 Concept แค่ชื่อก็บ่งบอกได้เลยว่ามันคือร่างทรงของ Infiniti QX50
ตัวต่อไปนั่นเอง
Infiniti QX50 Concept จะเป็นการฉีกลุคการดีไซน์แบบใหม่ลดความอ้อนแอ้นอ่อน
ช้อยลงในรถรุ่นเดิม แต่เพิ่มสัดส่วนที่แข็งแกร่งตามปราดเปรียวเพรียวบางในแบบรถยุค
ใหม่ควรจะเป็น
จุดขายสำคัญที่สุดคงไม่ใช่ภายนอก แต่คือภายในห้องโดยสารที่ให้นิยามกันเลยว่า
มันคืองานหัตถกรรมทรงคุณค่าสำหรับความหรูหราระดับทันสมัย ใช้วัสดุประกอบด้วย
ลายไม้จำนวนมาก, หนังแท้และการเดินด้ายที่ใช้ฝีมือในการผลิตขึ้นมา ทันสมัยด้วย
หน้าจอสีอยู่ตรงกลางแผงแดชบอร์ด 1 หน้าจอและติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง 1 หน้าจอ
เข้าสู่ยุคไร้ปุ่มอย่างแท้จริง
งานวิศวกรรมของมันคือจุดขายที่ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจ คือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ
2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดรวมกับ 272 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 39.76 กก-ม.
(390 นิวตันเมตร) โดดเด่นด้วย VC-Turbo ที่มากับเทคโนโลยีอัตราส่วนกำลังอัดแบบ
แปรผันเป็นครั้งแรก (VC-TurboVariable Compression Engine) ซึ่งปกติจะเป็น
แบบตายตัว สำหรับอัตราส่วนกำลังอัดของ Infiniti ตั้งแต่ 8.0 : 1 ถึง 14.0 : 1
Infiniti ให้นิยามเครื่องยนต์นี้ว่า VC-T ที่ย่อมาจาก Variable Compression-Turbo
charged หรือเครื่องยนต์กำลังอัดแปรผันพร้อมเทอร์โบชาร์จครั้งแรกในโลก และ เป็น
เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
Kia
Kia Stinger เป็นการนำเสนอรถยนต์ Flagship ของ Kia ที่ผิดคาดจากที่ผู้เขียนเคยคิด
คือตอนแรกคิดว่ามันน่าจะใช้ชื่อ Kia GT หรือ Kia KXX ที่เป็นรหัสตัวเลขสักอย่าง
และที่ผิดคาดคือดีไซน์ไม่น่าจะแตกต่างจากเวอร์ชันรถต้นแบบ Kia GT Concept
แต่พอของจริงออกมากลับทำได้ใกล้เคียงทีเดียวก็สมค่ากับเวลาที่ต้องรอนานถึง 5 ปี
จุดขายสำคัญอีกประการคือการขับขี่เนื่องจาก Albert Biermann ผู้บริหารฝ่ายพัฒนา
สมรรถนะได้ย้ายมาจาก BMW ในปี 2014 เขาจึงนำประสบการณ์ในการพัฒนามา
ปรับปรุงใน Kia Stinger ได้ ถือเป็นงานที่ท้าทายเนื่องจาก Stinger เป็นรถที่สวยงาม
เหมาะสมกับคุณภาพการขับขี่ดีเยี่ยม และผู้คนก็ไม่ได้คาดหวัง Stinger อะไรมากนัก
จนกระทั่งงานเปิดตัววันนี้
โดยรวมแล้ว Kia Stinger คือสัตว์ร้ายตัวใหม่ที่จะมาช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่ Kia
ซึ่งดูวี่แววแล้วว่านับจากนี้ชื่อของ Kia น่าจะเป็นชื่อที่น่าจดจำมากขึ้น
Lexus
ไฮไลต์สำคัญสุดในงานนี้คงหนีไม่พ้น All New Lexus LS : Flagship Sedan ที่ฉีกทุก
ความคาดหวังของรถซีดานใหญ่ เพราะนี่คือรถซีดานใหญ่ที่มีดีไซน์แหวกแนวเอามาก ๆ
ด้วยดีไซน์ด้านหน้าและด้านท้ายที่ดุดัน ขณะเดียวกัน Lexus ก็เข้าใจดีว่ารถซีดานหรู
ขนาดใหญ่ต้องการความสบายมากแค่ไหน Lexus จึงต้องรักษาสัดส่วนห้องโดยสารให้
ดูกว้างขวางไว้เช่นเคย
Lexus LS โฉมใหม่มีดีไซน์ฉีกแนว LS ในรอบ 28 ปีด้วยสัดส่วนตัวถังแบบซีดานคูเป้ล้ำสมัย
, มีดีไซน์ที่สะท้อนความเป็นรถหรูสะท้อนภาพวัฒนธรรมแห่งญี่ปุ่นยุคใหม่ที่แข็งแรงมีเอก
ลักษณ์เพื่อดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเศรษฐีทั่วโลกกว่า 90 ประเทศ
ตัวรถโดยรวมเตี้ยกว่าเดิมมากถึง 1.5 เซนติเมตรมีความสูงของขอบฝากระโปรงหน้าเตี้ย
กว่าเดิม 3 เซนติเมตร และลดความสูงของขอบฝากระโปรงหลัง 4 เซนติเมตร
ตัวรถมีความยาว 5,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร มีความ
ยาวฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร ใกล้เคียงกับพวก S-Class รุ่นฐานล้อยาวมาก ๆ
พื้นฐานโครงสร้างใหม่รถขับหลัง Premium Rear-Wheel drive ที่ Lexus เรียกว่า
all-new Lexus global architecture for Luxury vehicles (GA-L)
ที่ Lexus เคลมว่าเป็นพื้นตัวถังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ Lexus เคยพัฒนามา
มอบประสบการณ์ความสบายในการขับขี่และสมดุลแห่งการบังคับที่ดีกว่า
Lexus LS รุ่นที่แล้ว ดีขึ้นแต่เบาลงกว่ารุ่นเดิม 200 กิโลเมตร
มีระบบช่วยเหลือการขับขี่ และ ควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ VDIM (Vehicle
Dynamics Integrated Management ที่จะช่วยสอดประสานการทำงานของ
ทั้งเครื่องยนต์-ระบบส่งกำลัง, ระบบเบรก, พวงมาลัย และ ช่วงล่าง
พิเศษสุด Lexus LS โฉมใหม่ติดตั้งช่วงล่างถุงลมสามารถปรับยกระดับรถได้หากมีการ
เปิด-ปิดประตูรถเพื่อให้เข้าออกรถอย่างสะดวก
เครื่องยนต์ใหม่ V6 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ F1
ให้กำลัง 415 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V8
แบบไร้อัดอากาศใด ๆ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ (แทนที่เครื่องยนต์ V8 เดิม)
พร้อมแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัย สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 km/h ใน 4.5 วินาที
ความสะดวกสบายของภายในห้องโดยสารเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เริ่มจากเบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า
ปรับได้ 27 ทิศทางมีฟังก์ชันปรับอุ่น, ปรับความเย็นและมีระบบนวดในตัวได้
เบาะนั่งหลังมีพื้นที่วางขากว้างขวางกว่า LS รุ่นที่แล้วพอประมาณสามารถปรับเอนได้ 48 องศา
ปรับตั้งชันได้ 24 องศา
Lexus LS โฉมใหม่ : Super Flagship Sedan เตรียมส่งจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาช่วง
ปลายปี 2017 และจะส่งทำตลาดในระดับโลกปี 2018
Nissan
เป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อไร Nissan จะเปิดตัวรถ Mainstream Model ที่ทำตลาดทั่วโลก
อย่าง Altima (Teana), Sentra Sylphy) และ Versa Sedan (Almera) โฉมใหม่เสีย
ทีซึ่งผู้เขียนดูวี่แววแล้ว Nissan ก็น่าจะทยอยกันออกมาเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ขัดเกลาดีไซน์ไป
ทีละรุ่น
ล่าสุด Nissan เปิดตัวรถต้นแบบ Vmotion 2.0 Concept หากดูเผิน ๆ ก็ไม่แน่ชัดว่า
มันจะเป็นรถต้นแบบของรุ่นอะไร แต่เมื่อดูรายละเอียดทั้งหมดก็มีแนวโน้มว่าน่าจะกลาย
ร่างเป็น Altima/Teana โฉมใหม่
Nissan Vmotion 2.0 Concept เป็นรถต้นแบบที่บ่งบอกทิศทางการออกแบบรถซีดาน
รุ่นต่อไปของ Nissan มีวิวัฒนาการอีกขั้นของการออกแบบใบหน้า V-Motion เอกลักษณ์
ที่มีอยู่ในรถยนต์ Nissan Murano และ Maxima ถือเป็นการออกแบบกระจังหน้าอีกก้าว
หนึ่งไปสู่กระจังหน้า 3 มิติที่มีรูปทรงอัจฉริยะที่ช่วยทำให้รถดูมีมวลและมีโครงสร้างที่เด่นชัด
หากสังเกตให้ดี ๆ จะพบว่ามิติของโครงสร้างตัวถังครึ่งคันหน้าแอบละม้ายกับ Renault
Talisman D-Segment Sedan อยู่บ้าง
มีความเป็นไปได้สูงว่า All New Nissan Altima/Teana น่าจะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลก
ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 สำหรบ
Toyota
ถ้าหาก Ford ต้องการปรับโฉม F-150 เพื่อรักษาความเป็นแชมป์รถขายดีที่สุดในอเมริกา
ก็คงคล้ายกับ Toyota ที่ลงทุนเปลี่ยนโฉมให้แก่ Camry ใหม่เพื่อรักษาแชมป์ยอดขาย
รถยนต์ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกายาวนาน 15 ปี และการลงทุนในครั้งนี้เป็นอะไรที่น่าจับตา
เพราะ Toyota กล้าพูดได้เลยว่ามันคือ Sexy Camry (ไม่ใช่ญาติกับ Sexy Pancake
อดีตเน็ตไอดอลในอดีต) ฉีกภาพลักษณ์รถที่ดูมีขนบไปให้หมดนำพาเอาความสปอร์ตมา
ใส่เต็มพิกัดทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะการขับขี่ โปรยปกใหญ่มาขนาดนี้ก็คงเหลือแค่
ต้องลองขับเท่านั้น
จุดเด่นสำคัญคงหนีไม่พ้นการพัฒนา All New Toyota Camry โฉมที่ 8 บนชุดโครง
สร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม TNGA ร่วมกับ Prius และ C-HR ใหม่ กลยุทธ์
งานวิศวกรรมใหม่ที่จะช่วยอำนวยงานออกแบบ, งานวิศวกรรมและแพ๊คเกจรถให้ดู
น่าตื่นเต้นขึ้น เพิ่มพูนด้วยคุณภาพและความปลอดภัยที่ผสมกันไปด้วยความสนุก
สนานในการขับขี่ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ใหม่และระบบส่งกำลังใหม่
ทีมพัฒนา Toyota Camry โฉมที่ 8 มุ่งเน้นวางแนวคิดดีไซน์ให้พุ่งเป้าเส้นสายที่
สอดคล้องอย่างแข็งแรงระหว่างภาพลักษณ์ความประณีต และ ความแข็งแกร่ง
อันเป็นการสร้างแนวทางใหม่ในตลาด ผลลัพธ์ออกมาจึงเป็น New Design Language
ที่มีทิศทางสวยงามและล้ำอนาคตใหม่
3 เป้าหมายของการออกแบบ All New Toyota Camry คือ ความโดดเด่น, จุดศูนย์
ถ่วงต่ำที่มีสัดส่วนตัวถังกว้าง ผสานความสปอร์ตและใช้งานได้ดีและมีภาพลักษณ์
สปอร์ตดูขยับเป็นรถอีกเกรดทั้งภายนอกและภายใน ผลลัพธ์คือเป็นรถซีดานที่ดู
น่าตื่นเต้นเร้าใจ, น่าลองขับ เป็นการตั้งมาตรฐานใหม่ ในการออกแบบรถซีดานขนาดกลาง
การออกแบบกระจังหน้าจะเป็นแบบ 2 ชิ้นเสมือนมีร่องดักลมระหว่างกลางมีทรง
คล้ายปีกนกนางนวลอันเป็นปรัชญาการออกแบบ Keen Look Design ที่จะทำให้
รถ Toyota ดูเร้าใจ โดยกระจังหน้าและกันชนหน้าของรุ่น Hybrid และรุ่นเครื่องยนต์
ปกติจะดูแตกต่างกัน โดยรุ่น Hybrid จะมีใบหน้าที่ดูเรียบร้อยกว่า เน้นช่องดักลม
กันชนหน้าดีไซน์ล้ำยุค ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ปกติจะเน้นกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อม
ออกแบบช่องดักลมกันชนหน้าทรง X-Shape
แล้วด้วยความที่เป็นรถจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้ Toyota Camry โฉมที่ 8 มีความปราด
เปรียวกว่า Camry รุ่นปัจจุบัน มีเบาะนั่งรองรับสะโพก สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
ต่ำกว่าเดิม 1.0 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลังต่ำกว่ารุ่นเดิม 1.2 นิ้ว มีการออกแบบ
โครงตัวถังรถให้เตี้ยกว่าเดิม 1 นิ้ว มีการลากเส้นหลังคาที่ลาดเตี้ยลงโดยไม่ต้อง
สละเนื้อที่ภายใน
แหล่งข่าวภายในระบุว่า All New Toyota Camry รุ่นใหม่นี้ จะเป็น Global Design
และ มีความเป็นไปได้ว่า จะทำตลาด D-Segment ในเมืองไทย ภายในปี 2018 นี้
ตามหลัง Toyota C-HR
Volkswagen
แม้คดี Dieselgate ทำพิษให้แก่ค่ายนี้แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ต่อไป ใช่ว่าสู้อย่าง
ไร้สติสตัง พวกเขาขอสู้ด้วยการเดิมพันถึงอนาคต นั่นคือการเตรียมรุกตลาดรถไฟฟ้ายุคใหม่
Volkswagen I.D. Buzz Concept คืออนาคตแห่งรถไฟฟ้าที่ Volkswagen ตั้งใจจะ
รุกตลาดจนมียอดขายทะลุ 1 ล้านคันในปี 2025 ที่ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
-ความยั่งยืนอันชาญฉลาด (Smart Sustainability) การพัฒนาที่ก้าวล้ำหรือนวัตกรรม
สำหรับรถไฟฟ้าที่จะมียอดขายสูง
-การขับขี่อัตโนมัติ มีเป้าหมายเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยกว่าและสะดวกสบายขึ้น
-ใช้งานง่าย มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ที่เรียบง่ายและ
-การเชื่อมโยงกับมนุษย์, รถยนต์ละสิ่งแวดล้อม
รถต้นแบบคันนี้มีจุดเด่นที่มีพื้นที่อรรถประโยชน์ใช้สอยมากมาย, ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอด
เวลาด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับส่งกำลังล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง, มีระบบขับขี่อัตโนมัติ
สมบูรณ์แบบที่เรียกว่า I.D. Pilot , หน้าจอสัมผัสและการสั่งการเจเนเรชั่นใหม่
Volkswagen I.D. Buzz Concept ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังสเกตช์บอร์ด MEB-XL
เวอร์ชันฐานล้อยาว ที่ผนวกแพ๊คแบตเตอรี่ซ่อนใต้พื้นตัวถังทำให้มีเนื้อที่ภายในห้องโดย
สารมากมายและมีเนื้อที่มากพอที่จะติดตั้งช่วงล่างหลังมัลติลิงค์พร้อมหน่วยการขับเคลื่อน
และยังมีพื้นที่พอติดตั้งซับเฟรมสำหรับล้อคู่หน้าและคูหลัง พิเศษช่วงล่างถุงลมจะติดตั้ง
บนเพลาล้อคู่หลังปรับไฟฟ้าได้ สามารถปรับตัวขณะเข้าโค้งและช่วยทำให้ลดเสียงรบกวนได้
มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวรวมพลังกันถึง 369 แรงม้าในโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ มีระยะทางวิ่ง
สูงสุดต่อการชาร์จประจุครั้งเดียวตามมาตรฐานยุโรป NEDC ถึง 600 กิโลเมตรหรือประมาณ
434 กิโลเมตรตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกา
ดูวี่แววแล้วว่า Volkswagen I.D. Buzz Concept น่าจะขึ้นสายการผลิตจริงในปี 2019 นี้
Volkswagen Tiguan Allspace หรือมันคือ Tiguan เวอร์ชันฐานล้อยาว หมายมั่นจับ
ตลาดชาวอเมริกาที่ชอบรถใหญ่ ๆ (เพราะขืนส่ง Tiguan รุ่นปกติทำตลาดอาจจะดับคา
ตลาดที่อเมริกาได้) และยังเอาใจลูกค้าชาวจีนที่ชอบเหยียดแข้งเหยียดขาพอสมควรจน
สามารถติดตั้งเบาะนั่งแถวที่ 3 ได้
ภายนอกมาพร้อมกับสีตัวถังสีใหม่, ไฟ LED รอบคัน พร้อมล้อขนาด 17 – 19 นิ้ว
Volkswagen Tiguan Allspace ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ MQB Platform
เหมือนกับ Tiguan รุ่นธรรมดา แม้ว่าจะมีความยาวมากกว่ารุ่นปกติ 215 มิลลิเมตร
และ ระยะฐานล้อมากกว่าเดิม 110 มิลลิเมตร
ภายในจึงได้รับอานิสงส์จากการยืดความยาว ทำให้พื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้นอีก
57% พร้อมกับเปลี่ยนแนวทางการตกแต่งด้วย สำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ ประกอบไปด้วย
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบอุ่นเบาะคู่หน้าพร้อมพวงมาลัย และเครื่องเสียง
Premium จาก Fender