สำหรับใครที่ไม่คุ้นชื่อรุ่น Sequoia ต้องขอเกริ่นกันก่อนว่า เป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ของ TOYOTA ที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเฟรมแชสซีของรถกระบะขนาดใหญ่สุดของค่ายอย่าง Tundra โดย Sequoia ขายมาแล้ว 2 เจเนอเรชั่น รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2001 และขายจนกระทั่งถึงปี 2007 ถึงได้มีเจเนอเรชั่นที่ 2 มาแทนที่ นอกจากนี้ยังลากขายกันจนถึงปี 2021 ที่ผ่านมา

สำหรับเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการนี้ ถูกสร้างขึ้นบนเฟรมแชสซีรุ่นใหม่ TNGA GA-F แชร์กับ Tundra รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2021 และยังคงไว้ซึ่งรูปแบบ SUV 3 แถว ที่สามารถไปกันได้ทั้งครอบครัว โดยได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้นทุกมิติ พร้อมทั้งเพิ่มความหรูหรา และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ รอบคัน รวมไปถึงไฮไลท์อย่างขุมพลัง i-FORCE MAX เบนซินไฮบริดรุ่นล่าสุด ที่เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

ด้านมิติตัวรถ TOYOTA ยังไม่เปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ เฟรมตัวถังที่ได้รับพัฒนามาใหม่เพื่อมอบความสะบายให้กับการโดยสารและการขับขี่ โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเชื่อมตัวถังด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ เพื่อลดน้ำหนักในส่วนที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงในจุดที่สำคัญ

ดีไซน์ด้านหน้าเป็นในทิศทางที่หลายคนน่าจะพอเดาได้ในตอนแรกคือ มีการใช้ชุดไฟหน้า ฝากระโปรงหน้า รวมถึงแก้มด้านข้าง ร่วมกันกับ Tundra ทว่ากระจังหน้าถูกทอนขนาดให้เล็กลน ตลอดจนปรับดีไซน์เปลือกกันชนหน้าให้หรูหรามากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นกระบะ นอกจากนี้ เส้นสายบนตัวถังตลอดทั้งคันนั้นมีความคมชัดกว่ารุ่นที่แล้วพอสมควร

การจัดสรรพื้นที่ภายใน เบาะแถวที่ 2 จะมีให้เลือก 2 แบบ เบาะแถวยาว 3 ที่นั่ง และเบาะแยกแบบ Captain Seat 2 ที่นั่งแต่ไฮไลท์จะอยู่ที่เบาะแถวสาม ที่นอกจากจะสามารถปรับเอนได้และพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเลื่อนหน้า-หลัง ได้เป็นระยะสูงสุด 6 นิ้ว ซึ่งเป็นรุ่นแรกในรถกลุ่มนี้ ด้านท้ายรถติดตั้งกล่องเก็บของอเนกประสงค์ที่พื้นห้องสัมภาระ สามารถปรับฟังก์ชั่นได้หลากหลาย

ขุมพลังของ Sequoia มีเพียงแบบเดียว คือ iFORCE MAX

เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 48 วาล์ว ขนาด 3.5 ลิตร (3,445 ซีซี) กระบอกสูบ x ช่วงชัก 88.5 x 100 มิลลิเมตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พ่วง Intercooler แบบน้ำ ให้กำลังสูงสุด 395 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 649 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 48 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า จะได้กำลังสูงสุด 443 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 790 นิวตันเมตร ที่ 2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ โดยมอเตอร์จะรับหน้าที่ตั้งแต่ออกตัวจนถึงความเร็ว 18 ไมล์/ชม. หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ต่อเนื่องในช่วงความเร็วกลาง-ปลาย

ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และ 4 ล้อแบบ part-time ซึ่งควบคุมการทำงานผ่านปุ่มหมุนตรงคอนโซลกลาง ที่เลือกได้ระหว่าง 2WD 4WD High และ 4WD Low สำหรับรุ่นย่อย TRD Pro จะมีเฉพาะแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เท่านั้น

ระบบการขับขี่ที่เลือกได้ 3 แบบ Eco Normal และ Sport แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ติดตั้งช่วงล่างด้านหลังแบบถุงลมจะมีโหมด Comfort Sport S+ และ Custom สำหรับโหมด Sport และ Sport S+ ขุมพลัง I-FORCE MAX จะทำการปรับอัตราตอบสนองของเครื่องยนต์และมอเตอร์ ให้กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ พร้อมพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบติดตั้งที่แร็ค เพื่อปรับปรุงแรงสัมผัสที่ผู้ขับขี่จะได้รับ ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ Multi-link ที่มาพร้อมกับระบบช่วงล่างถุงลมที่สามารถปรับระดับความความสูงเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุก Load-Leveling Rear Height Control Air Suspension และยังเพิ่มความสามารถในการลากจูงผ่านระบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ความสามารถในการลากจูงสูงสุด 9,000 ปอนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 22% จากรุ่นก่อนหน้า

Sequoia เวอร์ชั่นอเมริกาเหนือ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่ SR5, Limited, Platinum, TRD Pro and รุ่นย่อยใหม่ Capstone มาเป็นรุ่นท็อป โดยมีอุปกรณ์พื้นฐานที่เป็นจุดเด่น ดังนี้

SR5

  • Toyota Safety Sense 2.5
  • หน้าจอกลางขนาด 8 นิ้ว ติดตั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto
  • หลังคามูนรูฟ
  • เบาะนั่งพร้อมระบบอุ่น
  • หน้าจอเรือนไมล์ ขนาด 12.3 นิ้ว
  • กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM)

Limited

  • จอกลางขนาด 14 นิ้ว
  • พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่น
  • เบาะคู่หน้าติดตั้งระบบอุ่นและระบายความร้อน พร้อมความจำตำแหน่ง
  • ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ hands-free
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 พับเก็บด้วยไฟฟ้า
  • ม่านบังแดดที่กระจกประตูแถวที่ 2
  • กระจกคู่หลังสำหรับแถว 3

Platinum

  • เบาะแถวที่ 2 แยกกันแบบ Captain Seat
  • เบาะนั่งพร้อมระบบอุ่นและเป่าลม
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ Qi wireless charging
  • ระบบเครื่องเสียงจาก JBL® Premium Audio system -Head-Up Display
  • ไฟหน้า-ไฟท้าย LED แบบ High-grade พร้อมไฟเลี้ยวแบบ sequential
  • ระบบปัดน้ำฟนอัตโนมัติ

TRD Pro

  • พวงมาลัยดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น TRD พร้อมระบบอุ่น
  • ตราสัญลักษณ์ TRD บริเวณเบาะนั่งและหัวเกียร์
  • แร็คหลังคาจาก TRD
  • ช่วงล่างจาก FOX ที่มีช๊อคอัพติดตั้งวาล์วแบบ Bypass
  • แผ่นกันกระแทกใต้เครื่องยนต์ อลูมิเนียม จาก TRD
  • Rear Differential
  • ระบบช่วยเหลือในการขับขี่แบบ Off-road : Multi-Terrain Select
  • ระบบ CRAWL Control
  • ระบบ Downhill Assist Control
  • กระจังหน้าดีไซน์ดุดัน ผสมความย้อนยุค แปะตรา TOYOTA ตัวใหญ่
  • แถบไฟส่องสว่างเพิ่มความสวยงามจาก TRD
  • ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ที่เพิ่มค่า Off-set
  • ปลายท่อไอเสียคู่ TRD Pro

Capstone

  • ทริมการตกแต่งโครเมี่ยม
  • ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว สีโครม
  • เบาะนั่งภายในวัสดุหนังเกรดพรีเมี่ยม สีดำ-ขาว
  • บันไดข้างแบบพับเก็บได้ power running boards
  • ตกแต่งภายในด้วยลายไม้วอลนัท พร้อมโลโก้รุ่น Capstone ที่คอนโซลด้านหน้า พร้อมไฟเรืองแสง LED
  • กระจกบานหน้าแบบลดเสียงรบกวน acoustic glass

Active Safety System มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.5 ที่ประกอบไปด้วย

  • ระบบเตือนการชน Pre-Collision system
  • ระบบตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน Pedestrian Detection ที่เพิ่มฟังก์ชั่นการตรวจจับระหว่างเลี้ยวตรงจุดตัดถนน-สี่แยก
  • ระบบช่วยบังคับพวงมาลัยในยามคับขัน Emergency steering assist เพื่อช่วยผู้ขับขี่ประคองรถให้อยู่ในเลน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC)
  • ระบบ Lane Tracing Assist เพื่อรักษาให้รถอยู่ในเลน
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beams
  • ระบบอ่านป้ายจราจร Road Sign Assist
  • ระบบเตือนหากเปิดประตูหลังไว้นานกว่า 10 นาที ขณะติดเครื่องยนต์ Rear Seat Reminder
  • ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor
  • ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนที่ด้านหลัง Rear Cross Traffic Alert
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติพร้อมช่วยหยุดรถเมื่อมีโอกาสชนสิ่งกีดขวาง Front and Rear Parking Assist with Automatic Braking

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 11 สี ได้แก่ สีขาว สีขาวมุข Wind Chill Pearl สีเงิน Celestial Silver สีเทานม Lunar Rock สีเทา Magnetic Gray Metallic สีน้ำเงิน Blueprint สีเขียว Army Green สีดำ Midnight Black Metallic สีน้ำตาล Smoked Mesquite สีแดง Supersonic Red และสีส้ม เบอร์พิเศษจาก TRD Solar Octane สำหรับกำหนดการวางขาย Toyota เตรียมนำ 2023 Sequoia ขึ้นโชว์รูมในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐอเมริกาภายในปี 2022 นี้

ที่มา: Toyota