Datsun ในวันนี้คือแบรนด์รถยนต์ราคาย่อมเยาที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย, อินโดนีเซีย หรือรัสเซีย เป็นต้น แตกต่างจาก Datsun ในอดีตที่ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับแมสก่อนที่จะเป็น Nissan อย่างเช่นทุกวันนี้
แต่ทว่า Datsun กำลังประสบปัญหาด้านยอดขายและความน่าเชื่อถือค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะปัญหาด้านคุณภาพของตัวรถที่หลายฝ่ายยังค้างคาใจกับประเด็นด้านความปลอดภัย ถึงขนาด Global NCAP ขอร้องให้ถอด Datsun Go ออกจากตลาดไปซะ เมื่อผลทดสอบการชนเหลือแค่เพียง 0 ดาว กันเลยทีเดียว
ในตลาดอินโดนีเซียที่เป็นตลาดหมายมั่นปั้นมือให้ Datsun โด่งดัง ก็กลับคว้าน้ำเหลวไปเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Datsun Go+ ที่ยอดขายตกลงไปทันที เมื่อ Toyota ได้แนะนำ Calya ซึ่งเป็นรถ MiniMPV ที่นำงานวิศวกรรมของ Avanza มาดัดแปลงใหม่ ที่มีจุดขายด้านความกว้างขวางสะดวกสบายและฟีเจอร์ทันสมัยเหนือชั้นกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ Datsun ก็คงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงทีนัก ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น
จนกระทั่งวันนี้ (8 พฤษภาคม 2018) Datsun ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Go และ Go+ Minorchange หลังจากเปิดตัวทำตลาดนานถึง 4 ปี ครั้งแรกที่อินโดนีเซีย แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันจะช่วยกูยอดขายและศรัทธาเพิ่มขึ้นได้แค่ไหน ต้องจับตาดู
Datsun Go และ Go+ Minorchange มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใบหน้าใหม่ ด้วยกระจังหน้าทรงเหลี่ยมเพชรที่เพิ่มความหนาของขอบโครเมี่ยมจนดูคล้ายกระจังหน้า Audi SUV , เปลี่ยนรายละเอียดไฟหรี่หน้าใหม่, เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ทรงสปอร์ต ส่วนบั้นท้ายจะมีการเปลี่ยนรายละเอียดไฟท้ายและกันชนท้ายใหม่
พิเศษสุด Datsun ยังลงทุนติดตั้ง Aeropart รอบคันเพื่อเพิ่มความสปอร์ต นั่นเป็นเพราะว่า Datsun อินโดนีเซียเคยเปิดตัว Go เวอร์ชันตกแต่งสปอร์ต ปรากฏว่ามันมียอดขายที่ค่อนข้างดีเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นย่อยอื่น ๆ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Datsun ต้องปรับลุคใหม่ให้ดูสปอร์ตขึ้น เพื่อหวังสร้างยอดขายในระยะยาว
สำหรับ Datsun Go+ Minorchange จะมีความแตกต่างจาก Go Minorchange คือมีการเปลี่ยนกันชนหน้า-ท้ายที่ถูกออกแบบมาอย่างล้ำสมัยขึ้นมาก
ภายในห้องโดยสารถือเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นปฏิวัติเพราะแทบจะเปลี่ยนเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรก็ตามที่ดู Look Cheap ก็ถูกจับเปลี่ยนใหม่เสียหมด เริ่มจากนำแผงแดชบอร์ดจาก Datsun Cross ที่ใช้วัสดุดีขึ้นมาติดตั้งแทนที่แดชบอร์ดแบบเดิม ๆ พร้อมขยายขนาด Glove Box ให้ใหญ่ถึง 9.5 ลิตร , ย้ายตำแหน่งเบรกมือจากตรงแผงแดชบอร์ดลงมากลางเบาะคู่หน้า, เปลี่ยนคอนโซลกลางใหม่
เพิ่มความทันสมัยด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 6.75 นิ้ว รอบรับการเล่นไฟล์เพลง MP3 รองรับการเชื่อมต่อ USB/AUX/Bluetooth และรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Apple และ Android พร้อมเสาอากาศในตัวที่ทำให้สามารถฟังคลื่น FM/AM ได้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังดีไซน์แผงประตูข้างใหม่ให้ดูคล้ายกับ Nissan Micra G5 แต่ยังคงดีไซน์มือเปิดประตูภายในไว้เช่นเดิม พร้อมช่องใส่น้ำขวด 1 ลิตร และเพื่อเพิ่มความสบายขณะขับขี่ Datsun ก็มีการปรับปรุงดีไซน์ของเบาะหน้าใหม่ให้รองรับสรีระที่ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มปีกข้างของเบาะนั่งทั้งพนักพิงหลัง, เบาะรองขา และเพิ่มความสูงของพนักพิงศีรษะ ส่วนเบาะนั่งหลังปรับสัดส่วนให้รองรับสรีระได้ดีขึ้น ไม่เป็นแผ่นแบนราบเหมือนรุ่นเดิม
สำหรับ Datsun Go+ Minorchange จะมีการปรับปรุงการเข้า-ออกห้องโดยสารตอนที่ 3 ด้วยการพับเบาะนั่งแถวที่ 2
ในเมื่อจะพยายามปรับปรุง Datsun Go และ Go+ Minorchange ให้กลายเป็นรถที่ดูมีราคาขึ้น Datsun จึงติดตั้งกระจกไฟฟ้าสำหรับประตูคู่หลังมาให้ พร้อมทั้งติดตั้งระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟ follow-me-home, ใบปัดน้ำฝนหน้าทำงานอัตโนมัติ
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร HR12DE
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี หัวฉีด EGI กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 × 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.2 : 1 ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
และให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT
ระบบช่วงล่างมีการปรับปรุงให้สามารถตอบสนองต่อพื้นถนนได้ดีขึ้น, Twist Beam สำหรับช่วงล่างหลังของ Datsun Go+ มีขนาดกะทัดรัดไม่กินเนื้อที่ห้องโดยสารตอนที่ 3 พร้อมกันนี้ยังมีการปรับปรุงระบบการเก็บเสียงที่ดีขึ้น
ราคาจำหน่าย Datsun Go และ Go+ Minorchange ,มีราคาเริ่มต้นที่ 102,990,000 รูเปียห์ และ 112,380,000 รูเปียห์ตามลำดับ หรือ 233,700 บาท และ 255,000 บาท ตามลำดับ ถือว่าราคายังถูกมากเมื่อเทียบกับข้าวของที่ให้มาเพิ่มขึ้น
ที่มา : Datsun