ความตั้งใจจริงของ Volkswagen Group ที่นอกเหนือจากจะพยายามพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV พร้อมเปิดตัวสารพัดรุ่น ทางบริษัทก็ยังมองเห็นว่า แต่ละแบรนด์ในเครือก็ควรจะต้องช่วยกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ให้สามารถแสดงศักยภาพได้ได้มากกว่าเป็นแค่ “รถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่” ที่ผู้คนทั่วไปเริ่มจะเอียนกับภาพลักษณ์นี้เข้าไปทุกวัน
กลยุทธ์การพัฒนางานวิศวกรรมพื้นตัวถังสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า MEB ของ Volkswagen Group ถือเป็นผลงานเปิดโอกาสให้บริษัทรถยนต์ในเครือสามารถเลือก Layout ระบบขับเคลื่อนได้อย่างอิสระ ได้แก่ สามารถพัฒนารถยนต์ให้เป็นแบบ ขับเคลื่อนล้อหน้า, ล้อหลัง หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนให้เปลืองต้นทุน
และในเมื่อมันสามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้อย่างอิสระเช่นนี้แล้ว ก็ทำให้ Volkswagen เองมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ฉีกแนวไปจากผู้อื่น คือพวกเขาจะพัฒนารถ EV ให้กลายเป็นตัวแทนรถยนต์ของความเร้าอารมณ์ ไม่ใช่รถยนต์ที่สักแต่ทำตามกฏข้อบังคับในหลายประเทศจนกลายเป็นรถยนต์จืดชืดคันหนึ่ง
สำหรับ Seat นอกจากพวกเขาจะต้องจัดระเบียบการบริหารงานใหม่เพื่อนำพายอดขายและผลกำไรเข้าสู่บริษัท พวกเขาจะต้องปั้นแบรนด์ Seat ให้มีความชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ด้วย
Seat จึงได้แยกแบรนด์ Cupra ให้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงโดยอาศัยพื้นฐานงานวิศวกรรมจากรถยนต์ Seat พร้อมกันนี้ยังได้มีการเผยโฉม Cupra e-Racer : รถแข่ง Touring Car EV ที่ให้กำลังสูงสุด 402 แรงม้าในเบื้องต้น และสามารถให้พละกำลังในช่วงพีคได้เป็น 670 แรงม้า
พื้นฐานของ Cupra e-Racer จะใช้พื้นฐานร่วมกับ Leon TCR แต่โละขุมพลังเครื่องยนต์ทิ้งและแทนที่ด้วยระบบส่งกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 300 กิโลกรัม มีอัตราส่วนกระจายน้ำหนัก 40:60 แตกต่างจาก Leon TCR ที่มีอัตราส่วนกระจายน้ำหนัก 60:40
รายละเอียดทั้งหมดจะพบกันที่งาน Geneva Motorshow 2018 นี้
ที่มา : Motor1