ตลาดรถยนต์ D-Segment ในยุโรปก็กำลังถึงจุดที่ต้องมีความเปลี่ยนแปลง เพราะยอดขายรวมในตลาดนี้ค่อย ๆ หดตัวลงจนเหลือผู้เล่นแค่ไม่กี่ราย และผู้ที่เหลือรอดก็จำเป็นต้องพลิกสถานการณ์ด้วยเช่นกัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ในอนาคต

Citroen คือ 1 ในผู้ผลิตจากฝรั่งเศสที่ต้องพลิกแพลงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ Sedan ขนาดใหญ๋ให้อยู่รอดตลอดทางเหมือนกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่นกัน

Linda Jackson ผู้บริหารหญิงแกร่งแห่ง Citroen เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้พัฒนารถยนต์ Sedan ขนาดใหญ่โดยควบรวมรุ่น C5 : D-Segment และ C6 : E-Segment ไว้เป็นคันเดียวกัน โดยได้รับอิทธิพลจากรถยนต์ต้นแบบ C- xperience concept มีจุดขายด้านความแตกต่างจากรถ Sedan ที่เคยเห็นกันมา

แต่ Jackson ก็ยืนยันว่ารถคันนี้ไม่ได้เป็น C5 รุ่นใหม่ และยังพุ่งเป้าหมายไปยังตลาดจีนเป็นหลัก ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ Sedan ไปสู่ SUV ก็ตาม แต่ถ้าตลาดจีนยังมียอดขายรถ Sedan ขนาดใหญ่อยู่มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุนเนื่องจากเป็นรถยนต์ที่สร้างผลกำไรได้สูง

สำหรับทิศทางการออกแบบรถ Sedan ขนาดใหญ่ให้มองไปที่รถต้นแบบ C-xperience Concept ซึ่งได้มีการทดสอบปฏิกิริยาเบื้องต้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะดีไซน์รถคันนี้ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนรถ Sedan ที่มีในท้องตลาดเลย โดยรวมจะเป็นการกำหนดนิยามสไตล์แห่ง Avant-Garde และมีภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบาย ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยและผสมผสานเข้ากับความเป็น Lounge

C-xperience Concept จะมีความยาวตัวรถมากถึง 4.85 เมตร เทียบเท่า C6 ที่เพิ่งยุติการผลิตไปเมื่อไม่นาน มีระยะฐานล้อยาวสะใจถึง 3 เมตร มีความสูงเพียงแค่ 1.37 เมตร

จุดขายสำคัญก็คือ Citroën Advanced Comfort programme หรือการติดตั้งระบบช่วงล่างที่ช่วยเพิ่มความสบายขณะขับขี่อันเป็นหัวใจหลักที่ Citroen เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว และมาในยุคนี้ Citroen จึงต้องการนำความสบายในห้องโดยสารมาเป็นจุดขายหลักเพื่อฉีกหนีการแข่งขันที่รุนแรงที่สุด

Citroen เคยมียอดขาย C5 สูงสุดถึง 145,000 คันในปี 2002 แต่ในปี 2017 ที่ผ่านมากลับมียอดขาย 14,000 คัน ส่วน C6 เคยมียอดขายสูงสุด 7,000 คันเมื่อปี 2007 ก่อนที่จะแผ่วลงเหลือพันกว่าคัน แล้วยุติการผลิตในปี 2012

ที่มา : Autocar