ผู้เขียนแอบรู้สึกดีใจว่าตลาดรถยนต์ต่างประเทศก็ยังไม่น่าเบื่อเสียเท่าไรนักเมื่อ GM ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว
All New Chevrolet Camaro เจเนเรชั่นที่ 6 รถสปอร์ตในตำนานที่ยังไม่ตาย (แต่จะตายแน่หากไม่คิดพัฒนาตน) และ
เพิ่มชีวิตชีวาด้วยเทคโนโลยีหลายประการ
GM เคลมว่า Chevrolet Camaro โฉมที่ 6 เป็นความเปลี่ยนแปลงด้านสมรรถนะ, เทคโนโลยี, งานดีไซน์และงาน
วิศวกรรม ดังนั้นคุณจงอย่าไปเปรียบเทียบกับ Camaro โฉมที่แล้ว เพราะมันไม่มีสิ่งใดเหมือนกันเลยยกเว้นโลโก้และตรา
สัญลักษณ์ SS หมายความว่า Camaro รุ่นใหม่ก็จะเป็น Camaro ที่ดีที่สุดตามที่ GM กล่าวอ้างนั่นเอง
ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นแล้วครับเมื่อ 2016 Chevrolet Camaro โฉมใหม่ได้หดขนาดตัวถังลงทุกมิติ แล้วเพิ่มเส้นสายมัด
กล้ามรอบตัวถัง ทุกเหลี่ยมทุกองศา สร้างจุดเด่นการออกแบบด้วยการยกบั้นท้ายให้โด่งและออกแบบแนวหลังคาให้ดูเป็น
รถแนว Fastback มากขึ้น มีสัดส่วนตัวถังที่เตี้ยแบนกว่ารุ่นเดิมเสียอีก
ไฟหน้าก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็นฮาโลเจนโปรเจคเตอร์ไว้เช่นเคย แต่สำหรับรุ่น RS และ SS จะได้ไฟ HID และทุกรุ่นจะ
ติดตั้ง DRL LED เอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดูจากแค่ภายนอกมันยังไม่พอ GM ก็ยังเผยว่าพวกเขาได้ลงทุนปรับปรุงตัวรถให้ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ด้วย
การทดสอบผ่านอุโมงค์ลมอย่างหนักหน่วงถึง 350 ชั่วโมง ที่รวมถึงใช้เวลาในการปรับแต่งชิ้นส่วนตัวรถให้ลมสามารถ
ระบายความร้อนและลดอาการยกตัวถัง
Chevrolet SS มีใบหน้าเอกลักษณ์เฉพาะที่อนุญาตให้ลมเข้าไประบายความร้อนเบรกและมีฝากระโปรงที่ถูกออกแบบให้
เข้าไประบายความร้อนในเครื่องยนต์และลดอาการหน้ายก
ภายในห้องโดยสารโอบล้อมผู้ขับขี่ด้วยเทคโนโลยีถือเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดจาก Camaro เจเนเรชั่นที่ผ่านมา แต่ยัง
เอกลักษณ์ความเป็น Camaro เอาไว้
ที่โดดเด่นก็คงจะหนีไม่พ้นหน้าปัดจอสีขนาด 8 นิ้วเลียนแบบมาตรวัดแบบระบบอนาล๊อคเอาไว้และสามารถแสดงข้อมูลที่
จำเป็นต่อผู้ขับขี่จะแสดงผ่านหน้าจอสี ได้แก่ ระบบนำทาง, สมรรถนะและข้อมูลที่สำคัญ เป็นต้น สำหรับหน้าจอสีตรง
กลางแดชบอร์ดจะเป็นศูนย์รวมการใช้งานอุปกรณ์หลักพร้อมติดตั้งระบบ MyLink
อุปกรณ์ภายในก็ติดตั้งฟีเจอร์ทันสมัยสมกับเป็นรถยุค 2015 ด้วยเบรกมือไฟฟ้าแทนที่เบรกมือแบบดึงขึ้น, ติดตั้งไฟสร้าง
บรรยากาศภายใน LED บริเวณแดชบอร์ด/แผงประตู/คอนโซลกลาง มีให้ปรับ 24 เฉดสี สามารถเลือกเอฟเฟคท์การ
เปลี่ยนสี (Transition) หรือค่อยหรี่ไฟลงได้
งานวิศวกรรมหรือหัวใจหลักของ 2016 Chevrolet Camaro เจเนเรชั่นที่ 6 เริ่มจากการลดน้ำหนักโครงสร้างตัวถังลงถึง
60.5 กิโลกรัม อันเป็นผลลัพธ์มาจากการใช้กระบวนการออกแบบงานวิศวกรรมผ่านระบบคอมพิวเตอร์ช่วยเหลือเบื้องต้น,
เพิ่มความทนทานต่อการบิดตัว 28% และเมื่ออยู่ในกระบวนการลดน้ำหนักชิ้นส่วนตัวถังทั้งหมด Camaro ใหม่ก็จะมี
น้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิมถึง 90%
เคล็ดลับความสำเร็จก็คือการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในชิ้นส่วนที่เป็นเฟรมแทนที่โลหะธรรมดาช่วยลดน้ำหนัก 4.2
กิโลกรัม ช่วงล่างหน้าและหลังออกแบบใหม่ โดยเฉพาะช่วงล่างหลังมัลติลิงค์ที่ถูกออกแบบให้ลดน้ำหนักลงถึง 12
กิโลกรัม เบาแต่ยังแข็งแกร่งและรองรับพลังแรงได้
ระบบ Magic Ride Control ครั้งแรกที่ติดตั้งลงใน 2016 Chevrolet Camaro SS จากเดิมที่ติดตั้งลงในแค่ Camaro
ZL1 ระบบจะอ่านพื้นถนนและรับรู้ถึงสภาวะการขับขี่ 1,000 ครั้งต่อ 1 วินาที จนสามารถปรับแดมเปอร์ให้เหมาะสมจนขับ
ขี่สบายและควบคุมง่าย
เมื่อเป็นรถแรงในตำนาน GM ก็คงไม่ทำให้ผิดหวังด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน เริ่มจาก Camaro
LT ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ วัดแรงม้าที่ผ่านการรับรองโดย SAE ได้ 275 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิว
ตันเมตร สามารถเค้นแรงบิดสูงสุด 90% ที่รอบเพียงแค่ 2,100-3,000 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมงภายใน 6 วินาที มีอัตราสิ้นเปลืองเมื่อวิ่งนอกเมืองได้ 30 MPG
Camaro LT ก็ยังมีเครื่องยนต์ V6 3.6 ลิตร 335 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีรีด
ประสิทธิภาพและความประหยัดน้ำมัน ด้วยระบบฉีดเชื้อเพลิงตรง, ระบบวาล์วแปรผัน VVT, ระบบพักการทำงานลูกสูบ
เครื่องทั้งเบนซิน 2.0 เทอร์โบและ V6 3.6 ลิตรจะติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Hydra-Matic
8L45 พร้อม Paddle Shift
Chevrolet Camaro SS จะติดตั้งเครื่องยนต์ V8 6.2 ลิตร LTi จาก Corvette Stingray แต่ได้ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วน 20%
สำหรับ Camaro โดยเฉพาะ นั่นก็รวมไปถึงท่อไอเสียร่วม Tri-Y ให้กำลัง 455 แรงม้า แรงบิด 617 นิวตันเมตร ถือเป็น
Camaro SS ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยทำมา
โดยรวม 2016 Chevrolet Camaro เป็นพัฒนาการที่ตายแล้วเหมือนเกิดใหม่เพราะเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เราก็ลุ้นกันว่า
จะมีเกรย์รายใดนำเข้าเจ้าตัวนี้เข้ามาครับ
ที่มา : Worldcarfans