ทุกวันนี้บริษัทรถยนต์ชั้นนำต่างพากันพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงานอย่างหนัก
หน่วง แต่หลายบริษัทก็ยังไม่มีแผนที่จะนำนวัตกรรมดังกล่าวมาดัดแปลงลงในรถยนต์ที่มีราคาพอซื้อหาได้ คงเพราะว่า
ต้นทุนเทคโนโลยีเหล่านี้มันแพงยิ่งนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องว่างของรถไฟฟ้าราคาพอซื้อหาได้ (ต้องย้ำว่าพอซื้อหา เพราะราคาคงไม่ถูกขนาดนั้น) ยังมีพื้นที่
ตลาดให้ช่วงชิงอีกมาก นั่นจึงเป็นที่มาของ Chevrolet Bolt

Chevrolet Bolt คือรถยนต์ความภาคภูมิใจใหม่ของ GM ที่สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณลักษณะตรงใจลูกค้า
มากที่สุดภายใต้ราคาที่ไม่แพงมากนัก และน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของวงการยานยนต์ระดับโลก

Chevrolet Bolt EV ถูกอวดโฉมที่งาน CES 2016 เพื่อแนะนำให้วัยรุ่นรู้จักรถไฟฟ้าราคาไม่แพงมีระยะทางวิ่งสูงสุด 321
กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุให้เต็มหนึ่งครั้ง มาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มประสบการณ์
การใช้งาน

Chevrolet Bolt เป็นการพัฒนาใหม่ล่าสุดอันเกิดจากการระดมประสบการณ์และไอเดียผู้ใช้รถยนต์ Chevrolet Volt จน
ทำให้ Bolt กลายเป็นรถไฟฟ้าระยะทางวิ่งไกลที่ใช้งานง่าย

จุดขายสำคัญคือนวัตกรรมการเชื่อมต่อแสนชาญฉลาด, สามารถตอบโจทย์ประสบการณ์การขับขี่ส่วนบุคคล ยกตัวอย่าง
ระบบสามารถเก็บข้อมูลระหว่างการขับขี่อันแม่นยำด้วยการเก็บข้อมูลจากวันที่, ตัวอักษร, สภาพภูมิอากาศและ
พฤติกรรมการขับขี่

การเชื่อมต่อบลูทูธภายในรถก็ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานต่ำเพื่อลดการรั่วไหลของพลังงานที่กักเก็บไว้ รองรับการเชื่อมต่อ
เครือข่ายโทรศัพท์ 4G LTE และสามารถทำตัวเป็น Wi-Fi HotSpot ได้

ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยหน้าจอสีสัมผัสขนาดใหญ่ 10.2 นิ้วติดตั้ง Widget แนวฟลิบบอร์ด รองรับ
MyChevrolet Mobile App ได้แก่ การตรวจสถานะแบตเตอรี่, บริการแผนที่ OnStar, สตาร์ทรถระยะไกล, สั่งให้
เครื่องปรับอากาศทำงานก่อนเข้ารถ, คู่มือการใช้งาน, ตารางนัดหมายเข้าศูนย์บริการ เป็นต้น

ระบบแผนที่นำทางสามารถคำนวณระยะทางการวิ่งและช่วยผู้ขับขี่ควานหาสถานที่ชาร์จพลังได้, ในอนาคตก็จะรองรับ
Gamification คือให้ผู้ขับขี่สามารถอัพโหลดข้อมูลการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาเปรียบเทียบกันได้ว่าใครจะเจ๋งกว่า
กัน

Chevrolet Bolt EV ถูกผลิตที่โรงงาน โอริออน มิชิแกน สหรัฐอเมริกาสำหรับส่งให้ลูกค้าชาวอเมริกันภายในปลายปีนี้

ที่มา : GM