Carlos Ghosn เคยทำนายเอาไว้ว่า Renault-Nissan Alliance จะเป็นบริษัทรถยนต์ที่ติด Top 3 เมื่อปี 2015 แต่สุดท้ายสิ่งที่เขาทำนายก็เป็นจริง “เร็วกว่าที่คาด” เพราะวันนี้ Renault-Nissan Alliance มีสมาชิกใหม่ Mitsubishi Motors เข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นเรียบร้อยแล้ว จนปัจจุบัน Renault-Nissan Alliance ติดอันดับ Top 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และล่าสุด Carlos Ghosn ได้เผยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดว่า หากสังเกตยอดขายตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงเดือนล่าสุด ก็มีความเป็นไปได้ว่า Renault-Nissan Alliance จะขึ้นอยู่อันดับ 1 ภายในปีนี้ ถึงแม้การขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์เบอร์ 1 ของโลกจะไม่ใช่เป้าหมายของบริษัทก็ตาม
จากการรายงานยอดขายรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2017 ทั่วโลกที่รวบรวมโดย JATO Dynamics พบว่า Volkswagen ยังคงครองยอดขายอันดับ 1 ของโลกด้วยตัวเลข 3.32 ล้านคัน ตามมาด้วย Toyota ที่มียอดขาย 3.06 ล้านคันและ Renault-Nissan Alliance มียอดขาย 3.02 ล้านคัน
Felipe Munoz นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกของ JATO Dynamics กลับไม่เชื่อว่า Renault-Nissan จะขึ้นเบอร์ 1 ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเชื่อมั่นว่า Renault-Nissan จะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 เหนือกว่า Volkswagen และ Toyota ในอนาคต เนื่องจาก Renault-Nissan มีความแข็งแกร่งในตลาดเอสยูวีและรถไฟฟ้า นอกจากนี้ทางบริษัทก็ยังสามารถกุมตลาดจีนและตลาดเกิดใหม่ได้สำเร็จ
Felipe Munoz ยังชี้ว่า Renault-Nissan กำลังเดินเกมส์มาถูกทางในหลาย ๆ ด้าน พวกเขามีความสามารถในการจัดการแบรนด์อย่างดีมาก ประเทศไหนที่แบรนด์ Renault อ่อนแอ แบรนด์ Nissan ก็จะแข็งแกร่งแทน ในทางกลับกันหากประเทศไหนที่แบรนด์ Nissan อ่อนแอ แบรนด์ Renault ก็จะแข็งแกร่งแทน
ปัจจัยความสำเร็จในการพุ่งทะยานเข้าสู่ Top 3 ไม่ใช่แค่การเพิ่ม Mitsubishi Motors เข้าสู่อ้อมกอดของ Renault-Nissan Alliance เท่านั้น แต่เป็นเพราะแบรนด์รถยนต์ในกลุ่ม Renault-Nissan ต่างเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย
จากสถิติยอดขายสะสม 4 เดือนแรกของปีนี้พบว่า Renault-Nissan Alliance มีอัตราการเติบโต 8%, Volkswagen ลดลง 1% และ Toyota เติบโต 6%
โดยแบ่งออกเป็น Nissan เติบโต 7%, Renault เติบโต 10%, Mitsubishi เติบโต 5% และ Dacia เติบโต 7% ส่วนแบรนด์รถยนต์ Lada เติบโต 8% และแบรนด์รถหรู Infiniti เติบโต 24% ขณะที่ Renault-Samsung สำหรับตลาดเกาหลีใต้มีการเติบโตมากถึง 38% และ Dacia มีอัตราลดลง 2%
Renault-Nissan Alliance ยังคงเป็นเจ้าตลาดเอสยูวีของโลกด้วยส่วนแบ่งการตลาด 12% ประกอบไปด้วย Nissan X-Trail ที่กลายเป็นเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในโลกรวมถึงเอสยูวีเล็กขายดีอย่าง Dacia Duster และ Renault Kwid ที่ขายดีสุด ๆ ในตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศอินเดีย, บราซิลและตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ Renault-Nissan Alliance ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดรถไฟฟ้าของโลก โดยมี Renault Zoe และ Nissan Leaf เป็นหัวหอก และถ้ายิ่งรัฐบาลหลายประเทศออกข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้บริษัทนี้ได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น
เพียงแต่ว่า Volkswagen Group ก็ยังคงมีความแข็งแกร่งมาก ด้วยความเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ของโลกและจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งพวกเขาก็เริ่มเปิดตัวเอสยูวีที่สามารถฟาดฟันกับคู่แข่งได้ ไม่ว่าจะเป็น Volkswagen Atlas/T-Roc. Seat Ateca/Arona, Skoda Kodiaq/Karoq เป็นต้น
การแข่งขันดังกล่าว ไม่ใช่มาแข่งแค่ตัวเลขยอดขายหรืออันดับเท่านั้น แต่มันเป็นเกมส์ทางธุรกิจที่สามารถต่อรองราคากับซัพพลายเออร์และช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในการวิจัยและพัฒนามากยิ่งขึ้น
Jeremie Papin ผู้บริหาร Renault-Nissan Alliance กล่าวว่า ทางบริษัทสามารถต่อรองอำนาจกับซัพพลายเออร์ได้ บริษัทจะไม่สั่งชิ้นส่วนเพียงแค่1 แสนหรือ 2 แสนหน่วยเท่านั้น แต่จะสั่งซื้อมากถึง 4 แสนหน่วย ทำให้ได้ราคาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญถึง 70% เลยทีเดียว
ที่มา : Automotive News