ถึงแม้ว่า GM ยังคงครองความเป็นเจ้าพ่อค่ายรถยนต์อันดับ 3 ของโลกเมื่อปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสังเกตรายละเอียดโครงสร้าง
การบริหารและนโยบายบางอย่างของ GM มันก็เริ่มมีสัญญาณถดถอยให้ได้ยินกันบ้าง และในช่วงเวลาชุลมุนเช่นนี้ค่าย
รถยนต์เบอร์ 4 ของโลกก็แอบซุ่มลอบแทงข้างหลัง GM ในอีกไม่ช้า

Carlos Ghosn ผู้กุมบังเหียน Renault-Nissan Alliance ยืนยันความมั่นใจว่าจะนำพากลุ่มธุรกิจยานยนต์ของตนที่มีแบ
รนด์รถยนต์ในเครือรวมกันทั้ง 7 ยี่ห้อพุ่งสู่อันดับ 3 ของโลกแซง GM ภายในปี 2018 ซึ่งปัจจุบัน Renault-Nissan ยัง
ครองบัลลังก์ยอดขายอันดับ 4 ของโลกในปี 2014 ตามหลัง GM มากถึง 1.4 ล้านคัน

Carlos Ghosn มั่นใจเลยว่า Renault-Nissan Alliance จะต้องมียอดขายแซง GM ขึ้นเป็นอันดับ 3 ภายในปี 2018 ก็
เพราะความสำเร็จของ Dacia เป็นส่วนหนึ่ง

ถึงแม้ตลาดรัสเซียอันเป็นตลาดสำคัญ Renault-Nissan กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่แต่ Ghosn ก็เชื่อมั่นว่ารัสเซียเป็นตลาด
สำคัญที่มีขนาดใหญ่กว่าที่เป็นในวันนี้ หากมีราคาน้ำมันที่สมเหตุผลมากกว่านี้ อีกทั้งรัสเซียตกต่ำลงเร็วก็จริง แต่ก็
สามารถฟื้นตัวเร็วด้วยเช่นกัน รวมทั้งตลาดบราซิลและอินเดียต่างก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตเหมือนกัน

ปัจจัยการขยับตัวเป็นเบอร์ 3 ของโลกคือมิใช่การหาพันธมิตรใหม่เพื่อบีบสเกลการผลิตให้เพิ่มพูนอย่างที่หลายคนเข้าใจ
เพราะ Renault-Nissan ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้

สำหรับ Nissan ก็มีโอกาสที่ยิ่งใหญ่อยู่พอสมควร เริ่มจากการเพิ่มสเกลงานพัฒนารถยนต์ Infiniti ให้กลายเป็นแผนกที่
ใหญ่ขึ้น, Datsun รถราคาประหยัดที่เรียนรู้ความสำเร็จจาก Dacia สำหรับ Renault โอกาสที่สำคัญคือการขยายฐาน
แบรนด์ไปสู่ภูมิภาคอื่น ก้าวแรกคือการไปยังตลาดจีน วางแผนกวาดส่วนแบ่งการตลาดแค่เพียง 3% ก็มียอดขายมากถึง
600,000 คันต่อปีแล้วซึ่งในปัจจุบัน Renault ในจีนก็มียอดนำเข้าแล้ว 30,000 คัน ก้าวที่สองคือการรุกตลาด Entry
Level ยังกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ และก้าวอื่น ๆ คือการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Renault

Carlos Ghosn ยืนยันว่า Renault และ Nissan ถือว่าไม่กินตลาดกันเองในยุโรป เพราะทั้งคู่นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างกลุ่ม,
ต่างเวลา, ต่างตลาดกัน กลุ่มผู้ซื้อ Renault ไม่ข้ามมาซื้อ Nissan สำหรับ Nissan ในยุโรปเองก็เป็นคู่แข่งโดยตรงของ
บริษัทเอเชียด้วยกันอย่าง Toyota, Honda และ Hyundai ส่วน Renault จะเป็นคู่แข่งโดยตรงของรถยุโรปมากกว่า

ที่มา : Automotive news