Cadillac ได้เปิดตัว 2022 CT4-V และ CT5-V Blackwing เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองรุ่นจะเป็นเวอร์ชั่นที่แรงที่สุดซึ่งยังคงใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แต่สำหรับใครที่คิดหาความสนุกจากขุมพลังเหล่านี้ ต้องขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ ด้วย เพราะนี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย เนื่องจาก GM ได้ประกาศว่าพวกเค้ากำลังจะถอนการผลิตเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลภายใน 14 ปีข้างหน้านี้
เครื่องยนต์ของ CT4-V Blackwing ใช้ขุมกำลังเบนซิน LF4 V6 DOHC 24 วาล์วขนาด 3.6 ลิตร (3,564 ซีซี) จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พ่วง Intercooler ให้กำลังสูงสุด 479 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 603 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/ ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายในเวลา 3.9 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และ 4.1 วินาที สำหรับรุ่น เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ในขณะที่เครื่องยนต์ของ CT5-V Blackwing ใช้ขุมกำลังเบนซิน LT4 V8 DOHC 32 วาล์วขนาด 6.2 ลิตร (6,162 ซีซี) จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Supercharger ให้กำลังสูงสุด 677 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 893 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายในเวลา 3.7 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และ 3.6 วินาที สำหรับรุ่น เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีพละกำลังระดับซุปเปอร์คาร์กำลังจะถูกถอดออกจากไลน์ผลิต โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ก็จะผันตัวมาสนับสนุนให้ขุมพลัง EV มีสมรรถนะที่เทียบเท่าหรือมากกว่าดังที่เห็นจากหลายๆ ค่ายทยอยซุ่มพัฒนาและเปิดตัวรถต้นแบบหลากหลายรุ่น
สิ่งที่เราจะทำได้มากที่สุดในปัจจุบันก็คือ การสนุกไปกับบรรดารถแรงที่ยังคงวางเครื่องยนต์สันดาปภายในตราบใดที่มันยังใช้งานได้ดีอยู่ ก่อนการมาถึงของรถแรงแห่งอนาคตซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น HUMMER ซึ่งผันตัวไปเป็นตัวลุยทรงพลังขับเคลื่อนสี่ล้อผ่านมอเตอร์ที่มีพละกำลังกว่า 1,000 แรงม้า แต่เมื่อมองย้อนกลับไปยังรุ่นพี่ของมันอย่างเช่น H3T Alpha ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินพละกำลัง 300 แรงม้า มันก็ยังเป็นความทรงจำที่ยังงดงามอยู่เสมอ ถึงแม้มันจะเทียบไม่ได้ในด้านของความแรงอย่างสิ้นเชิง และในทำนองเดียวกัน เจ้า Cadillac ตระกูล V-series ก็ยังทรงคุณค่าถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะในยามที่คุณขับไปร่วม Meeting ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ที่มา: Car and Driver