ปัญหาสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เหนือกว่าสิ่งใดในโลก ก็คือ ความพยายามในการขยายระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้งซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายต่างพยายามสรรหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าหากใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ของพวกเขาแล้ว มันจะสามารถวิ่งได้ไกลตามต้องการ โดยไม่ต้องจอดตายบนกลางทางเพราะพลังงานไฟฟ้าหมดก่อนอันควร
ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เป็นไปได้แน่นอนหลังจากปี 2020 ขึ้นไปคือการติดตั้งแบตเตอรี่ Solid State ที่รองรับระยะทางวิ่งสูงสุดได้ไกลขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเด่นมากมายที่เหนือกว่า Li-ion มาก
Ian Robertson ผู้บริหารฝ่ายการตลาด BMW ที่กำลังจะหมดวาระในเร็ว ๆ นี้ กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่จำหน่ายในปัจจุบันมักมีสมรรถนะและระยะทางวิ่งสูงสุดไม่แตกต่างกันมาก จะต่างกันก็เพียงแค่ราคา และเขาก็เชื่อว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายรุ่นต่างทุ่มเทคโนโลยีแบตเตอรี่เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้า EV วิ่งได้ไกลขึ้น เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง และจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ก่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น และท้ายที่สุดก็จะมีข้อเปรียบเทียบ จนกลายเป็นปัจจัยในการซื้อรถ
ในวันนี้ ลูกค้าเลือกซื้อรถตามปัจจัยจากเครื่องยนต์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขแรงม้า, ราคา และประสิทธิภาพ และในอนาคตปัจจัยการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV จะต้องมาจากประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เท่านั้น
แน่นอนว่าแบตเตอรี่ชนิด Solid State จะเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า EV ในอนาคตได้ ด้วยระยะทางวิ่งที่ไกลกว่าแบตเตอรี่ Li-ion แถมยังมีขนาดเล็กกว่าเดิมอีก และมีแนวโน้มว่าแบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีราคาถูกลงเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง
ขณะนี้ BMW กำลังวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ Solid State ในแล็บวิจัยแต่กระบวนการพัฒนาเพื่อนำไปสู่กระบวนการผลิตจริงเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่ BMW ก็ยังตั้งเป้าหมายเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้แบตเตอรี่ Solid State ภายในปี 2025
ที่มา : Autocar