หลังจาก ปล่อยให้คู่แข่ง อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ดัมพ์ราคา รถในสต็อก อย่าง E200 NGT ให้ลงมา
แล้วก่อนหน้านี้ BMW จึงเริ่มขยับตัว เขย่าตลาดพรีเมียมซีดานกับเขาบ้าง คราวนี้เล่นแรง ด้วย
การปล่อย 520d Corporate Edition ออกสู่ตลาด เมื่อ 3 สิงหาคม 2009 ที่ผ่านมา หั่นออพชันลงมา
นิดหน่อย แต่ปล่อยขึ้นโชว์รูมด้วยราคาสะท้านทรวง 2,999,000 บาท นั่นหมายความว่า เพิ่มเงิน
จากรุ่น 320d SE อีกแค่ 1 แสนบาท ก็ได้ขับซีรีส์ 5 แล้ว!!

 
 

มร. คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า “การศึกษาและวิจัยพฤติกรรมของ
ผู้บริโภคในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม บ่งชี้ว่า ลูกค้าในกลุ่มเซ็กเมนท์นักธุรกิจระดับผู้บริหารนั้น
มีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง นอกจากจะต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย และความปลอดภั
ยแล้ว ยังให้ความสำคัญในการควบคุมภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รวมถึงความประหยัดน้ำมัน
ซึ่งเรียกรวมกันว่า ‘Cost Of Ownership’ และสำหรับผู้บริหารสมัยใหม่ ยังให้ความเอาใจใส่กับ
เรื่องของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

 
 
 

BMW จึงเสนอทางเลือกที่ ‘ตอบโจทย์’ ลูกค้ากลุ่มนี้โดยตรง คือ BMW 520d Corporate Edition
ซึ่งมามาพร้อมระบบไฟหน้าแบบฮาโลเจนพร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำของลำแสงอัตโนมัติ
ระบบควบคุมระยะการจอด PDC Parking Distance Control ที่โชว์ภาพผ่านระบบจอมอนิเตอร์
ระบบศูนย์บัญชาการข้อมูล iDrive ระบบพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามารถควบคุม สั่งการระบบ
เครื่องเสียง ม่านบังแดดกระจกหลังแบบควบคุมด้วยไฟฟ้าและม่านบังแดดประตูหลัง
ระบบสั่งการปัดน้ำฝนอัตโนมัติพร้อมระบบตัดแสงสำหรับกระจกมองหลัง ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า
อัตโนมัติเมื่อเข้าที่มืด และระบบ Bluetooth เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือสำหรับการสื่อสารแบบ
แฮนด์ฟรีเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย

 
 

ด้านขุมพลัง วางเครื่องยนต์ดีเซล บล็อกเดียวกับ ทั้ง 120d Coupe 320d Saloon & Coupe รวมทั้ง X3 xDrive 2.0d
ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เป็นบล็อก 4 สูบ DOHC 6 วาล์ว 2,000 ซีซี พร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมัน
Common Rail Direct Injection เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 และเทคโนโลยีหัวฉีดแบบ Piezo ระบบอัดอากาศแบบ
เทอร์โบแปรผัน ด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics เครื่องยนต์นี้สามารถผลิตแรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า (HP)
ที่ 4,000 รอบและแรงบิดสูงสุดมากถึง 350 นิวตัน-เมตร ระหว่าง 1,750-3,000 รอบ พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
แบบ Steptronic

 
 

ตัวเลขจากทางโรงงานระบุว่า BMW 520d สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ในเวลาเพียง
8.4 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 16.4 กิโลเมตรต่อลิตร (<—อันนี้ผู้เขียนยืนยันว่า เมื่อทดลอง
จับตัวเลข จากเครื่องตัวเดียวกันนี้ แต่วางในรถรุ่นอื่น ได้ตัวเลขตามนี้จริง) และคายไอเสียคาร์บอนได-
อ๊อกไซด์เพียง 162 กรัมต่อกิโลเมตร

 
 
 

นอกจากนี้ 520d ทุกรุ่น ยังมาพร้อมโปรแกรม BSI BMW Service Inclusive ซึ่งเป็นโปรแกรม
บำรุงรักษาและซ่อมแซมเป็นระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ทำให้วางใจได้ว่า ค่าบำรุงรักษา
หรือ Cost Of Ownership ต่ำ

แม้จะได้ราคา ต่ำเพียง 2,990,000 บาท แต่ อุปกรณ์ที่ถูกลดออพชันลงไปนั้น
มีทั้ง ภายในเลือกได้เฉพาะสีเบจอย่างเดียว
ส่วนลายไม้ ก็เปลี่ยนมาเป็น พลาสติกพ่นสี อย่างที่เห็นในภาพ อีกทั้งระบบ
Access Comfort ที่จะเลื่อนปรับเบาะ และพวงมาลัย เองโดยอัตโนมัติ ทันทีที่เปิดประตู
ขึ้นไปนั่ง ก็ลดทอนลงไปด้วย แต่อุปกรณ์เหล่านั้น บางคนอาจมองว่า
ไม่ได้จำเป็นกับตนมากนัก

รายละเอียด อุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปตามที่เห็นอยู่นี้ และถ้าสนใจ ก็สามารถติดต่อได้ ที่ ผู้จำหน่าย BMW
อย่าเงป็นทางการ ทั่วประเทศ

 
 
————————-///———————–