กลุ่มรถยนต์ Ultra-Luxury เป็นตลาดเฉพาะที่มีอัตราการเติบโตช้า แต่ก็มีความมั่นคงสูงมาก เพราะรถยนต์ในกลุ่มนี้เป็นเครื่องหมายการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ระดับอภิมหาแห่งความหรูหรา ยิ่งแบรนด์หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์มากเท่าไร ก็ยิ่งรับรองเลยว่า แบรนด์นั้นก็น่าจะคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป อะไรก็คงเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เมื่อ Adrian Hallmark : CEO แห่ง Bentley ออกมายอมรับ Bentley ยังไม่สามารถขายรถยนต์สุดหรูให้แก่กลุ่มลูกค้าเสรีนิยมและลูกค้าหัวสมัยใหม่ได้ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 40% ของกลุ่มบุคคลที่มีอัตรารายได้สูงมาก
โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านั้น หันไปซื้อรถยนต์จากค่าย Porsche หรือไม่ก็ Tesla และคาดหวังว่า การที่ Bentley จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV ในระดับ Hi-Class ออกมาในระยะ 5-10 ปีข้างหน้าน่าจะสามารถจับกลุ่มลูกค้าสองกลุ่มให้มาเป็นลูกค้าของตัวเองได้
น่าสงสัยไม่น้อยเลยว่า ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นเช่นนี้ แล้วทำไม Bentley ยังต้องรอให้รถยนต์ไฟฟ้า EV เปิดตัวนานถึง 5 ปี? คุณ Hallmark ก็กล่าวเสริมว่า มีลูกค้า Bentley ที่สนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV แค่เพียง 40% เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญกว่าคือระยะทางวิ่งสูงสุดที่ถูกจำกัดด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และอีกทั้งขนาดตัวรถของรถยนต์ Bentley ยังไม่สัมพันธ์กับเทคโนโลยีในปัจจุบัน (คือ ถ้าตัวถังใหญ่และหนัก ระยะทางวิ่งก็จะน้อยลงนั่นเอง)
ถึงแม้ว่า Tesla Model X รวมถึง Rivian R1T SUV และกระบะ R1S truck มีขนาดตัวถังใหญ่เช่นกัน แต่มันก็มีระยะทางวิ่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน (และความคาดหวัง) ถ้าหาก Bentley จะสร้างรถแนวนี้ก็ควรจะต้องวิ่งได้สัก 643 กิโลเมตรต่อการชาร์จประจุให้เต็มเพียง 1 ครั้ง เป็นอย่างต่ำ
แต่น่าจับตาต่อไปอีกว่า ระหว่างที่รอ Bentley ออกรถ EV มาสู้ พวกเขาจะรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างไรไม่ให้โดน Porsche และ Tesla แย่งตลาดไปได้
ที่มา : Motor1