Bentley อัพเดทหน้าตาและขุมพลังให้กับรถ 3 รุ่นหลักในซีรี่ย์สุดหรู Mulliner ได้แก่ Continental GT Continental GTC และ Flying Spur โดยมาพร้อมกระจังหน้าออกแบบใหม่ เพิ่มเติมลวดลาย Floating Diamond ติดตั้งขอบโครเมี่ยม และฝาครอบกระจกมองข้างสีเงินสาติน พร้อมด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 22 นิ้ว ที่ติดตั้งฝาดุมล้อแบบไม่หมุนตามไปกับรอบล้อ





ขณะที่รุ่น Continental GT และ GTC มาพร้อมป้ายชื่อรุ่น Mulliner ที่ซุ้มล้อคู่หน้าและไฟหน้า ซึ่งออกแบบรายละเอียดภายในโคมใหม่ให้เพิ่มความสวยงามได้ยิ่งขึ้น ขณะที่รุ่น Flying Spur จะมีการตกแต่งที่แตกต่างออกไป โดยใช้รายละเอียดแบบ double-diamond detailing
ไฟหน้าและไฟท้ายที่มีแอนิเมชันพร้อมไฟท้ายสีแดงโฉมใหม่ มีสีตัวถังให้เลือกมากถึง 101 สี โดยลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีคลาสสิกหรือสั่งทำสีพิเศษได้ตามต้องการ




ภายในยังคงดีไซน์เดิม แต่มีการเพิ่มเบาะที่นั่งพิเศษพร้อมลายปักของ Mulliner และรูปแบบการเจาะรูรูปทรงเพชรใหม่ Bentley ยังระบุว่าลวดลายการเย็บนี้ยังติดตั้งที่บริเวณผ้าบุหลังคาของ Continental GTC Mulliner ซึ่งสามารถมองเห็นได้เมื่อเปิดหลังคาลง
ขณะที่เบาะที่นั่งด้านหน้ามาพร้อมระบบ Wellness ที่สามารถปรับทิศทางและควบคุมอุณหภูมิได้อัตโนมัติ ในรุ่น Flying Spur ยังเพิ่มเบาะพิเศษที่เบาะหลังเพื่อลดความเหนื่อยล้าของผู้โดยสาร นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศยังมาพร้อมเครื่องผลิตประจุลบและตัวกรองอนุภาคใหม่ ระบบ infotainment รุ่นใหม่ที่สามารถแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในและภายนอกรถ




ขุมพลัง “Ultra Performance Hybrid” ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูงใหม่ พร้อมด้วยการเปลี่ยนเทอร์โบแบบ single-scroll ที่มีพละกำลังสูงสุด 592 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร
พ่วงกับระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ dual-clutch ซึ่งให้พละกำลังสูงสุด 187 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 451 นิวตัน-เมตร โดยมอเตอร์จะเข้ามาช่วยเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำและชดเชยพละกำลังเพื่อทำให้การเปลี่ยนเกียร์มีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
ทำให้สามารถสร้างพละกำลังรวมได้สูงถึง 782 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดร่วม 1,000 นิวตัน-เมตร รวมไปถึงความสามารถในการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุดกว่า 80 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 25.9 kWh ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังรถ ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟบ้านกำลังไฟฟ้าสูงสุด 11kW ได้เต็มภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที
Bentley ยังกล่าวอีกว่าลูกค้าจะได้สัมผัสกับ ‘ประสิทธิภาพ การควบคุม และความนุ่มนวลราวพรมวิเศษที่ประทับใจยิ่งกว่าเดิม’ ด้วยระบบโช้คอัพ 2 วาล์วใหม่และสปริงลมสองช่อง ที่ช่วยให้ปรับแต่งได้อย่างละเอียดมากขึ้น
ที่มา: Carscoops