ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจยังลูกผีลูกคนอยู่แบบนี้ ต่างคนต่างก็ต้องพยายามดิ้น
เพื่อหาทางรอดต่อไป อย่าว่าแต่คนทำมาค้าขายระดับกลางที่ได้รับผลกระทบ
แม้แต่บริษัทขนาดใหญ่อย่างบริษัทรถยนต์ก็ต้องทำงานกันภายใต้ความเครียด
ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องรัดเข็มขัดกันแบบสุดๆ แต่ก็ต้องพยายามหาสิ่งใหม่ๆ
มากระตุ้นความสนใจลูกค้าอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ลูกค้าคิดไปเองว่าเป็น
แบรนด์ที่ไม่ขยับ และมีแนวโน้มจะถูกแช่แข็ง
จุดประสงค์ของงานมอเตอร์โชว์ต่างๆในประเทศไทยนั้น นอกจากจะอำนวย
ความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถโดยการนำเอาตัวเลือกของทุกค่ายมารวมกันไว้
ในที่เดียวให้เดินเลือกเทียบเปรียบลองกันโดยไม่ต้องเสียเวลาแล้ว ยังเป็นโอกาส
อันดีสำหรับค่ายรถยนต์ในการแนะนำรถใหม่ อย่างที่สามารถเห็นได้ในงาน
Bangkok International Motor Show ปี 2016 นี้ ซึ่งผมสามารถนับรถรุ่นใหม่
ทั้งแบบที่อัพเดทของเดิม แบบที่เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ และประเภท
All-New ของแท้ได้มากกว่า 25 รุ่น ซึ่งดีไม่ดีจะเยอะกว่างาน BIMS ในปีที่แล้ว
อีกเสียด้วยซ้ำไป
นับว่าเป็นความฮึกเหิมที่เราสามารถเห็นได้ในยามลำบาก ธุรกิจรถยนต์เองก็ต้อง
พยายามสู้สภาวะวิกฤติเหมือนกลุ่มธุรกิจอื่น แม้ยอดขายรถในภาพรวมจะลดลง
แต่เราก็ยังมีรถรุ่นใหม่ๆที่น่าสนใจเปิดตัวออกมาสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้น
ความอยากเสียเงินได้อย่างสม่ำเสมอ
ทาง Headlightmag.com จึงไปสำรวจงานมาก่อนล่วงหน้าในวันที่ 21-22 มีนาคม
และนำเอาไฮไลท์ในงานมาสรุปไว้ภายในบทความนี้ เพื่อช่วยให้ท่านที่กำลังติดตาม
ข่าวสารยานยนต์สามารถเลือกได้ว่าอยากจะไปดูบูธไหนก่อนหรือหลังเพื่อไปเก็บ
ข้อมูลหรือเก็บภาพรถคันโปรดที่ท่านต้องการ (แต่ขอบอกไว้สักนิดว่าในหลายครั้ง
วันงานรอบพิเศษ กับรอบสาธารณะ บางบูธจะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งการจอด
ของรถที่มาโชว์บ้างนะครับ)
งานนี้ขอเป็นกำลังใจให้คนขายได้ขาย คนซื้อได้ซื้อ ได้รถที่สมใจอยากกันทุกคน
สำหรับผู้ที่เป็นสามีแล้ว..อย่าลืมขอคำอนุมัติจากภรรยาก่อนเซ็นใบจองเพื่อ
หลีกเลี่ยงดราม่าระดับครัวเรือนด้วยนะครับ ทางที่ดี ไปเดินเลือกด้วยกันนั่นแหละ
สนับสนุนให้ภรรยาออกกำลังกายไปด้วยเลย
ASTON MARTIN
– โชว์ครบทุกรุ่นจริงจัง DB9, DB10, DB11 ถ้ามี DB12 คงเอามาแล้ว
Aston Martin รถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษขนมาทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น
DB9 (ซึ่งโมเดลนี้ทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2003), Rapide, Vanquish
พร้อมทั้งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Aston Martin DB11 เป็นครั้งแรกในภูมิภาค
เอเชีย-แปซิฟิก และเป็นรถในซีรีส์ DB ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แถมในงานนี้ คุณ Marek Reichman ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริหาร
Chief Creative Officer ของ Aston Martin บินมาร่วมงานเปิดตัว DB11
ในบ้านเราอีกด้วย
DB11 นับเป็นรถรุ่นแรกที่เปิดตัวตามแผนการ “สู่ศตวรรษที่ 2” ของทางค่าย
เปลี่ยนมาใช้แพลทฟอร์มอะลูมิเนียมแบบใหม่ พร้อมทั้งวางเครื่องยนต์ V12
เทอร์โบคู่รุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาเองในค่าย มีขนาดความจุ 5.2 ลิตร พร้อมระบบตัด
การทำงานของลูกสูบ ให้กำลังสูงสุด 608 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 700
นิวตัน-เมตร ส่งกำลังจากเครื่องสู่เพลากลางแบบคาร์บอนไฟเบอร์ แล้วห้อยเกียร์
เอาไว้ที่ด้านท้ายรถ เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง
322 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถังน้ำมันขนาด 78 ลิตร เพียงพอให้เดินทางได้ค่อนข้างไกล
ถ้าไม่เรียกพลังมาใช้บ่อยๆ (แต่ใครจะอดใจไหว) สนนราคาอยู่ที่ 24,900,000 บาท
ที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดคือการนำเอารถ DB10 ซึ่งใช้ในภาพยนตร์ 007
James Bond: Spectre มาโชว์ในงานด้วย รถรุ่นนี้ใช้โครงสร้าง VH-Platform
ของ V8 Vantage นำมาขยายความกว้าง วางเครื่องยนต์ 4.7 ลิตร V8 และผลิต
ออกมาเป็นพิเศษเพียง 10 คัน จากนั้นรถ 8 คันก็ถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์
เหลือรถอีกเพียง 2 คัน 1 ในนั้นถูกประมูลไปด้วยมูลค่าถึง 2.4 ล้านปอนด์ ทำให้
มีรถ DB10 เหลืออีกเพียงคันเดียว คือคันที่โชว์อยู่ในงานนี้นั่นเอง
BENTLEY/PORSCHE (AAS)
– ไร้เงา Bentley แต่ Carrera/Carrera S เครื่องเทอร์โบ มาแล้ว
ถ้าเดินผ่าน เหมือนกับไม่มีรถรุ่นใหม่ เพราะเราจะเห็น Macan, Cayenne
และ Panamera จอดอยู่ด้านหน้าและอีกซีกหนึ่งของบูธ แต่อันที่จริงแล้ว
Porsche ได้นำรถรุ่นใหม่มาร่วมในงานนี้ด้วย
Porsche 911 Carrera/Carrera S เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3.0 ลิตร
6 สูบนอน Boxer เทอร์โบชาร์จ ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นอัพเดทของรถบอดี้
991 (991.2) นั่นเอง โดยรถสเป็คไทยนั้นจะได้ไฟหน้า LED พร้อมระบบ
Porsche Dynamic Light System Plus, ระบบ ParkAssist, เบาะสปอร์ต
ปรับด้วยไฟฟ้า 14 ทิศทางพร้อมระบบความจำ พวงมาลัย GT Sport แบบใหม่
ระบบ Porsche Active Suspension Management (ช่วงล่างปรับความแข็ง
ได้อัตโนมัติ) มี Sport Chrono Package และท่อไอเสียแบบสปอร์ต เครื่องเสียง
BOSE และระบบ Infotainment รองรับ Apple CarPlay
911 Carrera จะมีกำลัง 370 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ตั้งราคา
เอาไว้ 12,200,000 บาท ส่วนรุ่น 911 Carrera S จะมีกำลัง 420 แรงม้า
แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร (สูสีกับ 996 Turbo จาก 15 ปีก่อน) ตั้งราคาไว้ที่
13,500,000 บาท รถ Carrera/Carrera Sที่จำหน่ายโดย AAS จะได้การรับประกัน
9 ปี และบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงนาน 9 ปีเช่นกัน
ที่จอดอยู่ทางขวาของเวทีนั้นไม่ใช่ The Hulk กำลังนอนคว่ำ แต่เป็น
Porsche Cayman เวอร์ชั่นพิเศษ “GT4” ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษของ Cayman
ตัวถัง 981 ความแตกต่างจาก Cayman GTS คือรถรุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์
6 สูบ Boxer ซึ่งยกมาจาก 911 Carrera S รุ่นที่แล้ว (ยังไม่มีเทอร์โบ) และลด
พลังลงเหลือ 385 แรงม้า แต่น้ำหนักเบาแค่ 1,340 กิโลกรัม มีช่วงล่าง PASM
แบบสปอร์ตที่ลดความสูงลงจากรุ่นปกติ 30 มิลลิเมตร ที่สำคัญคือใช้เกียร์ธรรมดา
6 จังหวะเพื่อการขับขี่ที่มันส์ในอรรถรสดั้งเดิม รถ Cayman GT4 นั้นตั้งราคาไว้ที่
13,500,000 บาท เท่ากับ Carrera S และให้การรับประกันกับ Roadside
Assistance นาน 2 ปี
นอกจากนี้ ในงานยังมี Macan 2.0 เทอร์โบสเป็คปี 2016 ซึ่งปรับแรงม้าเพิ่มเป็น
252 แรงม้า ขายในราคา 5,990,000 บาทสำหรับผู้ที่จองในงาน
BMW/MINI
– คนรักขับหลังพันธุ์แรงมีเฮ
บูธของ BMW ยังเต็มไปด้วยรถหรูที่คุ้นหน้ากันดี ไม่ว่าจะเป็น 528i, 525d,
428i Gran Coupe ตลอดจนรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กที่เพิ่งจะเปิดตัวไป
อย่าง X1 ส่วนด้านหลังของบูธ ก็จะมีรถ SUV ขนาดใหญ่อย่าง X5 sDrive25d
ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนล้อหลัง และ X5 xDrive40E ซึ่งเป็น SUV แบบไฮบริด
เสียบปลั๊กชาร์จ
แต่ของเด็ดจริงๆ กลับถูกซ่อนหลบมุมอยู่ข้างหลังบูธ ค่อนมาทาง MINI
แอบชนิดที่ว่าถ้ามัวแต่มองคุณเซลส์สาวๆเพลินคุณอาจจะเดินผ่านมันโดย
ไม่รู้ตัวก็ว่าได้ รถสีน้ำเงินคันนี้ก็คือ BMW M2 ซึ่งใช้พื้นฐานตัวถังคูเป้ขับหลัง
ของซีรีส์ 2 บอดี้ F22 โดยเอารุ่น M235i มาโมดิฟายต่อ ใช้เครื่องยนต์ N55B30T0
ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin Scroll ให้พลัง 370 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 465 นิวตัน-เมตร ซึ่งเวลากระแทกคันเร่งเพื่อแซงจะมีฟังก์ชั่น
Overboost เพื่อเค้นแรงบิดให้แตะ 500 นิวตัน-เมตรได้ เครื่องยนต์ N55 ใน
M2 นี้จะต่างจากเครื่อง S55 ของ M4 หลายจุดแม้ดูสเป็คจะคล้ายกัน เครื่อง S55
จะมีเทอร์โบ 2 ตัว มีปั๊มน้ำมันเครื่องคู่ เสื้อสูบแบบ Close-deck และมีก้านสูบที่
แข็งแรงกว่า
รถเวอร์ชั่นไทยราคาเคาะออกมา 5,999,000 บาท..ราคานี้ถ้าเป็นคนที่ชอบ
เอาค่าตัวหารด้วยแรงม้าอาจจะนอกใจไปคบครอบครัว “45AMG” เอาง่ายๆ
เหมือนกัน รถสเป็คไทยจะได้เกียร์ M-Double Clutch 7 จังหวะ พร้อมระบบ
Launch Control
ดูรูปภายนอก/ภายใน/ห้องเครื่องยนต์เพิ่มเติมได้ที่นี่
รักโลก รักธรรมชาติ ฟาดกับรถซิ่งอย่างสะใจ ชาร์จไฟได้ที่บ้าน คืองานของ
รถ Plug-in Hybrid รุ่นใหม่อย่าง 330e M-Sport ซึ่งเอาเครื่องยนต์ TwinPower
Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า e-Drive แล้วให้
พลังรวม 2 ระบบคิดเป็น 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลัง
ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ผู้ขับสามารถใช้โหมด Max eDrive ในการสั่งให้
รถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะวิ่งได้ไกล 40 กิโลเมตรและใช้
ความเร็วในโหมดไฟฟ้าล้วนได้สูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคาเปิดออกมา
3,099,000 บาท..และขอแสดงความยินดีกับชาว BMW ในไทยด้วยที่บ้านเรา
ได้ล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย 5 ก้านคู่ซึ่งสวยกว่าของเวอร์ชั่นในรูปโปรโมทของ
เมืองนอกมาก
MINI เปิดตัวรุ่น Convertible สีฟ้า Aqua Caribbean Blue กับบรรยากาศบูธที่
ชวนนึกถึงเกาะและชายทะเล มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือรุ่น Cooper S
Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 192 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ตั้งราคาเอาไว้ 3,050,000 บาท
CHEVROLET
– โชว์รถ Concept ที่ใกล้ความจริง
ด้านหน้าบูธ Chevrolet มีการจัดแสดงรถที่จำหน่ายในปัจจุบันทั้ง
Captiva, Colorado และ Trailblazer ซึ่งยังเป็นรถโฉมเดิมอยู่
ถ้าใครอยากดูของดี ให้เดินไปข้างหลังบูธครับ
ที่เห็นนี้คือรถต้นแบบที่ใกล้เคียงความจริงของ Chevrolet Colorado
รุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่กำลังจะมาขายในบ้านเรา มันคือ Colorado Xtreme
ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบจาก GM-Holden Design Center Australia
โดยนำเอาเส้นสายของรถกระบะยุคใหม่ในอเมริกาเข้ามาประยุกต์กับบอดี้
ของ Colorado สเป็ค Asia-Oceania อย่างของบ้านเรา ภายในของรถ
มีการเปลี่ยนแดชบอร์ดและแผงมาตรวัดทรงใหม่ เวอร์ชั่นจำหน่ายจริง
อาจจะไม่เห็นแล้วอยากเปิดไบเล่ดื่มแบบเจ้า Xtreme สีส้มด้านคันนี้
แต่ดีไซน์และเส้นสายหลักจะคล้ายกัน
ส่วนรถอีกคันบนเวที คือ Chevrolet Trailblazer Premier ซึ่ง
ถูกออกแบบโดยมีรสนิยมของลูกค้าชาวไทยเป็นจุดที่ทางทีมให้
ความสำคัญด้วย เพราะลูกค้าชาวไทยชอบ “บรรยากาศพรีเมียม” ดังนั้นทางทีม
ออกแบบจึงพยายามปรับหน้าตาของ Trailblazer ให้ออกมาดู “พรีเมียม” ที่สุด
และตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่ดูหรูหราและเรียบร้อยว่า Colorado ไบเล่คันบน
ถ้าหากจะดูว่ารถเวอร์ชั่นขายจริงจะมีภายในแบบไหน ก็ลองไปมองดูคันนี้ได้ครับ
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
FORD
– อัพเดท Fiesta, EcoSport และเผยโฉม Focus EcoBoost
ภาพข้างบนคันซ้ายเป็น Focus ตัวแต่ง หางหลัง RS และล้อ 19 นิ้ว
ส่วนคันขวาเป็น Ford Fiesta Black Limited ที่ใช้โทนสีดำคาดแดง
ล้ออัลลอยพ่นสีดำ และมีกรอบไฟตัดหมอกสปอร์ต Fiesta ที่ทำตลาดนับ
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะมีแต่บอดี้ 5 ประตูเท่านั้น และยกเลิกการทำตลาดเครื่อง
1.0 EcoBoost โดยเหลือไว้เพียงรุ่น 1.5 ลิตร Ti-VCT ที่ถูกปรับให้รองรับกับ
เชื้อเพลิง E85 ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ตั้งราคาไว้ที่ 644,000 บาท
สำหรับรุ่น Trend 699,000 บาทสำหรับรุ่น Sport และ 719,000 บาทสำหรับ
รุ่น Black Limited
ส่วน Ford EcoSport ได้รับการอัพเดทเครื่องยนต์ให้เติม E85 ได้เช่นเดียวกัน
กำลังเครื่องสูงสุด 110 แรงม้า (น้อยกว่า Fiesta) รุ่นเกียร์ธรรมดาถูกตัดออกไป
เหลือรุ่น Ambient ราคา 714,000 บาท รุ่น Trend ราคา 764,000 บาท รุ่น
Titanium ราคา 845,000 บาท และมีรุ่นพิเศษ Trend Black Edition ซึ่ง
จะมีให้เลือกแค่สีขาว กับส้ม และตกแต่งภายนอกบริเวณกระจังหน้า ไฟตัดหมอก
กระจกมองข้างและล้อด้วยสีดำ Piano Black ตั้งราคาเอาไว้ที่ 774,000 บาท
รู้น่ะ..ว่าเล็งมานานแล้ว วันนี้ก็เผยโฉมกันเสียที แต่เช่นเคย..ยังไม่ส่งมอบ
สำหรับ Ford Focus EcoBoost นั้น ตั้งราคาเอาไว้ที่ 1,099,000 บาท
โดยมีตัวถังให้เลือกเพียงแบบเดียวคือ Hatchback 5 ประตู และมีรุ่นย่อย
เพียงรุ่นเดียว ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ Ti-VCT ให้กำลังสูงสุด
180 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ (ไม่ใช่
คลัตช์คู่แล้ว) แบบ 6 จังหวะ รองรับเชื้อเพลิง E85 ระบบเครื่องเสียงแบบ
รองรับ Apple CarPlay และสามารถสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบ SYNC 3
มีระบบช่วยจอด Enhanced Active Park Assist ซึ่งพัฒนาต่อจากระบบ
ช่วยจอดของเดิม (เพิ่มฟังก์ชั่นถอยเข้าซอง) และยังมีระบบ Active City Stop
ซึ่งทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
โดยทาง Ford จะเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องยนต์และอุปกรณ์ได้ที่นี่
Promotion:
1. Ranger Open Cab XLT 4×2 Hi-rider ผ่อน 60 เดือน ดอกเบี้ย 1.49%
2. Everest 2.2 ผ่อน 60 เดือนดอกเบี้ย 1.99%
3. EcoSport ดอกเบี้ย 0.99% ผ่อน 48 เดือน
4. Focus ดาวน์ 10% ฟรีประกันชั้น 1
HONDA
– Civic เจนเนเรชั่น 10, BR-V และ Accord ไมเนอร์เชนจ์
รถที่เพิ่งจะเปิดตัวไปอย่าง Honda Accord ก็มา และยังมี BR-V จอดแซม
ตามมุมต่างๆของบูธ โดยรถแต่ละรุ่นก็จะมีคละแบบคละออพชั่นแล้วแต่
จะเลือกดู อย่างในภาพบนนี้จะมี Civic 1.8 EL และ Accord Modulo
งานนี้ Honda แทบไม่ต้องโชว์อะไรทั้งสิ้น แค่ขน Civic มาปักกับระเบิดเอาไว้
ตามจุดต่างๆของบูธก็คิดว่าคนแน่นแล้ว โดยเอามาทั้งตัว 1.8EL ภายในสีเบจ
และสีดำ กับรุ่น Turbo RS ตัวท้อป 1.5 ลิตร เทอร์โบ 170 แรงม้า
Promotion: ขอเลือกมาบอกบางอันละกันครับ
1. City, City CNG, Accord เฉพาะรุ่น Hybrid (ยังไม่ไมเนอร์เชนจ์), Brio
และ Brio Amaze ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1
2. ทุกรุ่นยกเว้น Civic ใหม่กับ Accord ไมเนอร์เชนจ์ จองในงาน ขยายเวลา
การรับประกันคุณภาพจาก 3 ปี 100,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี หรือ 140,000
กิโลเมตร แล้วแต่ว่าอันไหนถึงก่อน+ Roadside Assistance 24 ชั่วโมง
3. Civic ใหม่กับ Accord ไมเนอร์เชนจ์ ดาวน์ 20% ผ่อน 48 เดือนได้ดอกเบี้ย
2.09%
HYUNDAI
– H1 และ Grand Starex ไมเนอร์เชนจ์ และ Genesis มาโชว์
แม้ว่าในงานนี้จะไม่มีการนำรถต้นแบบมาโชว์อย่างเคย แต่ชาติเสือไว้ลาย
ชาติ Hyundai ต้องไว้ท่า จึงนำเอารถยนต์นั่งระดับสูงของค่ายอย่าง Genesis
มาให้ผู้คนได้เห็นว่า Hyundai ทำรถเก๋งใหญ่เป็น และทำมานานแล้ว Genesis
เป็นรถที่ตกแต่งมาอย่างหรูด้วยเบาะไฟฟ้าด้านคนขับปรับ 16 ทิศทาง และคนนั่ง
12 ทิศทาง มีระบบปรับอากาศใต้เบาะเป่าได้ทั้งลมร้อนและเย็น ใช้เครื่องยนต์
เบนซิน 3.8 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน 315 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 397
นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ถุงลมนิรภัย 9 ใบ มีระบบ
Blind Spot Detection และ Smart View เฉกเช่นรถหรูสมัยใหม่
ส่วนรถที่ขายจริง ก็คือ H-1 และ Grand Starex ไมเนอร์เชนจ์ ปรับปรุงโฉม
ทั้งภายนอกและภายใน เพิ่มกระจังหน้าใหม่, Daytime Running Light เปลี่ยน
ล้ออัลลอยลายใหม่ เบาะและพนักพิงศีรษะออกแบบใหม่ ราคาเริ่มต้นในรุ่น
Touring อยู่ที่ 1,289,000 บาท ไปจนถึงรุ่น Deluxe 1,679,000 บาท
ส่วนคนที่ชอบความสะดวกสบาย อาจจะเลือก Grand Starex ที่ปรับลดที่นั่ง
จาก 11 เหลือ 7 ที่ แต่เพิ่มความสบายสำหรับแต่ละที่นั่งให้ขนาดโตขึ้น ราคา
2,349,000-2,399,000 บาท
Promotion:
1. H-1 กับ Grand Starex ฟรีประกันชั้น 1
2. Elantra, Tucson และ Veloster MPI (ไม่มีเทอร์โบ) ผ่อน 48 เดือน
ดอกเบี้ย 0% และฟรีประกันชั้น 1
3. Elantra ประกันคุณภาพรถ 7 ปี หรือ 180,000 กม. ฟรีค่าบำรุงรักษา ค่าแรง
และค่าอะไหล่นาน 5 ปี หรือ 100,000 กม.
ISUZU
– MU-X กับ D-Max ขุมพลังใหม่
ในงานนี้ ได้มีการเปิดตัว D-Max 1.9 เกียร์อัตโนมัติ และ D-Max X- Series
ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษ มีทั้ง D-Max X-Series Speed (คันสีดำในภาพ)
ตกแต่งภายนอกด้วยชุดสเกิร์ตสีดำ และไฟท้ายรมดำ ภายในใช้เบาะสีดำ/แดง
และเพิ่มส่วนตกแต่งคอนโซลและแผงประตูสีแดง และยังมี D-Max X-Series
Hi-Lander ซึ่งเป็นรุ่นยกสูง ล้อ 18 นิ้ว ภายในตกแต่งด้วยสีเทาเข้มและพวงมาลัย
เย็บตะเข็บสีแดง ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร RZ4E-TC
ส่วน MU-X เครื่องยนต์ใหม่ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวในงานนี้เช่นกัน โดยใช้ชื่อเรียกว่า
Isuzu MU-X BLUE POWER รุ่น 1.9 ลิตร ใช้เครื่องยนต์ RZ4E-TC VGS
Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350
นิวตัน-เมตร มีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ให้เลือก ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,094,000 – 1,324,000 บาท ส่วนรุ่น 3.0 ลิตร
จะใช้เครื่องยนต์ 4JJ1-TCX VGS Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้า
สูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร มีแต่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
RevTronic ตั้งราคาไว้ 1,364,000-1,464,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม
เจาะสเป็ค ราคา และอุปกรณ์ Isuzu MU-X 1.9 และ 3.0 ใหม่
น้าหมูพาชมรถคันจริง MU-X 1.9 DA DVD (ภาพเพียบ)
JAGUAR/LAND ROVER (JLR)
ปีนี้บูธของ Jaguar/Land Rover จะมาหลบอยู่ใกล้กับโซน Accessories
แต่ก็ยังน่าติดตามชม Jaguar F-Type S Coupe เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6
ซูเปอร์ชาร์จที่ให้พลังถึง 380 แรงม้า มีล้ออัลลอยลาย Tornado ขนาด 20 นิ้ว
และระบบท่อไอเสียที่กดสวิตช์เปลี่ยนเสียงได้ สนนราคาอยู่ที่ 10,999,000 บาท
ถ้าใครอยากซื้อแบบผ่อนชำระ ก็ดาวน์ 35% (3.85 ล้านบาท) และผ่อนชำระเพียง
เดือนละ 164,435 บาทไปอีก 48 เดือน
นอกจากนี้ยังมีรถพรีเมียมขนาดกอดฟัดกับ 3-Series ได้อย่าง XE มาโชว์
โดย XE รุ่นที่มาโชว์ในงานนั้น เป็นรุ่น 2.0 GTDi R-Sport ราคา 3,499,000 บาท
สำหรับฝั่ง Land Rover ก็มีทั้ง Discovery Sport และ Range Rover Evoque
LAMBORGHINI & McLAREN (Niche Cars)
ทั้งสองยี่ห้อ ตั้งบูธอยู่ในบริเวณชิดกัน สำหรับ Lamborghini นั้นก็ยังเป็น
Huracan V10 และ Aventador V12 เหมือนกับงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปี
ส่วน McLaren นั้นมีรุ่น 650S Spyder และ 570S เช่นเดียวกัน
MAZDA
– CX-5 ไมเนอร์เชนจ์ นำทัพชน, CX-3 แต่งโชว์
Mazda หวังยอดจองในงานนี้เอาไว้ 4,000 คัน ดังนั้น Mazda จึงขนเอา
รถมาครบทุกโมเดลในตระกูล SkyActiv ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2 เบนซิน
และดีเซล Mazda 3 ไปจนถึง CX-3 และล่าสุดกับ CX-5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์
เห็นในงานแดงทั้งบูธจนนึกว่าเลือดกำเดาไหลย้อนเข้าตาขนาดนี้ โดยปกติ
Mazda จะจัดแบบนี้เฉพาะวันสื่อมวลชนนะครับ ถ้าเป็นรอบสาธารณะจะจัดบูธ
โดยเน้นให้มีรถรุ่นต่างๆครบสีครบแบบมากขึ้น..ไม่ต้องตกใจ
สำหรับ Mazda CX-5 ไมเนอร์เชนจ์นั้น นอกจากมีการแต่งหน้าทาปาก
ภายนอกรถแล้ว ยังได้มีการปรับปรุงเรื่องการเก็บเสียงให้ดีขึ้น 10%
จากรุ่นเดิม เปลี่ยนส่วนรองขาของเบาะหลังให้ยาวขึ้น และเปลี่ยนนวม
หุ้มเบาะใหม่ทั้งหน้าและหลัง รุ่น 2.5 ลิตรเบนซินตัวแสบถูกยกเลิกไป
แต่ได้รุ่นเครื่อง 2.2 ลิตรดีเซลขับเคลื่อนล้อหน้ามาแทน ทำให้ปัจจุบัน
มีขายอยู่ 4 รุ่นกับ 2 เครื่องยนต์คือ 2.0 ลิตรเบนซิน 165 แรงม้า และ 2.2 ลิตร
ดีเซลเทอร์โบ 175 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 1,220,000 บาท แต่ถ้าใครอยากได้
ออพชั่นครบๆ ล้อ 19 นิ้วและอุปกรณ์ความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ก็ต้อง
เลือกรุ่น 2.2 ดีเซลขับเคลื่อน 4 ล้อราคา 1,690,000 บาท
อ่านรายละเอียด เปรียบเทียบอุปกรณ์และราคา CX-5 แต่ละรุ่นได้ที่นี่
CX-3 Racing Concept (แต่งโชว์ ยังไม่มีการจำหน่ายจริง)
มีการตกแต่งเพิ่มเติมโดยใช้ชุดแต่งรอบคัน Mazdaspeed มีสติกเกอร์
ตกแต่งรอบคัน ใส่ล้ออัลลอย VSF1 ขนาด 20 นิ้วและจานเบรกขนาด
380 มิลลิเมตร ใช้คาลิเปอร์แบบ 4 Pot สีแดงทั้งด้านหน้าและหลัง
ติดตั้งช่วงล่างสเป็ค Street Sport..เจ๋งมากครับถือว่าเป็นไอเดียดีที่
บริษัทรถยนต์จะช่วยนำเสนอแนวทางการแต่งรถให้กับลูกค้า เป็นการ
ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างรถกับผู้ใช้ไปในตัว
Promotion:
Mazda 2, 3, CX-3 และ CX-5 ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา
Mazda Care นาน 3 ปี ส่วน BT-50 Pro สามารถนำรถเก่ามาแลกรับรถใหม่รับเงิน
เพิ่มสูงสุด 50,000 บาท
MERCEDES-BENZ
– เปิดตัวรุ่นใหม่มากมายพร้อมของเล่นแห่งความแรง
ปีนี้ดูเหมือน Mercedes-Benz จะขยันเปิดตัวรถรุ่นใหม่ราวกับคนมีความรัก
เพราะเมื่อต้นปีก็เปิดตัว C350e Plug-in Hybrid และ S500e ไปแล้ว แล้วยัง
ตามติดด้วย C-Class Coupe อีก ในงานนี้ ก็มีรถเปิดตัวอีกมากมายหลายรุ่น
สดใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวที่เมืองนอกได้ไม่นานก็มาถึงไทยสำหรับ E-Class
รุ่นใหม่ตัวถัง W213 ซึ่งถือว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ของตระกูล E-Class
ในไทย เปิดตัวก่อนด้วยรุ่น E220d เพียงเครื่องยนต์เดียว เป็นเครื่องดีเซล
รุ่นใหม่แกะกล่องจาก Mercedes-Benz รหัส OM654 4 สูบ 2.0 ลิตร
ให้แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า ปล่อย CO2 เพียงแค่ 102 กรัมต่อกิโลเมตร
ส่งกำลังสู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ที่เพิ่งพัฒนาใส่ใน GLC ไป
เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ E220d ที่ขายในวันนี้จะเป็นรถนำเข้า มีให้เลือก 2 รุ่น คือ E220d
Exclusive ราคา 3,990,000 บาท และรุ่น E220d AMG Dynamic ราคา
4,790,000 บาท โดยรุ่น AMG Dynamic จะมีลูกเล่นที่จอบนหน้าปัด
ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ และยังปรับเปลี่ยนแสงไฟในห้องโดยสาร
ได้ถึง 64 สี
ต่อมา คือ C63 S Coupe รถสมรรถนะสูงรุ่นล่าสุด ที่ใช้เครื่องยนต์ V8
เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตร ซึ่งคล้ายกับเครื่องยนต์ของ AMG GT/GT-S
แต่ไม่ได้ใช้อ่างน้ำมันเครื่อง Dry-sump รถรุ่น S นี้จะขยายแทร็คล้อหน้า/หลัง
ให้กว้างขึ้นและใช้เฟืองท้าย Limited Slip ควบคุมด้วยไฟฟ้า ตัวเครื่องยนต์
มีพลัง 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง 700 นิวตัน-เมตร เมื่อส่งกำลังผ่านเกียร์
AMG Speedshift MCT แล้วจะเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.9
วินาทีเท่านั้น วันนี้ลูกค้าชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 9,990,000 บาท
ของเล่นคนรักความแรงยังไม่จบ เพราะยังมี A45/CLA45 และ GLA45 AMG
ซึ่งเป็นรถไมเนอร์เชนจ์ตัวใหม่ ปรับความแรงสนองตัณหา ปรับราคาสนอง
สรรพสามิต เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M133 ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี. 4 สูบ
ระบบอัดอากาศแบบ Single-Turbocharged กำลังสูงสุด 381 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift DCT
7 จังหวะ (7-Speed Sport Transmission) ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
AMG Performance 4MATIC ราคาเริ่มต้นรุ่น A45AMG อยู่ที่ 4,390,000 บาท
ถูกลงกว่ารถรุ่นปีก่อนๆถึง 1,400,000 บาท ส่วนรุ่น CLA45/GLA45 ราคา
เท่ากันคือ 4,690,000 บาท
นอกจากรถแรงๆทั้งหลายแล้ว ในงานนี้ยังมีรถลุย GLS350d ขนาดใหญ่ และ
GLE (M-Class เดิม) รุ่นประกอบในประเทศอีกด้วย
MG
– GS 2.0 Turbo และ 3,5, 6เก่า, 6 ใหม่
MG ในงานนี้ นำรุ่น MG3, MG5 ทั้งรุ่นเทอร์โบและไม่มีเทอร์โบ, MG6
โฉมเก่า (E20) พร้อมเงื่อนไขพิเศษ และ MG6 ไมเนอร์เชนจ์มาโชว์ คันที่โดดเด่น
ที่สุดในงานวันนี้น่าจะเป็น MG5 ที่แต่งซิ่งสีแดงคาดสติกเกอร์ดำ ล้ออัลลอย
Multi-spoke สีดำขอบสีเงิน (สไตล์คล้ายๆคุ้นๆเหมือนของ A250AMG) ถือว่า
เป็นการนำเสนอรูปแบบของรถ MG ในอีกมุมมองที่น่าสนใจ
ส่วนรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป และนำมาโชว์ในงานนี้ ได้แก่ MG GS รถสไตล์
SUV/Crossover ที่มีขนาดตัวโตกว่า XV แต่สั้นกว่า Mazda CX-5 เล็กน้อย
(รู้สึกเหมือนเขาชอบทำรถมาสอดตรงกลางลักษณะนี้นะ) ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
เทอร์โบ 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะ
ราคารุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ อยู่ที่ 1,210,000 บาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซันรูฟ
อยู่ที่ 1,310,000 บาท ในงานนี้ MG ได้นำรุ่น GS ที่ติดตั้งของแต่งจากทาง MG
มาสาธิตให้ลูกค้าดูด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุด Entertainment หน้าจอ 10 นิ้วสำหรับ
คนนั่งเบาะหลัง (18,900 บาทไม่รวม VAT) และบันไดข้างแบบพับเก็บด้วยไฟฟ้า
กางออกมาเมื่อเปิดประตู (35,900 บาท ไม่รวม VAT) ซึ่ง..ผมลองเหยียบขย่ม
เบาๆดู ไม่ร่วงครับ
ในปีนี้ MG ได้สร้างบริการ Passion Service ซึ่งรวมถึงบริการรถ Mobile ออกไป
ซ่อมหรือดูแลรถลูกค้าถึงที่โดยนัดหมายผ่าน Call Center อีกทั้งยังมีการรับประกัน
ตัวรถ 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร กับบริการให้รถสำรองใช้ในกรณีที่รถ MG ของคุณ
ต้องเข้าศูนย์เกิน 4 วันอีกด้วย
เจาะสเป็คและอุปกรณ์ MG GS by Moo Cnoe
รายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมชมภาพรถคันจริงในงานเปิดตัวที่นี่
MITSUBISHI MOTORS
– Triton สีน้ำเงิน Impulse Blue
แน่นอนว่า Mitsubishi ไม่พลาดที่จะนำเอา Mirage, Attrage มาโชว์สำหรับ
ลูกค้าที่ต้องการอีโคคาร์อุปกรณ์คุ้มค่าราคาน่ารัก และมีกระบะ Triton พลัง
MIVEC Clean Diesel จอดอยู่เต็มบูธ แถมยังจัดพื้นที่อย่างมีลูกเล่นด้วยการ
นำ Pajero Sport มาจอดบนพื้นเอียงสุดๆ สไตล์เดียวกับการตกแต่งบูธที่งาน
Tokyo Motorshow เมื่อปลายปีที่แล้วไม่มีผิด
รถรุ่นเด่นของงานในครั้งนี้ คือ Mitsubishi Triton Limited Edition
ซึ่งก็คือรถรุ่น Triton Plus 4 ประตูที่ถูกนำมาเพิ่มอุปกรณ์เข้าไป ไม่ว่าจะเป็น
ล้ออัลลอย 17 นิ้วดีไซน์ใหม่ การ์ดหน้าด้านล่างสีเงิน บันไดข้าง และภายใน
ก็มีเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (เหมือนรุ่นขับสี่ตัวท้อป) และติดตั้งจอภาพ
บนเพดานตรงกลางสำหรับคนนั่งหลัง มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา ราคา
844,000 บาท และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ราคา 889,000 บาท (แพงกว่า Triton
Plus ตัวปกติ 35,000 บาท) แถมยังมีสีใหม่ Impulse Blue มาให้เลือกอีกด้วย
Promotion:
1. Mirage และ Attrage ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน ได้ดอกเบี้ย 0%
2. ทุกรุ่น ฟรีประกันชั้น 1 นาน 1 ปี
3. Mirage, Attrage และ Triton มีแคมเปญข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ดาวน์เริ่มต้น 5% หรือดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.55% หรือผ่อนนาน 84 เดือน
4. Pajero Sport แถมการ์ดใต้กันชนหน้า/หลังและสปอยเลอร์หลัง
NISSAN/NISMO
– เปิดตัวแบรนด์ Nismo กระตุ้นนักเลงรถ Nissan
นำรถมาโชว์ทั้ง March, Almera, X-Trail Hybrid และมีการเปิดตัว
Nissan Juke Color Studio ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกจับคู่
ระหว่างสีของตัวรถที่มีอยู่ 6 สี และสีชุดตกแต่งภายนอกและภายในโดย
เลือกได้ตามที่ต้องการ โดยชุดตกแต่งจะมีสีส้ม เหลือง และสีเงิน ซึ่งคุณ
สามารถเลือกแต่งตามที่ชอบได้ “ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม”
บนเวทีภายในงาน มีการนำ GT-R NISMO ซึ่งเป็นรถขวัญใจคนรักสปอร์ตญี่ปุ่นมาโชว์
ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ สมกับการเปิดตัวแบรนด์ Nismo ซึ่งเป็นแผนกตกแต่งและ
ปรับเสริมสมรรถนะให้กับตัวรถของ Nissan (คล้ายกับ AMG ของเบนซ์ และ M ของ
BMW) ซึ่งหลังจากก่อตั้งมา 32 ปี ในที่สุดก็ได้มีการเริ่มทำตลาดสินค้าและรถตกแต่ง
Complete Car ของ Nismo ในประเทศไทย
ดาวเด่นของบูธ Nissan สำหรับงานในปีนี้คือ Almera Nismo ซึ่งเป็นรถรุ่นแรก
ที่ทาง Nismo เลือกทำตลาดในประเทศไทย เครื่องยนต์ยังเป็น HR12DE รุ่น
เดียวกับ Almera รุ่นธรรมดา และมีแค่รุ่นเกียร์ CVT โดยนำเอารุ่น E, EL และ VL
มาติดตั้งชุดแต่ง Aero Package ซึ่งเป็นชุดแต่งภายนอกประกอบด้วยชุดสเกิร์ตหน้า
ด้านข้าง และด้านหลัง ตัดด้วยสีเทาแดง กับสปอยเลอร์สีเทา มีแถบสีแดงบนฝาครอบ
กระจกมองข้าง และไฟ Daytime Running Light ที่ชุดสเกิร์ตหน้า
รถ Almera Nismo จะติดตั้งส่วนประกอบเหล่านี้จากโรงงานโดยตรง และไม่ใช่
มาติดตั้งเอาเองที่ดีลเลอร์ โดยราคารุ่น Nismo E อยู่ที่ 538,000 บาท รุ่น Nismo
EL อยู่ที่ 579,000 บาท และ Nismo VL 655,000 บาท
แต่ยังก่อน ถ้าอยากได้ชุด Performance Package อันประกอบไปด้วย
โช้คและสปริงโหลดจาก Nismo (โหลดด้านหน้า 40 มม. ด้านหลัง 20 มม.)
มีท่อไอเสีย S-Flow ล้ออัลลอย 16 นิ้วกับยาง 205/50/16 คุณจะต้องจ่ายเพิ่ม
96,000 บาท และสามารถติดตั้งได้เฉพาะที่ศูนย์บริการที่คัดเลือกมาแล้ว 31 แห่ง
Promotion: กรุณาสอบถามที่บูธ Nissan
ROLLS-ROYCE
– สู่ความพิเศษกับคชมงคล
เผยโฉมรถหรูเปิดประทุนรุ่น Dawn ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมระบบหลังคา
ที่ทำงานอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว 20 วินาที ภายในหรูหราคัดมาด้วยหนัง
และไม้อย่างดี ใช้เครื่องยนต์ 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ 12 สูบที่มีพลังถึง 563
แรงม้า และแรงบิด 780 นิวตัน-เมตร
ในวาระพิเศษนี้ Rolls-Royce ได้โชว์ผลงานของบริการสั่งทำพิเศษ
หรือ Rolls-Royce Bespoke ซึ่งปรับการตกแต่งรถให้หลากหลายตามรสนิยม
(และกำลังทรัพย์) ของเจ้าของรถ ไฮไลท์ในปีนี้คือ Roll-Royce Ghost รุ่นฐานล้อยาว
“คชมงคล” ซึ่งใช้ช้าง สัญลักษณ์สำคัญของประเทศเราในการทำ มีการตกแต่ง
ภายในเป็นลายช้างที่ต้องอาศัยความร่วมมือของ Rolls-Royce ที่อังกฤษ
กับ Roll-Royce Motor Cars ที่กรุงเทพและกรมศิลปากร เพื่อสร้างงานออกมา
ให้ประณีตที่สุด ใช้ตัวถังสีขาว English White ภายในบุหนังชั้นดีสีเทาสลับน้ำตาล
และเย็บตะเข็บสีส้ม
Rolls-Royce Ghost รุ่น คชมงคล ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกับ Dawn ตั้งราคาไว้
ในงาน 36,900,000 บาท และมีเพียงคันเดียวในโลก
SSANGYONG
– เดินหน้าต่อด้วย Stavic และแนะนำ Tivoli
Ssangyong ยังมุ่งขาย Stavic เป็นหลักอยู่ แต่มีรถที่น่าสนใจคือ
Tivoli ซึ่งเป็นรถสไตล์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ซึ่ง ณ ช่วงเวลาที่
ผมเข้าบูธนั้นยังไม่ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ
Tivoli ตั้งชื่อตามเมือง Tivoli ในอิตาลี แต่ที่เลือกชื่อนี้ส่วนหนึ่งเพราะ
มันสามารถผวนตัวอักษรได้ TIVOLI->ILOVEIT ใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
เทอร์โบดีเซล 115 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์
อัตโนมัติ 6 จังหวะของ AISIN
SUBARU
– Forester ไมเนอร์เชนจ์..XT ก็มา!
Subaru ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่และจัดโชว์รถครบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น
XV, Outback, BR-Z, WRX, และ STi ไปจนถึงรถที่เพิ่งโชว์โฉมไป
ในงานที่แล้วอย่าง Levorg 1.6 GT-S รุ่น XV มีการปรับราคาเพิ่มจากเดิม
ทำให้ราคาของ XV 2.0 iP ในปัจจุบัน ขึ้นไปอยู่ที่ 1,298,000 บาท
Forester ไมเนอร์เชนจ์ เป็นพระเอกตัวจริงของงานสำหรับบูธ Subaru
นอกจากมีการปรับปรุงหน้าตาภายนอกและกระจังหน้าใหม่แล้ว รถรุ่นใหม่
ยังมีวัสดุเก็บเสียงที่ดีขึ้นและเลือกใช้กระจกที่หนากว่าเดิม ขุมพลังที่
มีให้เลือก คือรุ่นธรรมดา 2.0 ลิตรไม่มีเทอร์โบ (FB20) 150 แรงม้า
และรุ่น 2.0XT เทอร์โบ (FA20 Turbo) 241 แรงม้า ทุกรุ่นส่งกำลังสู่ล้อ
ทั้ง 4 ผ่านเกียร์ CVT LinearTronic
รุ่น 2.0 จะมีทั้งแบบ 2.0i ธรรมดา และ 2.0i Premium ซึ่งมีอุปกรณ์มากกว่า
เช่นไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ระบบไฟหน้าปรับทิศทางตามการเลี้ยว ที่สำคัญคือ
Forester 2 รุ่นนี้ จะเปลี่ยนจากการนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคันมาเป็นรถประกอบ
ที่มาเลย์เซียที่โรงงานเดียวกับ XV ทำให้ราคาจากเดิมในรุ่น 2.0iL นำเข้า
จากญี่ปุ่น 1,890,000 ลดลงเหลือ 1,398,000 ในรุ่น 2.0i และ 1,498,000 บาท
ในรุ่น 2.0i-P ในขณะที่รุ่น XT จะยังใช้วิธีนำเข้าสำเร็จรูปจากญี่ปุ่นทั้งคัน
ทำให้มีออพชั่นเพิ่ม เช่นล้อขอบ 18 นิ้ว เบาะนั่งหุ้มหนังสลับ Alcantara
เครื่องเสียง Harman Kardon และหลังคา Panoramic โดยตั้งราคาเอาไว้ที่
2,290,000 บาท (สงสัยจริงๆว่าทำไมทำราคาได้ถูกกว่า Levorg 1.6 อีก??)
นอกจากรถในสายการผลิตแล้ว ในงานนี้ Subaru ยังนำเอารถต้นแบบ
VIZIV FUTURE concept ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบขนาดความจุเล็ก
บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า และมีระบบ Eyesight สำหรับตรวจสภาพถนน
และการจราจรข้างหน้าเพื่อส่งข้อมูลกลับไปให้ระบบความปลอดภัยอื่นๆ
พร้อมทั้งยังมีระบบ V2X ซึ่งเป็นระบบสำหรับการสื่อสารข้อมูลกับรถคันอื่นๆ
บนท้องถนน
SUZUKI
– Swift SAI มากับ Ertiga ไมเนอร์เชนจ์
เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้วสำหรับ Ertiga รุ่นปี 2016 รถอเนกประสงค์
7 ที่นั่ง 3 แถวที่มาทั้งรุ่น GL และ Dreza สีม่วงเลื่อมดำ Twilight Violet
เบาะนั่งปรับพับได้ 7 แบบ มีระบบปรับอากาศสำหรับที่นั่งแถวที่ 2
ราคาเริ่มต้น 655,000 บาทในรุ่น GL และ 715,000 บาทในรุ่น Dreza
อ่านบทความ First Impression ทดลองขับ Ertiga Dreza ที่นี่
Swift SAI เป็นรุ่นพิเศษที่นำมาสร้างสีสันระหว่างรอโมเดลเชนจ์ (Oops..)
กระจังหน้าและช่องระบายอากาศด้านหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟ DRL
แบบ LED และได้ล้ออัลลอย 16 นิ้วลายพิเศษเฉพาะรุ่น ฝาถังน้ำมัน….
ตกแต่งด้วยตัวอักษรคันจิ ภายในได้เบาะนั่งลายพิเศษเดินขอบสีขาว
มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift และ Cruise Control รถคันในภาพ
เป็นสีม่วง Moonlight Violet ราคา 599,000 เท่ารุ่น Swift RX
อ่านรายละเอียดราคาและรูปภาพ Swift SAI เพิ่มเติมที่นี่
Promotion:
1. Ciaz, Swift, Celerio, Ertiga ฟรีประกันภัยชั้น 1 และบริการ
ช่วยเหลือฉุกเฉินโดย AGA Services เป็นเวลา 3 ปี
2. Ciaz มีผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน รุ่นอื่นๆ 12 เดือน
TATA MOTORS
มีการนำรถปิคอัพ Tata Xenon 150N X-Plore รุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ
6 จังหวะมาโชว์ โดยยังไม่ประกาศราคา รถคันสีแดงนี้นำเข้ามาเพื่อโชว์
จากอินเดีย ใช้เครื่องยนต์ Dicor EURO IV 2.2 ลิตร เทอร์โบดีเซล
ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา
ที่ขายอยู่ในตอนนี้ มีการปรับราคาเมื่อ 1 มกราคม 2559 เป็น 734,900 บาท
มีเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป เบรก ABS และมีรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยคู่หน้าให้เลือก
นอกจากนี้ในบูธของ Tata ยังมีการนำรถบรรทุกเล็กตระกูล Giant มาโชว์
พร้อมทั้งรถกระบะดัดแปลงสำหรับการประกอบอาชีพเพื่อเป็นไอเดียอีกด้วย
TOYOTA/LEXUS
– Vios เครื่อง+เกียร์ใหม่และสารพัด TRD Sportivo/Lexus RC
Toyota Vios ได้เครื่องยนต์กับเกียร์ใหม่ ปรับแต่งให้รองรับ E85
เครื่องยนต์รหัส 2NR-FBE ขนาด 1.5 ลิตร 1,496 ซีซี.
4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้พละกำลังสูงสุด
108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 140 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคพูเล่ย์ 7 จังหวะ ราคาตั้งไว้ตั้งแต่
599,000 บาทในรุ่น 1.5J ไปจนถึง 749,000 บาทในรุ่น S โดยนอกจาก
เรื่องเครื่องยนต์แล้ว ยังแก้ตัวเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยโดยใส่ระบบเบรก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) และระบบควบคุมการทรงตัว
ในทุกรุ่นย่อย
ส่วนรถอีกรุ่นคือ Yaris TRD Sportivo ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Yaris รุ่น E มาตกแต่ง
ชุดแต่งภายนอก เปลี่ยนสีสันภายใน เปลี่ยนลายล้อ แต่ช่วงล่างยังเป็นชุดเดิม
ไม่ได้ยกสูงแต่อย่างใด
อ่านรายละเอียดราคาและรูปภาพเพิ่มเติมที่นี่
นอกจากรถ Fortuner TRD Sportivo ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือน
ในงานนี้ Toyota ก็ได้นำเอารถ Hilux Revo TRD Sportivo มาขาย
โดยจะมีทั้งบอดี้แบบ Smart Cab ตัวเตี้ย, Smart Cab ยกสูง และรุ่น
4 ประตูยกสูง มีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียงแบบเดียวคือรุ่น 2.4 ลิตร แต่จะมี
ให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ภายนอกมีชุดแต่งสเกิร์ต ล้ออัลลอย
ลายเฉพาะรุ่น และสปอร์ตบาร์ ส่วนภายในมีการคาดแถบสีแดงบนแดชบอร์ด
ดูรูปเพิ่มเติมพร้อมทั้งรายละเอียดราคาได้ที่นี่
ที่ขาดไม่ได้คือรถต้นแบบคันนี้ C-HR Concept ซึ่งเป็นรถครอสโอเวอร์
ที่ร่างจริงของมันจะถูกนำมาขายในไทยช่วงต้นปี 2018 รถคันนี้เคยโชว์
ตัวมาแล้วที่ Tokyo Motorshow พื้นฐานตัวรถนั้นเป็น Toyota New
Global Architecture Platform ชิ้นเดียวกับที่ใช้ใน Toyota Prius
และ Mirai ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าเวอร์ชั่นขายจริงจะมีขุมพลังไฮบริด
ให้ใช้แน่นอน
Promotion ของ Toyota:
1. ทุกรุ่นยกเว้น HiACE, Commuter และ Ventury จองภายในงานรับฟรี
Samsung Galaxy S6 Edge
2. รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (สอบถามกันได้ที่บูธ)
RC200t F-Sport นำเข้ามาเป็นคู่ต่อกรกับ 4-Series และ C-Class Coupe ซึ่ง
ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าราคารุ่น F-Sport ที่ตั้งมาสูงถึง 5,490,000 บาทนั้น
จะสร้างยอดขายได้มากแค่ไหน มาครั้งนี้ มีให้เลือกเพียงแบบเดียวคือรุ่น
2.0 F-Sport ใช้เครื่องยนต์ 8AR-FTS เทอร์โบ 245 แรงม้า
VOLVO
– XC90 ชูเทคโนโลยี T8 Hybrid
หลังจากที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม Volvo ก็ส่ง XC90 โฉมใหม่มาร่วม
งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ โดยมีให้เลือกทั้งรุ่น D5 เครื่องยนต์ดีเซลทวินเทอร์โบ
225 แรงม้า และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ T8 Twin Engine แบบ Plug-in Hybrid
ที่สร้างพลังรวมออกมามากมายถึง 407 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตัน-เมตร
ราคาเริ่มต้นในรุ่น D5 อยู่ที่ 4,890,000 บาท ไล่ไปยังรุ่น T8 Momentum
5,390,000 บาทและรุ่นท้อปคือ T8 Inscription ราคา 5,990,000 บาท
ทั้งนี้ในรุ่น Inscription จะติดตั้งระบบเครื่องเสียง Bowers & Wilkins
Amplifier 1400W Class D 12 Channels ลำโพง 19 ตัว พร้อม Subwoofer
ระบบเสียงรอบทิศทาง Quantum Logic ซึ่งน่าจะเป็นระบบเครื่องเสียง
จากรถสเป็คโรงงานที่เพียบพร้อมที่สุดรุ่นหนึ่งของประเทศไทย
อ่านรายละเอียดเครื่องยนต์และอุปกรณ์เพิ่มเติมของ XC90 ได้ที่นี่
Promotion:
1. V40 Cross Country D4 ฟรีประกันภัยชั้น 1
2. S60, V60 และ S80 (เฉพาะบางรุ่น) ดาวน์ 0% ผ่อนดอกเบี้ย 0%
3. จองซื้อ XC90 ฟรีลำโพง Wireless ของ Bowers & Wilkins
Pan Paitoonpong and Moo Cnoe
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
23 มีนาคม 2016
Copyright (c) 2015 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
March 23, 2016