หลายคนมีประสบการณ์การโดนฟันมาไม่มากก็น้อยยิ่งเป็นคนใช้รถด้วยแล้วยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากกว่าคนทั่วไป
ซึ่งเรื่องราวที่จะนำมาให้อ่านกันในวันนี้ที่ซวยซ้ำซวยซ้อนขับรถไปติดหล่มจนต้องไปขอความช่วยเหลือซึ่งเมื่อ
เอารถขึ้นมาได้แล้วต้องหน้าหงายเมื่อพบว่าค่าใช้จ่ายในการเอารถขึ้นมานั้นแพงกว่ามูลค่ารถทั้งคันซะอีก
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Joel Ramer จากรัฐ Massachusetts ได้เอารถ Jeep คันเก่าของเขา
ออกไปขับเล่นลุยป่าในวันหยุดในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและความสนุกของต้องจบลงเมื่อรถของเขาติดหล่มชนิดที่
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นช่วยอะไรไม่ได้ John เลยเรียกตำรวจใน Walpole เพื่อขอความช่วยเหลือซึ่งเจ้าหน้าที่
ได้ส่งบริษัทลากรถที่มีชื่อว่า Assured Collision Towing Company มาช่วยเอารถ Jeep คันดังกล่าวขึ้นจากหล่ม
ปฏิบัติการลากรถนั้นใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมงซึ่งถือว่านานมากแต่สิ่งที่ผิดปกติกว่านั้นคือ John ได้รับใบเรียกเก็บเงิน
ที่มีมูลค่าสูงถึง 48,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และความซวยนั้นมักจะไม่ได้มาเพียงอย่างเดียวเพราะหลังจากนั้นไม่นาน
Ramer ถูกฟ้องข้อหาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลด้วยโดยที่ Ramer ให้การว่าเขาไม่รู้ว่าป่าที่เขาเข้าไปขับรถเล่นจนติดหล่มนั้น
เป็นพื้นที่ของเอกชน
กลับมาที่เรื่องค่าใช้จ่ายในการยกรถที่สูงเกินเหตุกันต่อ ทางบริษัทให้การว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นคำนวณตามความเป็นจริง
เพราะทางบริษัทได้ซ่อมแซมรถยนต์ของ Joel ที่ได้รับความเสียหายด้วยนอกจากนี้ยังใช้เวลาในการกู้รถขึ้นจากหล่ม
ถึง 12 ชั่วโมงและยังใช้แรงงานถึง 7 คนในการทำภารกิจดังกล่าวซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติงานภายใต้สภาวะที่มีความเสี่ยงสูง
เพราะต้องทำงานกับเครื่องจักรตลอดเวลาซึ่งค่าใช้จ่ายนี้มีความเหมาะสมตามมาตรฐานทั่วไป
อย่างไรก็ตาม Statewide Towing Association หรือสมาคนรถยกแห่งรัฐนั้นได้ออกมาแถลงทันทีว่าค่าใช้จ่ายที่ Joel
โดนเรียกเก็บจากบริษัทรถยกที่เขาใช้บริการนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของมาตรฐานมากซึ่งถ้าจะให้พูดให้ง่ายคือโดนฟันนั่นเอง
ซึ่งข้อมูลค่าใช้จ่ายมีดังต่อไปนี้ การควบคุมงานโดยผู้เชี่ยวชาญบริเวณที่เกิดเหตุจำนวน 16,000 ดอลล่าร์สหรัฐ,
ค่าซ่อมแซมรถมากกว่า 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐ, ประกันค่าเสี่ยงภัยของเจ้าหน้าที่จำนวน 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ,
และเมื่อรวมกับค่าแรงงานทั้งหมดนั้นทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 48,835 ดอลล่าร์สหรัฐ
ที่มา : autoevolution