โดยปกติ ผลลัพธ์จากความร่วมมือในการพัฒนารถยนต์ของ 2 บริษัทส่วนใหญ่มักจะดูคล้ายคลึงกันเอามาก ๆ เพราะคงไม่มีใครกล้าที่จะพัฒนารถยนต์ให้แตกต่างกันมาก ๆ ซึ่งก็หมายถึงต้นทุนในการพัฒนาที่สูงมากยิ่งขึ้น และในเมื่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือของ 2 ค่ายมีรูปร่างไม่แตกต่างกันมากนัก ก็ทำให้ยอดขายโดยรวมถึงเป้าหมายได้ยาก เพราะผู้คนก็ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ตามแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี (เปรียบได้กับกรณี Toyota 86 และ Subaru BRZ)
และเพื่อให้การร่วมมือกันระหว่าง Toyota และ BMW บรรลุเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงด้วยกัน ผู้บริหาร BMW จึงกล้ารีบประกาศถึงแนวทางการพัฒนา All NEW BMW Z4 ว่ามันจะต้องแตกต่างจาก All NEW Toyota Supra ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมรรถนะการขับขี่โดยรวมอีกด้วย ถึงแม้ว่ารถทั้งสองคันจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันก็ตาม
Marc Werner ผู้บริหาร BMW ออสเตรเลียเปิดเผยว่า ยังคงยึดมั่นแนวคิดการพัฒนา ‘Ultimate Drive Machine’ เหมือนเช่นเคย แต่ด้วยเหตุผลด้านธุรกิจจึงทำให้ BMW ต้องร่วมมือกับ Toyota เพื่อร่วมมือกันพัฒนารถสปอร์ตบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันเพื่อให้เกิดความคุ้มทุนในการผลิตและการพัฒนา ซึ่ง Werner ก็ยืนยันว่า All NEW BMW Z4 นั้นจะเป็นรถยนต์ที่แตกต่างจาก Toyota Supra โฉมใหม่อย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่รูปลักษณ์จนไปถึงการขับขี่และบังคับควบคุม
BMW Z4 Concept ที่เพิ่งอวดโฉมไปในเดือนสิงหาคมซึ่ง Adrian van Hooydonk ผู้บริหารฝ่ายงานออกแบบคนใหม่ของ BMW ได้บอกใบ้เอาไว้ว่ารถยนต์ต้นแบบคันนี้คือรถยนต์ที่บ่งบอกแนวทางการออกแบบของ All NEW BMW Z4 ที่จะเผยโฉมในปี 2018
จุดสำคัญที่จะทำให้ All NEW BMW Z4 สร้างความแตกต่างจาก Toyota Supra ก็คือการวางตำแหน่งเป็นรถยนต์สปอร์ต Roadster หลังคาผ้าใบ ขณะที่ Toyota Supra จะกลายเป็นรถสปอร์ตคูเป้ไป
คาดการณ์กันว่า All NEW BMW Z4 น่าจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้าในรุ่น Z4 s20i , 250 แรงม้า ในรุ่น Z4 S30i รุ่นท๊อปสุด Z4 M40i จะติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบ 320 แรงม้า สามารถเลือกแพ๊คเกจที่สามารถอัพเกรดความแรงได้อีก 40 แรงม้า หากคิดว่ายังแรงไม่พอ ส่วนระบบส่งกำลังจะติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ
ที่มา : Motorauthority