ในปัจจุบัน ระบบส่งกำลังหรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า เกียร์ ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและมีส่วนช่วยใน
การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อได้อย่างเต็มที่และช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ยิ่งจำนวนจังหวะเกียร์มากขึ้นก็จะช่วย
ให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้เกียร์อัตโนมัติในปัจจุบันมักจะใช้แบบ 5 จังหวะเป็นมาตรฐาน และรถยนต์
บางคันอาจมีเกียร์อัตโนมัติที่มากถึง 8 จังหวะกันเลยทีเดียว
การพัฒนาเกียร์อัตโนมัติดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย แต่ล่าสุด ZF ผู้ผลิตเกียร์อัตโนมัติป้อนสู่ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของโลก
ได้ออกมาให้ความเห็นว่า เกียร์อัตโนมัติกำลังใกล้จะถึงทางตันในการพัฒนา โดย Stefan Sommer ประธานบริหารของ ZF
กล่าวว่า เกียร์อัตโนมัติที่มี 9 จังหวะ ดูเหมือนจะเป็นจำนวนจังหวะมากที่สุด ที่จะเหมาะสมสำหรับเกียร์อัตโนมัติเสียแล้ว
โดย Sommer ให้เหตุผลว่า ยิ่งเพิ่มจังหวะเข้าไป หมายถึงการเพิ่มเฟืองเกียร์เข้าไปมากขึ้น นั่นทำให้ความซับซ้อนภายใน
ห้องเกียร์มีมากขึ้น และผลกระทบต่อมาคือน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น นั่นก็จะทำให้รถยนต์สูญเสียความประหยัดน้ำมันลงไปอีก
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ZF ได้เปิดตัวและผลิตเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อป้อนสู่ค่ายรถยนต์ทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก
ที่ใช้เครื่องยนต์วางตามแนวยาว โดยในขณะนั้น ZF กล่าวว่า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจะมอบความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น
11% เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป ZF จะเริ่มผลิตเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะให้กับ
บรรดาค่ายรถยนต์ โดยค่าย Chrysler จะเป็นค่ายแรกที่จะนำเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะไปใช้กับรถยนต์ของตน โดยจะให้
ความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
แต่ถึงแม้ ZF จะออกมากล่าวว่าเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะคือขีดจำกัดของเกียร์อัตโนมัติ ค่าย Hyundai ก็ได้ออกมายอมรับ
แล้วว่าตนเองกำลังซุ่มพัฒนาเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ(!)เพื่อนำมาใช้ในรถยนต์ของตน ในขณะที่ค่าย General Motors
และ Ford ได้กอดคอกันพัฒนาเกียร์อัตโนมัติทั้ง 9 และ 10 จังหวะเพื่อนำมาใช้กับรถยนต์ของตน