หลังจากตกเป็นข่าวลือมานาน ว่าจะ Polo จะมีรหัส R ออกมาด้วยหรือไม่ วันนี้ Volkswagen คลายความสงสัยทั้งหมด
ด้วยการเปิดตัว Volkswagen Polo R WRC Street ที่ไม่ใช่เพียงแค่รหัส R ธรรมดา แต่ยังพ่วงดีกรีรายการแข่งรถแรลลี
WRC ติดมาอีกด้วย

alt

รถยนต์รุ่นนี้ ขึ้นแท่น Polo ที่มีความเร็วและแรงที่สุดไปโดยปริยาย เพราะได้หยิบเอาเครื่องยนต์เบนซินรหัส EA888 แบบ 4 สูบเรียง
2.0 ลิตร TSI จากรุ่นพี่ Golf GTI มาปรับจูนใหม่จนมีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 220 แรงม้ามาใช้ อีกทั้งยังมีแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น
เป็น 350 นิวตัน-เมตร เช่นกัน แต่ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเพียงรูปแบบเดียว สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
ในเวลาเพียง 6.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 243 กม./ชม. แต่ยังคงประหยัดน้ำมันด้วยตัวเลขเฉลี่ย 13.5 กม./ลิตร

รูปลักษณ์ภายนอกของ Polo R WRC Street มาพร้อมกับการตกแต่งให้ใกล้เคียงรถแข่งแรลลี่มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้
ล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 18 นิ้ว พร้อมการเปลี่ยนชุดกันชนหน้าและหลังให้มีกลิ่นอายของตัวแข่งแรลลี่ พร้อมช่องดักอากาศ
และครีบรีดอากาศขนาดใหญ่ ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง เพิ่มความมั่นใจในความเร็วสูง ด้านตัวถังภายนอกยังได้รับการติดสติกเกอร์
WRC ในโทนสีน้ำเงิน/เทา เหมือนตัวแข่งไม่ผิดเพี้ยน รวมถึงการติดตั้งสัญลักษณ์ ‘R’ และ ‘WRC’ ในจุดต่างๆของตัวรถอีกด้วย

alt

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับเพดานหลังบุผ้าสีดำ พร้อมเบาะนั่งติดตั้งโลโก้ WRC ด้านพวงมาลัยมาพร้อมกับการหุ้มหนัง
อัลคันทารา เพื่อความกระชับ และแป้นเบรก-คันเร่ง ยังถูกเปลี่ยนให้เป็นสไตล์รถแข่งอีกด้วย ซึ่ง Volkswagen Polo R WRC
จะถูกผลิตขึ้นพิเศษ ในจำนวนจำกัดเพียง 2,500 คัน และผลิตเฉพาะพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น ซึ่งการรับจองจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป ก่อนจะผลิตและส่งมอบในเดือนกันยายน ปี 2013

alt
alt

นอกจากการเปิดตัว Polo เวอร์ชันแรงสไตล์แรลลี่ให้ผู้บริโภคเท้าหนักได้จับจองกันแล้ว Volkswagen ยังได้เปิดตัวฝาแฝด
ในเวอร์ชันรถแข่งแรลลี่เพื่อใช้ในการแข่งขันรายการ WRC ออกมาเช่นกัน ในชื่อ Volkswagen Polo R WRC (ไม่มีคำว่า Street)
โดยความแตกต่าง จะอยู่ที่การปรับแต่งสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ จากการร่วมมือกับ Carlos Sainz นักแข่งแรลลี่มือฉมัง

ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักในทุกจุด ด้วยการตัดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นทิ้ง เปลี่ยนวัสดุฝากระโปรงท้าย, ประตูคู่หน้า และซุ้มล้อ
ทั้ง 4 ให้เป็น Carbon-Kevlar เพื่อลดน้ำหนักลง รวมถึงเพิ่มความกว้างตัวถังขึ้น 138 มม.จากเวอร์ชัน Street ที่ตัวเลข
1,820 มม. ในขณะที่ห้องโดยสารมีการถอดแผงแดชบอร์ดหน้าทิ้ง และปรับตำแหน่งเบาะนั่งใหม่ เพื่อการถ่ายเทน้ำหนักที่
สมบูรณ์ขึ้น

ด้านขุมพลัง เปลี่ยนมาคบหากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแทน โดยสร้างกำลังได้มากถึง
300 แรงม้า และเชื่อมต่อกำลังเข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพื่อการส่งกำลังที่ต่อเนื่องในการแข่งขัน โดย Volkswagen
หวังส่ง Polo R WRC เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่ช่วงปีหน้านี้