Geneva Auto Salon หรือ Geneva Motor Show ปีนี้ Volkswagen สร้างความประหลาดใจเล็กๆ แก่สื่อมวลชน
สายรถยนต์ทั่วโลก เพราะพวกเขานำรถยนต์ต้นแบบที่เคยตกเป็นข่าวลือมาหลายทศวรรษ กลับชาติมาเกิดได้จริง
แต่มาในรูปแบบ Compact Minivan ทรง Tall Boy ในชื่อ Volkswagen Bulli
อันที่จริง Volkswagen เคยทำข่าวหลุดออกมาตั้งแต่ช่วงปี 1988 แล้วว่า มีความคิดอยากนำ รถตู้ Microbus อันเกิดขึ้น
จากไอเดียของ Ben Pon ผู้นำเข้า Volkswagen ในเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 1947 เขาสเก็ตช์ภาพรถ
Omnibus ลงบนฐานล้อของ VW Beetle รุ่นแรก ออกมา จน Volkswagen ตัดสินใจทำขาย ในชื่อ Transporter T1 ,
Microbus , Samba ฯลฯ รถรุ่นนี้เคยได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มฮิปปี้บุปผาชน ช่วงทศวรรษ 1960 และมีการผลิต
ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งต่อยอดมาเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉมอย่าง Transporter (และสืบทอดต่อกันมากลายเป็น Caravelle
ในปัจจุบันที่คนไทยคุ้นเคยกันดี) กลับมาพัฒนาและออกสู่ตลาดใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้ แนวคิดของรถถูกปรับปรุงไปจากเดิม จากที่เคยเอาใจกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่
ก็หันมาเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น เพื่อนเยอะ ด้วยแนวคิดเบาะนั่งแบบ 6 ที่นั่ง (3 + 3 Seaters) แทนที่จะเป็นแบบ รถตู้
7-8 ที่นั่ง เหมือนสมัยก่อน ดูได้จากตัวถังมีความยาว 3,990 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,750 มิลลิเมตร และ
ระยะฐานล้อยาว 2,620 มิลลิเมตร บ่งบอกให้เรารู้อย่างชัดเจนว่า เป้าหมายในการกลับมาเกิดครั้งนี้ คือเอาใจวัยรุ่น
ที่กำลังมองหารถยนต์ใช้งานในเมือง ทรงสูงหน่อย อย่าง Nissan Cube , Kia Souls , Toyota Corolla Rumion/ Scion xB
ถึงกระนั้น เส้นสายภายนอกยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมของ Microbus เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีทูโทน หรือการออกแบบ
ด้านหน้ารถให้เป็นรูปตัว V คล้ายกับ Microbus รุ่น Original ติดตั้งล้ออัลลอย 18 นิ้ว พร้อมฝาครอบดุมล้อ
ภายในรถ ตกแต่งด้วยสีแดง ทีมออกแบบเล่นแรงๆ ด้วยการนำ iPad มาติดตั้งฝังไว้ให้ทำหน้าที่เป็นจอ Multi-Function
Touchscreen ไปจนถึงระบบเครื่องเสียง สวิชต์เครื่องปรับอากาศ และระบบนำทาง Navigation System บนแผงควบคุม
คอนโซลกลาง ซึ่งสามารถยกออกไปใช้งานที่อื่นได้เหมือน iPad ธรรมดาทั่วไป (ต้องขอชมเชยว่าแนวคิดนี้ ล้ำมากๆ)
ที่ประหลาดกว่าใคร ก็คือรถคันนี้ ไม่มีคันเกียร์ กับมาตรวัดรอบมาให้ มามาให้ มีเพียงแค่สวิชต์ Rotary ฝั่งขวาของคนขับ
บนแผงหน้าปัด เพื่อสั่งให้รถติดเครื่องยนต์ เดินหน้า หรือถอยหลัง แค่นั้น! ส่วนฝั่งซ้าย เอาไว้ควบคุมสัญญาณไฟต่างๆ
อีกความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ อยู่ที่ว่า รถคันนี้ ไม่ใช้เครื่องยนต์ แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า ด้วยมอเตอร์ 115 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่รับกำลังไฟฟ้าจากแบ็ตเตอรี lithium-ion 40 กิโลวัตต์ ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในเวลา 11.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุด ล็อกเอาไว้ที่ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังยังถูกออกแบบมาให้รองรับการวางเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล เพื่อการทำตลาดจริงใน
อนาคตอีกไม่นานนับจากนี้ อย่างไรก็ดี Bulli ยังเป็นเพียงแค่รถต้นแบบที่ VW ต้องการจะสำรวจปฏิกิริยาลูกค้าให้
แน่ใจก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสู่การผลิตขายจริง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่
——————————///———————————–