Proton ใช้ความพยายามเจรจากเป็นพันธมิตรร่วมกับ Volkswagen ครั้งที่ 2
ปรากฏว่า Volkswagen ไม่อาจยอมรับเงื่อนไขที่ Proton ยื่นเสนอ
หนำซ้ำ Volkswagen ไม่เคยมอง Proton เป็นพันธมิตรที่มีประโยชน์ต่อตนเท่าไร
แถมยังพูดด้วยประโยคเจ็บ ๆ ว่า Volkswagen ยังมีอะไรให้ทำมากกว่าจะดีลกับ Proton
Proton เคยเดินหน้าลุยเจรจาสานสัมพันธ์กับ Volkswagen ในปี 2007
เพื่อขอรับความรู้จาก Volkswagen ในการพัฒนาคุณภาพรถยนต์ Proton
ขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดยุโรป
โดยใช้ Volkswagen เป็นต้นแบบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยกอบกู้สถานการณ์ Proton
ที่นับวันจะเป็นรองค่ายรถยนต์คู่แข่งทั้งสัญชาติเดียวกันอย่าง Perodua
(นำรถ Daihatsu มาแปะตรารถยนต์แห่งชาติ) และต่างสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น
ด้านคุณภาพ, ด้านเทคโนโลยี, ด้านการผลิต เป็นต้น
Proton ก็รู้ดีว่า Volkswagen อยากจะเดินหน้ากวาดส่วนแบ่งการตลาด
ในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น หาก Volkswagen ลุยเดี่ยวก็จะต้องยอมรับความเสี่ยง
เมื่อกลยุทธ์ของตนเดินหมากผิดพลาดและกว่าจะคุมเกมให้อยู่
คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะคลำทางได้ถูกจุด
Proton จึงยื่นเงื่อนไขให้ Volkswagen เข้ามาถือหุ้น Proton
อย่างน้อย 20% แล้ว Proton ก็จะผลิตรถยนต์ในเครือ Volkswagen
โดยไม่ต้องสร้างโรงงานใหม่ในมาเลย์เซียอีกเลยช่วยลดการลงทุนอีกต่อหนึ่ง
หากคิดในมุมกลับ Proton ก็จะได้รับผลประโยชน์เยอะมาก ยกตัวอย่าง
Proton มีสิทธิ์นำรถในเครือ Volkswagen มาประทับตรา Proton
ขายโดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากแม้รถรุ่นนั้นจะเก่าแค่ไหน
แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่ารถคันนั้นก็ต้องมีคุณภาพมากกว่ารถที่ Proton
พัฒนาเองเสียอีก
หนำซ้ำ Proton อาจจะมีสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่าย Volkswagen
ในกลุ่มอาเซียนแทนก็ยังเป็นไปได้
แต่ใช่ว่าหนทางนี้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ Proton คิด
Volkswagen ยังไม่ไว้ใจ Proton ว่าจะกระทำตามอย่างคำมั่นสัญญาอย่างจริงใจหรือไม่
ใคร ๆ ก็รู้ว่า Proton น่าจะได้รับประโยชน์จากการร่วมมือครั้งนี้มากกว่า Volkswagen
เพราะ Proton ต้องการ Volkswagen เพื่อต่อชีวิตให้ตนเองเท่านั้น
อีกทั้ง Volkswagen ก็คงไม่ต้องการให้ Proton มาตีตลาดของตัวเองแน่นอน
ครั้นจะให้แบรนด์ Proton เจาะตลาดระดับ Low-Cost มีตำแหน่งระดับเดียวกับ
Dacia ก็ยากที่จะเป็นไปได้
Volkswagen ไม่กล้าเสี่ยงร่วมหัวจมท้ายกับ Proton เท่าไรนัก
จึงยืนคำขาดกับรัฐบาลมาเลย์เซียต้องรับรองว่ากิจการ Proton
จะยังคงอยู่ดีมีสุขภายใน 3 ปีข้างหน้า
แค่การเจรจายกแรกในปี 2007 ยังมีความข้องใจและไม่ไว้ใจกันระหว่าง
Proton และ Volkswagen จึงทำให้ทั้งคู่ไม่อาจบรรลุข้อตกลงกันได้เลย
แต่ใช่ว่า Proton จะหลาบจำที่เคยโดน Volkswagen สะบัดรักทิ้งเมื่อ 3 ปีก่อน
ล่าสุด Proton ยังดอดเข้าไปกับเจรจากับ Volkswagen เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2010
พร้อมกับเงื่อนไขที่ไม่ค่อยจะแตกต่างจากเงื่อนไข 3 ปีที่แล้วนัก
แต่สภาวะและสถานการณ์ในการเจรจาครั้งที่ 2 กลับไม่เหมือนครั้งแรก คือ
Volkswagen มี Suzuki เป็นพันธมิตรหลักสำหรับการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็ก
ต้นทุนไม่แพง หนำซ้ำยังมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า Proton เสียอีก
ส่วนฝั่ง Proton ก็ประสบความสำเร็จกับรถเล็ก Saga, รถซีดาน Persona และมินิแวน Exora
จนนำพาให้ Proton กลับมามีรายได้ในบัญชีปีงบประมาณ 2009 ราว 72 ล้านดอลลาร์หลุดพ้น
ความยากลำบากที่เคยเผชิญเมื่อหลายปีก่อน
ดังนั้นหาก Proton จะดึง Volkswagen มาร่วมหัวจมท้ายอีกครั้งก็ยากมาก ๆ แล้ว
เพราะ Volkswagen มองไม่เห็นประโยชน์ที่ตนเองได้รับจาก Proton เลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำ Volkswagen ยังเอ่ยประโยคแบบเจ็บ ๆ ว่า Volkswagen ยังมีอย่างอื่นที่สำคัญ
กว่าการเจรจากับ Proton เสียอีก
นี่ก็คือการปฏิเสธอย่างเป็นทางการของ Volkswagen และยังตีกัน
มิให้ Proton เข้ามาเจรจารอบที่ 3 ได้เลย
เราไม่ทราบว่า Proton ไปทำอะไรเจ็บแสบระหว่างการเจรจาหรือไม่
แต่งานนี้คงบอกได้แค่ว่า Volkswagen คงไม่ไปเผาผีกับ Proton อีกต่อไปแล้วล่ะครับ