หลังจากผลุบๆโผล่ๆ มีความเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ และแอบให้สื่อบางเจ้าได้ไปทดสอบ Golf ระลอกสอง ทั้งรุ่น Varient
GTi, GTD, R และ e-Golf ไปเมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศเยอรมนี วันนี้ Volkswagen พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ของ Golf เวอร์ชันใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ 2013 Volkswagen e-Golf รถยนต์ Golf ขุมพลังไฟฟ้า และ 2013 Volkswagen
Golf GTD รหัสความแรงจากขุมพลังดีเซล พลิกความคาดหมายที่คาดกันว่ารุ่น GTi จะได้รับการเผยโฉมออกมาก่อน
สำหรับ Golf GTD นั้น มีรูปลักษณ์ไม่ต่างจาก Golf GTi Concept ที่ได้เห็นกันเมื่อปีที่แล้วเท่าไหร่นัก โดยมาพร้อม
กับกันชนหน้าและหลังที่ออกแบบให้ดูสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นปกติ และมาพร้อมกับกระจังหน้าขลิบเส้นแดง ให้ความรู้สึก
ร้อนแรง รวมไปถึงด้านข้างมีชายประตูที่ยื่นใหญ่ออกมามากขึ้น ด้านท้ายมาพร้อมกับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ และครีบรีด
อากาศบริเวณชายล่างกันชน พร้อมท่อไอเสียโครเมี่ยม สวมล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 17 นิ้ว
ขุมพลังเป็นการหยิบเอาเครื่องยนต์ดีเซลที่ทรงพลังที่สุดของ Golf ให้เลือกใช้ ได้แก่เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบเรียง
พร้อมเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดมากถึง 379 นิวตัน-เมตร ถึงว่ามากกว่า
รุ่นที่แล้ว 13 แรงม้า และ 29.7 นิวตัน-เมตรเลยทีเดียว ทรงกำลังผ่านล้อคู่หน้าผ่านเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ DSG
แบบ 6 จังหวะ สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 7.5 วินาที เร็วกว่ารุ่นเดิม 0.6 วินาที
แม้จะเป็นขุมพลังดีเซลที่แรงมากที่สุด แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งความประหยัดน้ำมันและการปล่อยก๊าซไอเสียต่ำออกไป เพราะสามารถ
สร้างอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ต่ำเพียง 24.3 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซไอเสียลดน้อยลงเหลือ 109 กรัม/กม.
จากรุ่นเดิมที่ทำได้ 139 กรัม/กม.
ด้านห้องโดยสาร ยังคงใช้เบาะนั่งทรงบัคเกต พร้อมการหุ้มผ้าลาย Tartan อันเป็นเอกลักษณ์ของ GTi/GTD เช่นเคย
พร้อมกับการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยทรงใหม่ แต่ยังคงตัดตรงด้านล่างของพวงมาลัยเช่นเคย และมีการใช้แป้นเท้าที่ผลิต
จากสเตนเลสสตีล เพื่อสร้างความสปอร์ตและความแตกต่างจากรุ่นปกติ
ส่วน 2013 Volkswagen e-Golf เป็นการกลับมาของรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล Golf หลังพยายามพัฒนาและผลิต
ในช่วงยุคปี 1970 ในจำนวนจำกัด แต่ก็ต้องพับโครงการไปด้วยความไม่พร้อมของเทคโนโลยี การกลับมาครั้งนี้ ถือ
เป็นความมุ่งมั่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดคอมแพคท์ เพื่อต่อกรกับบรรดาคู่แข่งจาก Nissan/Renault อย่างแท้จริง
โดยซุ่มพัฒนาและศึกษามาตั้งแต่ปี 2008
รูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติมากนัก มีเพียงเปลือกกันชนหน้า-หลัง ที่มีการออกแบบช่องรับอากาศ
ใหม่เท่านั้น รวมถึงภายในมีการอัพเดทจอมาตรวัดและระบบอินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอสัมผัส ที่จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ
การใช้งานพลังไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้น
ขุมพลังที่นำมาใช้ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งบริเวณด้านหน้าตัวรถเพื่อขับเคลื่อนล้อหน้า มีกำลังสูงสุด 115 แรงม้า และ
มีแรงบิด 270 นิวตัน-เมตร ช่วยสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 11.8 วินาที และถูกจำกัดความเร็วเพื่อรักษา
มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไว้ที่ 135 กม./ชม.
แบตเตอรี่ เป็นแบตเตอรี่ชนิด Li-ion ขนาดกำลัง 26.5 kWh ช่วยส่ง e-Golf ให้แล่นได้ไกล 175 กม.ในการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง
ถือว่ายังด้อยกว่า Nissan Leaf ที่ปรับปรุงจนแล่นได้ถึง 228 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง และการชาร์จไฟ ทำได้โดยการเสียบปลั๊ก
กับไฟบ้าน โดยใช้เวลา 5 ชม.เป็นอย่างต่ำ โดยเครื่องเคราสำหรับขุมพลังไฟฟ้าทั้งหมด ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ Golf ถึง 250 กก.
2013 Volkswagen e-Golf จะมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ Normal (ธรรมดา) Eco (ประหยัด)
และ Range (ประหยัดที่สุด) โดยในโหมด Eco จะถูกล็อกกำลังมอเตอร์เหลือ 95 แรงม้า และจำกัดความเร็วสูงสุดเหลือ
120 กม./ชม. ในขณะที่โหมด Range จะตัดการทำงานของระบบปรับอากาศ และจำกัดความเร็วสูงสุดเหลือ 95 กม./ชม.
เพื่อรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด
ทั้ง 2013 Volkswagen Golf GTD และ e-Golf จะพร้อมอวดโฉมต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการในงาน Geneva
Motor Show 2013 ที่จะถึงนี้ ก่อนที่ Golf GTD จะออกจำหน่ายจริงในยุโรปช่วงฤดูร้อนนี้ ส่วน e-Golf ยังไม่เปิดเผย
รายละเอียดการจำหน่ายออกมาในตอนนี้ครับ
ที่มา : Worldcarfans