หลังจาก Volkswagen เปิดเผยรายละเอียด MQB Platform เมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพื่อปูพื้นให้สื่อมวลชนและลูกค้าได้
เข้าใจว่ามันคือพื้นฐานวิศวกรรมร่วมชนิดใหม่ที่สามารถนำไปพัฒนารถยนต์ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์จนไปถึงรถซีดาน
ขนาดใหญ่ ผลพลอยได้นอกจากจะได้รถยนต์ที่มีคุณภาพดีขึ้นก็ยังสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย
Volkswagen Group ตั้งเป้าใช้พื้นฐานทางวิศวกรรม MQB Platform ให้ได้ถึง 40 รุ่นภายในปี 2018 Mr. Ulrich
Hackenberg ผู้ดูแลงานวิศวกรรมอาวุโสและประธานบริหาร Volkswagen Group ผู้ให้กำเนิด MQB Platform ได้
เปิดเผยว่าแพลทฟอร์มนี้สามารถขยายจำนวนชิ้นส่วนร่วมและเพิ่มผลกำไรได้
การทุ่มทุนเงินทุนและเวลาในการพัฒนา MQB Platform ให้สามารถสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนารถยนต์ให้ครบทั้ง
4 แบรนด์ ได้แก่ Volkswagen, Skoda, Audi และ Seat ซึ่งก็ต้องใช้เงินทุนการพัฒนาตอนต้นสูงมาก ๆ เพื่อให้สามารถ
ตอบสนองความต้องการลูกค้าจากความแตกต่างพื้นฐานต่าง ๆ กันสามารถรวบรวมทุกสิ่งอย่างบนพื้นฐาน MQB ได้
ถึงแม้ต้นทุนการพัฒนา MQB Platform จะสูงมาก แต่เมื่อลองวิเคราะห์แล้วก็ถือว่าคุ้มเพราะรถยนต์แบรนด์ในเครือ
Volkswagen จะใช้พื้นฐานทางวิศวกรรม MQB มากถึง 40 รุ่นภายในปี 2018 สามารถลดต้นทุนวัสดุต่าง ๆ ลงถึง 20%
ลดเวลาและขั้นตอนการพัฒนารถรุ่นใหม่
Volkswagen ได้ตัดสินใจเดินหน้าพัฒนา MQB Platform ตั้งแต่ปี 2007 หลังจากประสบความสำเร็จในการเดินหน้า
พัฒนา MLB Platform สำหรับรถยนต์ระดับหรูขึ้นไป ได้แก่ Audi Q7, R8 เป็นต้น
MQB Platform แบ่งออกตามขนาดรถยนต์ 3 กลุ่ม ได้แก่ MQB-0 สำหรับรถยนต์ซับคอมแพคท์รุ่น Polo, MQB-A
สำหรับรถขนาดคอมแพคท์แบบ Volkswagen Golf และ MQB-B สำหรับรถขนาดใหญ่ระดับ Volkswagen Passat
รองรับระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถสร้างรถยนต์หลากรูปแบบตัวถัง ได้แก่ แฮทช์แบค, ซีดาน,
แวกอนและเอสยูวี
Audi A3 Modelchange ถือเป็นรถยนต์คันแรกที่ใช้พื้นฐาน MQB-A และตามมาด้วย Volkswagen Golf เจเนเรชั่นที่
7 ที่จะเปิดตัวใน Paris Motorshow 2012, Seat Leon โฉมใหม่, Volkswagen Touran และ Tiguan รุ่นใหม่
Skoda Fabia เจเนเรชั่นใหม่จะเปิดตัวภายในปลายปีนี้หรือในปี 2013 สร้างขึ้นบนพื้นฐาน MQB-0 ขณะที่
Volkswagen Passat เจเนเรชั่นใหม่จะสร้างขึ้นบนพื้นฐาน MQB-B จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Audi A4 ที่ใช้พื้นฐาน
MLB อีกต่อไป
พื้นตัวถังในแต่ละกลุ่มสามารถขยับความยาวฐานล้อได้ เช่น พื้นฐาน MQB-A สำหรับ Audi A3 จะมีฐานล้อยาว 2,530
มม. แต่ถ้าจะผลิตในแบรนด์ Volkswagen อาจจะมีความยาวฐานล้อ 2,580 มม.และ 2,630 มม. สามารถปรับความ
กว้างแทร๊คล้อได้เล็กน้อย
ประโยชน์ของ MQB ในงานด้านการผลิตคือความไม่ซับซ้อนในการวางแผนการผลิต หากรถยนต์รุ่นใดรุ่นหนึ่งที่ใช้พื้นฐาน
MQB รุ่นใดรุ่นหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ฝ่ายวางแผนการผลิตก็สามารถเร่งการผลิตรถบนพื้นฐาน MQB อีกคันหนึ่งที่
ประสบความมากกว่าได้ง่ายดาย
ถึงแม้พื้นฐานทางวิศวกรรม MQB จะแตกต่างจาก NSF ซึ่งเป็นพื้นตัวถังสำหรับซิตี้คาร์ระดับ Volkswagen Up แต่
Volkswagen วางแผนออกแบบจุดยึดตำแหน่งเครื่องยนต์ให้เหมือนกันทั้งคู่ เพื่อให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่สามารถติดตั้งต่าง
พื้นตัวถังได้โดยไม่ต้องดัดแปลง
นั่นเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการแชร์ระบบส่งกำลังร่วมกัน เพราะมันเป็นต้นทุนที่แพงที่สุด