ย้อนกลับไปปี 2007 เดือนกันยายน Toyota ส่งรถมินิแวนขนาดกลางรุ่นใหม่นาม Mark-X Zio อาศัยใบบุญของตระกูลรถซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง Mark-X เพื่อช่วยผลักดันให้มินิแวนขับเคลื่อนล้อหน้าคันนี้อยู่รอดภายใต้การถดถอยของรถในกลุ่มตลาดนี้เพราะลูกค้าชาวญี่ปุ่นหันไปซื้อมินิแวนทรงตู้อย่าง Nissan Serena, Honda StepWGN และ Toyota Noah/Voxy กันหมดแล้ว

หน้าที่สำคัญของ Toyota Mark-X Zio ก็คือมาทดแทนมินิแวนขนาดกลางเคยฮิตตระกูล Ipsum พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวความคิดจากมินิแวนสำหรับครอบครัวเน้นเนื้อที่ภายในห้องโดยสารกลายเป็นมินิแวนสำหรับคนหนุ่มสาวนักธุรกิจที่ชอบทำกิจกรรมยามว่างและเข้าสังคมบ่อยเพื่อให้สมกับเป็นรถในตระกูล Mark-X ช่วงกลางอายุตลาด Toyota ก็ปรับตำแหน่งการตลาดให้เป็นแนวแวกอนแทนที่จะเป็นรถขนผู้โดยสารเหมือนที่เคยเป็นมาซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่น 5-7 ที่นั่งตามความต้องการลูกค้า

วันนี้ Toyota Mark-X Zio ก็ทำตลาดไปได้ถึง 3 ปีแล้วพร้อม ๆ กับยอดขายที่ค่อย ๆ หล่นร่วงไปเหลือเดือนละ 600 กว่าคันเท่านั้น ดังนั้นก็ถึงเวลาปรับโฉม Minorchange เพื่อเรียกความสดใหม่และกระตุ้นความน่าสนใจอีกครั้ง

Toyota ลงทุนปรับโฉมทั้งรุ่นมาตรฐาน 350G, 240G, 240, 240 Five Style และ Aerial, Aerial F Package แต่รุ่นที่เปลี่ยนโฉมหน้ามากที่สุดเห็นจะเป็นรุ่นมาตรฐานที่เน้นด้านหน้าเรียบ ๆ ก็ถูกปรับโฉมให้กลายเป็นรถแวกอนมาดสปอร์ตดูคล้าย Toyota Wish รุ่นที่แล้วไม่น้อยด้วยแถบกระจังหน้าโครเมี่ยมติดบริเวณด้านบนชิดฝากระโปรงหน้า, เปลี่ยนกันชนหน้าทรงสปอร์ตคมที่มีช่องดักลมขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมลิ้นโครเมี่ยม, ชุดกระจังหน้าบานเกล็ดลายหมากรุก ส่วนไฟท้ายยังติดตั้งโคมใสแต่ปรับเพิ่มเลนส์ไฟเบรคสีแดงและเพิ่มแถบทับทิมใสใต้ไฟท้าย

 

ส่วนรุ่น Aerial ไม่ค่อยถูกปรับโฉมมากมายอย่างที่เราคิดมากนักเพียงแค่ปรับกระจังหน้าให้มีลวดลายซี่ถี่กว่าเดิม ดูลงตัวกว่ากระจังหน้าเดิมมาก ส่วนบั้นท้ายก็ใช้มุขปรับโฉมเช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐานคือติดตั้งแผงทับทิมใสใต้ไฟท้าย

มิติตัวถังยังคงขนาดเท่าเดิมด้วยความยาว 4,715 มม. รุ่น Aerial ยาว 4,705 มม. ความกว้าง 1,785 มม. ความสูง 1,550-1,565 มม.

เครื่องยนต์มีให้เลือกสองขนาดได้แก่เครื่องยนต์ 2AZ-FE 2.4 ลิตร163 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.6 กิโลกรัมเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และเครื่องรุ่นใหญ่ 2GR-FE 3.5 ลิตร 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 35.1 กิโลกรัมเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที

สนนราคาจำหน่ายระหว่าง 2,470,000-3,400,000 เยน ตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันคันต่อเดือน