แม้เทคโนโลยีพลังไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทในวงการรถยนต์มากขึ้น แต่ในระหว่างที่ต้องรอให้เทคโนโลยี
แบตเตอรี่และการชาร์จสูงพอที่จะจูงใจผู้บริโภค บรรยาผู้ผลิตรถยนต์ก็อยากพัฒนารถยนต์ไฮบริดให้ถึงขีดสุดกันก่อน
วันนี้ Renault พร้อมแล้วที่จะกระโดดลงมาเอาจริงกับการทำรถยนต์ประหยัดน้ำมันที่สุด ด้วยการเปิดตัว
Renault Eolab Concept สำหรับงาน Paris Motor Show 2014 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม
งานนี้ Renault ทุ่มแรงพัฒนาไปที่ 3 จุดใหญ่ของตัวรถ ได้แก่ การพยายามหั่นน้ำหนักตัวรถลงให้ได้มากที่สุด
ออกแบบตัวรถให้ลู่ลมมากที่สุด และใช้ขุมพลังที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด
ด้านรูปลักษณ์ของตัวรถ ทีมออกแบบของ Renault ได้ใช้รูปทรงแฮตช์แบกในการพัฒนา แต่ออกแบบรายละเอียด
ในหลายๆจุดเน้นให้รีดกระแสลมได้ดีเป็นพิเศษ เช่น เสา A-Pillar แบบโปร่ง ติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์หน้าแบบกางออก
อัตโนมัติ ติดแต่งครีบรีดอากาศหลังซุ้มล้อหลังที่กางออกมาโดยอัตโนมัติเช่นกัน ติดตั้งล้ออัลลอยเปิด-ปิดช่องอากาศ
อัตโนมัติ ระบบช่วงล่างปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ รวมถึงช่องเดินอากาศบริเวณซุ้มล้อหน้า และบริเวณเสา
C-Pillar ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำมากเพียง 0.235 เท่านั้น
ส่วนงานวิศวกรรมตัวถัง Renault ได้คิดค้นการใช้วัสดุที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป และผสมผสานวัสดุหลากหลาย
รูปแบบ เพื่อช่วยลดน้ำหนักมากที่สุด เช่น การใช้วัสดุคอมโพสิท เหล็กกล้า และอะลุมิเนียมสำหรับตัวถัง ใช้วัสดุ
แมกนีเซียมสำหรับแผ่นหลังคา กระจกบังลมหน้าบางพิเศษ และเปลี่ยนวัสดุภายในห้องโดยสารให้เบาพิเศษ
จนทำให้ภาพรวมของ Renault Eolab Concept มีน้ำหนักเบากว่า Renault Clio รุ่นปัจจุบัน ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
ถึง 400 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ขุมพลังที่เลือกใช้ เป็นขุมพลังลูกผสม Z.E. Hybrid (Zero Emission Hybrid) ผสานเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง
ขนาด 1 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ขนาดกำลัง 6.7 kWh และระบบเกียร์ไร้คลัทช์เพื่อลดแรงเสียดทาน
ตัวเครื่องยนต์นั้น สามารถสร้างกำลังได้ 75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 95 นิวตัน-เมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า ดูจะเป็น
แม่งานหลักในการขับเคลื่อนมากกว่า ด้วยกำลัง 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ผนวกกำลังกัน
จนสามารถสร้างความประหยัดได้ถึง 100 กม./ลิตร (ครับ อ่านไม่ผิด) สามารถแล่นด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวได้
ไกล 60 กิโลเมตร
แม้ Renault จะกล่าวว่าตัวรถ Eolab Concept จะไม่ได้นำไปผลิตจริงแน่ๆ แต่หลากเทคโนโลยีที่ Renault ทุ่มงบ
พัฒนากับรถยนต์ต้นแบบคันนี้ จะได้นำไปปรับใช้กับรถยนต์ขายจริงในอนาคตอย่างแน่นอนครับ