ชาวอังกฤษ มีรสนิยมในการขับรถที่แปลกกว่าประเทศอื่นอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือ พวกเขานิยมชมชอบ
รถยนต์ Hatchback ท้ายตัด ที่ถูกนำมาปรับปรุงสมรรถนะให้แรงเป็นพิเศษ เกินหน้าเกินตา กว่า
เวอร์ชันจ่ายกับข้าวธรรมดาๆ รถเหล่านี้ มีศัพท์เล่นๆ เรียกกันว่า Hot Hatch
แน่นอนว่า ผู้ผลิตรถยนต์เชื้อชาติยุโรป ส่วนใหญ่ เช่น Renault แห่งฝรั่งเศส ก็มักขยันทำรถประเภทนี้
ออกมาขายกันเรื่อยๆ เป็นที่ฮือฮาพาเหียก แก่บรรดา คนชอบรถ เป็นอย่างมาก และครั้งนี้ก็เช่นกัน
อดีตรัฐวิสาหกิจผลิตรถยนต์ ผู้ครอบครองความสัมพันธ์ กับ Nissan Dacia ไปจนถึง Renault Samsung
ก็ปล่อย Hothatch เวอร์ชันพิเศษ Renault CLIO Gordini 200 ที่เผยโฉมครั้งแรก ไปเมื่อ 3 มีนาคม 2010
ประกาศออกขายแล้วเมื่อวานนี้ (17 มิถุนายน 2010) ด้วยราคา 19,650 ปอนด์สเตอร์ริง
เหตุที่ใช้ชื่อว่า GORDINI ก็เพื่อให้เกียรติกับ Amédée Gordini อดีตนักแข่ง และนักพัฒนารถแข่ง
บนพื้นฐานของ รถยนต์ Renault มาตั้งแต่ยุค กลางทศวรรษ 1950 Renault 8 Gordini สีฟ้า คาดแถบ Strip
ยาวจากหน้าจรดหลังรถ 2 เส้น คือรถรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในสนามแข่งอย่างมาก เพราะคว้า
รางวัลที่ 1 3 4 และ 5 ในการแข่งขัน 1964 Tour of Corsica rally ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา
เขาปรับแต่ง และผลิตรถยนต์ Renault เวอร์ชันแรงพิเศษ ออกมามากกว่า 200,000 คัน และกลายเป็น
ตำนานด้านความแรง ที่อยู่คู่บุญบารมีกับ Renault จนถึงปัจจุบัน
Clio Gordini 200 ถูกปรับปรุงขึ้นจาก Clio RenailtSport ซึ่งเพิ่งเปิดตัว เมื่อปีที่แล้ว ตัวรถมีความยาว
4,017 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,585 มิลลิเมตร ตกแต่งภายนอกด้วยสีตัวถัง Malta Blue metallic
อันเป็นสีเอกลักษณ์อีกสีหนึ่งของรถยนต์ Renault เวอร์ชันสปอร์ต คาดด้วยแถบ Strip สีขาว 2 เส้น
พาดยาวตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า จรด ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง เปลือกกันชนหน้า ออกแบบ
ให้เป็นเส้น Blade คล้ายกับ ปีกหน้าของ รถแข่ง Formular 1 ของ Renault กระจกมองข้าง พ่นสีขาว
ใส่ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลาย Gordini ปัดเงา และพ้นสีดำบริเวณขอบลายด้านใน แถมยังแปะตรา
Gordini Series ให้รู้ว่าเป็นรุ่นพิเศษอีกด้วย ส่วนท่อไอเสียคู่ ยกมาจาก Clio RenaultSport ซึ่งมีอยู่แล้ว
อุปกรณ์พื้นฐาน ยกมาเหมือน Clio RenaultSport ตามปกติ ทั้ง เครื่องปรับอากาศ แบบ ดิจิตอล
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ Anti-Submarining ไฟหน้าและใบปัดน้ำฝนแบบเปิดเองได้อัตโนมัติ
ชุดไฟหน้าแบบ Double Optic พร้อม ไฟส่องสว่างตามการเลี้ยว Cornering Lights
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control ระบบตั้งเพื่อเตือนความเร็ว Speed Limiter ระบบ
ควบคุมเสถียรภาพ ESC (Electronic Stability Control) วิทยุ พร้อมเครื่องเล่น CD และระบบ
Bluetooth เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4 ลำโพง 20 วัตต์ สั่งการได้จากรีโมทคอนโทรล
พร้อมช่องเสียบต่อ USB กระจกมองข้างปรับและพับได้ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า พร้อมไล่ฝ้าไฟฟ้า
ระบบกุญแจแบบ Hands Free ล็อก และปลดล็อกได้ โดยไม่ต้องใช้กุญแจ รวมทั้งติดเครื่องยนต์
ได้ด้วยการกดปุ่ม เบาะนั่ง และพวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำได้
แต่สิ่งที่แตกต่างไป คือการตกแต่ง เบาะนั่ง พวงมาลัย และหัวเกียร์ เป็นหนังสีเทาเข้ม สลับสีฟ้า
เฉพาะเบาะนั่งจะมีโลโก้ Gordini ฝังอยู่บนพนักพิง แผงควบคุมกลางจะตกแต่งด้วยสีดำเงา
ส่วนระบบนำทาง Carminat TomTom satellite navigation ต้องจ่ายเพิ่ม 460 ปอนด์ฯ
เซ็นเซอร์ เตือนกะระยะถอยหลังเข้าจอด จ่ายเพิ่มอีก 310 ปอนด์ และ electric panoramic
glass sunroof จ่ายเพิ่มอีก 615 ปอนด์ฯ
Clio Gordini 200 ใช้เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ร่วมกันกับ Clio RenaultSport เป็นขุมพลัง บล็อก 4 สูบ
DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ แรงถึง 203 แรงม้า (HP) ที่ 7,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
215 นิวตันเมตร (21.9 กก.-ม.) ที่ 5,400 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้หน้าด้วย เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Independent steering axis ด้านหลังแบบ Programmed deflection torsion beam
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบ Electric variable power steering สวมยางขนาด
215 / 45 R17 สามารถเปลี่ยนมาใช้ระบบกันสะเทือนแบบ Cup Chassis (แข็งพิเศษ โหลดเตี้ยลงมาอีกนิด
เปลี่ยนสปริง ให้แข็งขึ้น และเปลี่ยน คาลิเปอร์จานเบรกคู่หน้าเป็นของ Brembo ไปจนถึง ปรับระบบ
พวงมาลัยให้ไวขึ้น เพื่อลงแข่งขันในสนาม) ได้แต่ต้องจ่ายเพิ่ม 410 ปอนด์ฯ
Remault จะผลิตรถรุ่นพิเศษนี้ออกมาในจำนวนจำกัด เฉพาะใน สหราชอาณาจักร จะมีเพียง 500 คันเท่านั้น
การส่งมอบจะเริ่มขึ้นได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เป็นต้นไป และแน่นอน ประเทศไทย หมดสิทธิ์ตามเคย
เพราะทุกวันนี้ ไม่มีใคร กล้านำแบรนด์นี้ กลับมาเปิดตลาดกันอีกเลย หลังจากเจ๊งบ๊งไปเมื่อหลายสิบปีก่อน
—————————————–///—————————————