ทิ้่งช่วง จากการ ปรับโฉม ไมเนอร์เชนจ์ ขนานใหญ่ ไปเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น Land Rover ผู้ผลิตรถยนต์ SUV
เชื้อชาติผู้ดี แต่เพิ่งโอนสัญชาติไปอยู่ในเครือของ Tata Motrs แห่งอินเดียไปหมาดๆ ก็ถือโอกาส ฉลอง
ครบรอบ 10 ปี ให้กับตัวลุยสุดหรูขายดี อย่าง Range Rover ไปเมื่อ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ไหนๆก็ไหน Land Rover ก็เลยถือโอกาสเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ที่จะถูกนำมาประจำการใน Range Rover
แทนที่เครื่องยนต์เดิมที่ประจำการอยู่ ไปพร้อมกัน เป็นเครื่องยนต์ Diesel บล็อก V8 DOHC 4.4 ลิตร
Commonrail Turbo 313 แรงม้า (PS) แรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ที่ 7.5 วินาที 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 4 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง พละกำลังเพิ่มขึ้นจาก
เครื่องยนต์เดิมก่อนหน้า 15 เปอร์เซนต์ แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซนต์ แต่อัตราการปล่อยมลพิษลดลง
14 เปอร์เซนต์ จากเดิม 294 กรัม/กิโลเมตร เป็น 253 กรัม/กิโลเมตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันมากถึง
12.81 กิโลเมตร/ลิตร นับได้ว่าเป็น Range Rover รุ่นแรกที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง
เท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF รุ่นล่าสุด 8HP70 โดย Internal Clutch นั้น จะเปิดการทำงาน
เพียงแค่สองตัวไม่ว่าจะอยู่ที่เกียร์ใด และความเร็วเท่าใดก็ตาม ทำให้ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น และ
ลดไอเสียลงได้ นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการสลิปในชุดเกียร์ เพื่อป้องกันการสูญเสียกำลัง และให้
แรงบิดที่ดีในรอบต่ำ
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน บล็อก V8 DOHC 5.0 ลิตร Supercharged
แรงเกินพิกัดไปถึง 510 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดถึง 625 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ
6 จังหวะ จาก ZF ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 5.9 วินาทีเท่านั้น
ระบบห้ามล้อ เป็นดิสค์เบรก 4 ล้อ แบบมีรูระบายความร้อน จาก Brembo ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด
380 มิลลิเมตรที่ จานคู่หน้า และ 365 มิลลิเมตรที่จานคู่หลัง ใช้คาลิปเปอร์เบรคแบบ 6 ลูกสูบ
การตกแต่งภายในใน มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เริ่มตั้งแต่ มีเกียร์แบบ Paddle Shift พร้อมคันเกียร์แบบใหม่
rotary shift knob แบบเดียวกับใน Jaguar XF เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ คันเกียร์ก็จะโผล่พ้นขึ้นมาจากคอนโซลกลาง
ถ้าดับเครื่องยนต์ ก็จะเก็บลงไปในคอนโซลกลางนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปุ่มกดเลือกระบบขับเคลื่อนแบบใหม่
ส่วนภายนอก มีสีตัวถังใหม่คือสี Fuji White (แทนที่สี Alaska White) และสี Baltic Blue (แทนที่สี Buckingham Blue)
นอกจากนี้ยังได้ออกแบบกันชนหน้า, กระจังหน้า, ไฟตัดหมอก, กันชนหลัง และปลายท่อไอเสียสแตนเลสแบบใหม่ด้วย
และสำหรับโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 40 ปีของ Range Rover ได้ผลิตรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดเพียง 700 คันทั่วโลกเท่านั้น
เป็นรุ่นตกแต่งพิเศษด้วยสีดำ Barolo Black พร้อมกระจังหน้าโครเมียมแบบตาข่ายรูปตัวยู ล้อมรอบด้วยกรอบสีดำเงา
ส่วนการตกแต่งภายในมีให้เลือกสองแบบคือตกแต่งด้วยสีดำและสีเบจ (Jet และ Pimento) โลโก้ฉลองครบรอบ 40 ปี
ที่พนักวางแขนของผู้โดยสารตอนหลัง และในจุดอื่นๆอีก 4 จุด พวงมาลัยลายไม้ครึ่งก้าน และหัวเกียร์ลายไม้ใน
รุ่นซูเปอร์ชาร์จ
Land Rover เปิดรับสั่งจอง รถรุ่นใหม่ ในสหราชอาณาจักรกันแล้ว แต่ ยังไม่แน่ใจว่า ในจำนวน 700 คันที่ว่า
จะมีหลุดมาถึงเมืองไทย โดยผู้จำหน่ายรายใหม่ British Motor กันบ้างหรือไม่
——————————————-///———————————————–